บทที่ 215 ไปเมืองหลวง
บทที่ 215 ไปเมืองหลวง
อาหารเย็นมื้อนี้ยังคงกินร่วมกันที่ของบ้านหม่านซิ่ว ส่วนเฉินจื่ออันวันนี้กลับเร็ว
เหล่าซานกับน้องเขยคุยเรื่องงานอยู่ เหมือนว่าจะคุยเรื่องตอนที่เหล่าซานออกไปปฏิบัติงานแล้วเจออะไรมาบ้างอะไรพวกนั้น
พวกเด็ก ๆ ไม่ได้สนใจ พวกเขาพาน้องชายคนเล็กไปเดินเล่นข้างนอก
เสี่ยวเหมยกับเสี่ยวเฉ่าละอายใจมากที่ต้องกินข้าวที่บ้านจื่ออันอยู่หลายวัน
ขณะที่ทั้งสองกำลังปรึกษากันก็เดินเข้าไปช่วยในครัว
ที่จริงในครัวก็มีผู้หญิงอยู่สามคนแล้ว มันมากพอแล้วล่ะ แต่เด็กทั้งสองยืนกรานจะช่วย หม่านซิ่วรู้ว่าถ้าไม่ให้พวกเธอช่วยคงรู้สึกแย่แน่เลยยอมจำนน
ข้างในมีพวกผู้หญิงกำลังคุยเรื่องงานบ้าน ส่วนข้างนอกตรงสวนมีกลุ่มเด็กผู้ชายกำลังเล่นสนุกสนานกัน
ในสวนบ้านเฉินมีแค่สวนผักเล็ก ๆ หนึ่งแปลง ส่วนบริเวณที่เหลือวิ่งเล่นได้ เหมาะให้เด็ก ๆ ใช้เล่นสนุก
พวกเด็กผู้ชายปรึกษากันว่างั้นเล่นนกอินทรีจับลูกไก่*[1] เป็นเพื่อนเฉินซิ่วหย่วนแล้วกัน
ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้ไปเห็นคนอื่นเล่นนกอินทรีจับลูกไก่จากที่ไหน แต่ว่าเขายังเด็กเกินไป คนอื่นไม่อยากให้เขาพูดถึงซ้ำ ๆ และในวันนี้ก็มีโอกาสในที่สุด
เจ้านกอินทรีตัวน้อยอย่างเฉินซิ่วหยวนเหงื่อไหลท่วมร่าง แต่จับลูกไก่ไม่ได้สักตัว
เสี่ยวเถียนที่อยู่ข้าง ๆ ได้แต่มองอย่างมีความสุข
“พี่สาว พี่สาวช่วยด้วย!” ในที่สุดเฉินซิ่วหยวนก็ตระหนักได้พลังต่อสู้ของนกอินทรีอย่างเขาด้อยเกินไป จึงขอความช่วยเหลือจากคนภายนอก
ซูเสี่ยวเถียนคลี่ยิ้มแล้วอุ้มน้องไว้ในอ้อมกอด “ซิ่วหย่วนยังเด็กเกินไปนะ พวกเราไม่เล่นอันนี้ดีกว่าไหม? ไปเล่นพันด้ายกันเอาไหม?”
เธอกังวลว่าถ้าเด็กคนนี้วิ่งนานเกินจะเป็นหวัดเอาได้ จึงพยายามเกลี้ยกล่อมเขา
เฉินซิ่วหย่วนคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วรู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยจริง ๆ ก็พยักหน้าตกลง
เด็กชายยังไม่ลืมที่จะพูดอีกว่า “พี่สาวไปเป็นเพื่อนผม!”
ชัดเจนอย่างที่ว่าคือให้เสี่ยวเถียนเล่นพันด้ายเป็นเพื่อน
เสี่ยวปากับเสี่ยวจิ่วดูเบื่อ ๆ พวกเขาคิดว่าพันด้ายอะไรนี่มันสำหรับเด็กผู้หญิงเล่น พวกเขาเป็นผู้ชายไม่เหมาะหรอก
ส่วนคนที่อายุมากกว่าหน่อยก็รวมกลุ่มกันคุยเรื่องที่เจอในอำเภอวันนี้ สนุกสนานกันมาก
ตอนนั้นเองก็ได้ยินเสียงอาใหญ่ตะโกนเรียก
“ไปล้างมือแล้วมากินข้าวกันเถอะเด็ก ๆ!”
ฉีเหลียงอิงช่วยเด็กเทน้ำอุ่น แล้ววางไว้ใต้ต้นพุทธา ก่อนจะถือผ้าขนหนูรอเอาไว้
ซูเสี่ยวเถียนช่วยเฉินซิ่วหย่วนล้างมือน้อย ๆ อย่างระมัดระวัง และเช็ดด้วยผ้าขนหนูอุ่น ๆ ก่อนจูงมือกันไปกินข้าว
หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ เหล่าซานได้ยินว่าพรุ่งนี้พวกเด็ก ๆ จะกลับกันแต่เช้าตรู่ ตนเองจึงคิดจะกลับบ้านบ้างเช่นกัน
“ฉันบอกหัวหน้าซูแล้วว่าพรุ่งนี้จะกลับไป” เหล่าซานว่า “พี่สะใภ้รอง เหลียงซิ่ว พรุ่งนี้กลับบ้านกันไหม?”
“พรุ่งนี้ไม่ได้พักน่ะ กลับไม่ได้หรอก!”
ครั้งล่าสุดที่กลับบ้านคือสิบวันก่อน เหลืออีกสี่ห้าวันถึงจะได้หยุดพัก
ฟ้ายังสว่างอยู่เลย เหล่าซานจึงไปบ้านเถียนหยวนจื่อ
เถียนหยวนจื่อได้ยินว่าเหล่าซานจะกลับบ้าน เขาจึงตกลงทันทีและให้เจ้าตัวขับรถไป ก่อนจะบอกว่าให้ไปแต่เช้าหน่อยแล้วกลับไว ๆ แทน
แน่นอนว่า เหล่าซานรู้ว่านี่คือความสะดวกสบายที่หัวหน้าทีมมอบให้ เขากล่าวขอบคุณซาบซึ้งก่อนจะกลับบ้าน
พวกเด็กชายอยู่บ้านเฉินจื่ออันในช่วงสองวันนี้ เพราะงั้นที่บ้านจึงมีแค่เด็กผู้หญิงอีกสามคนเท่านั้น แล้วจัดการเรื่องของตัวเองเงียบ ๆ
ซูหม่านซิ่วซื้อขนแกะให้เสี่ยวเหมยและเสี่ยวเฉ่าคนละจิน และให้พวกเธอเรียนรู้วิธีถักเสื้อกันหนาวด้วยตัวเอง
เด็กสาวง่วนอยู่กับการถักเสื้อหนาวด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม ส่วนเสี่ยวเถียนนอนบนเตียงกำลังงีบหลับอยู่ แต่ที่จริงกำลังอ่านหนังสือ
ถึงสองวันนี้จะมีสอบแต่ก็ไม่ลืมอ่านหนังสืออย่างตั้งใจ เพราะอย่างไรค่าตอบแทนที่ได้รับมาก็มั่นคงมาก เธอจึงไม่ยอมแพ้
เหล่าซานกับเหลียงซิวกลับไปพักผ่อนที่บ้านตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะพวกเขาแยกจากกันมานาน
ส่วนฝั่งเฉินจื่ออัน สองสามีภรรยากำลังนอนคุยกันบนเตียง
หม่านซิ่วบอกว่า พวกเด็ก ๆ ช่วยชายคนหนึ่งที่ชื่อถานจื่อสือ
เฉินจื่ออันเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะพูดขึ้น “ถานจื่อสือคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา เมื่อไม่กี่สิบปีก่อนคนเรียกเขาว่าถานป้านเฉิง”
แต่ชื่อเสียงคนนี้ไม่ค่อยดีนักในตอนนั้น ไม่รู้ว่าตกต่ำอย่างในตอนนี้ได้อย่างไร
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมชื่อนี้ฟังดูคุ้นหูจัง ไม่กล้านึกเลย แล้วดูตอนนี้สิน่าสงสารเสียจริง!” ซูหม่านซิ่วถอนหายใจ
อันที่จริงเธอเคยได้ยินชื่ออีกฝ่ายมาก่อน แต่เพียงบางครั้งคราวก็เลยปล่อยมันไป
ตอนที่ถานจื่อสือยังหนุ่ม ๆ นอกจากจะเป็นถานป้านเฉิงแล้ว เขายังมีที่นาหลายพันไร่ ร้านค้าหลายร้อยแห่ง และยังมีเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในบ้านที่ควรค่าแก่การให้คนอื่นคุยกันอย่างเพลิดเพลินด้วย
หลังจากที่เขาพาหญิงงามกลับมาจากข้างนอก ก็เอาอกเอาใจภรรยาน้อยกระทั่งหลังจากที่คลอดลูกชายออกมา เขาก็จัดการกิจการที่บ้านด้วยตัวเอง และคอยข่มเหงภรรยาหลวงที่ใช้หอพระเป็นที่พักพิง
จู่ ๆ หม่านซิ่วก็นึกขึ้นได้ว่า ไม่รู้หญิงชราที่อยู่กับเขาในตอนนั้นเป็นภรรยาน้อยหรือภรรยาหลวงกันแน่
“เขาเคยร่ำรวยเกินไป หลายปีมานี้เขาประสบปัญหาอย่างหนัก คนพวกนั้นมักจะเอาสิ่งดี ๆ ไปจากเขาเสมอ” เฉินจื่ออันกล่าวขณะหยอกล้อลูกชาย
ว่ากันว่า ก่อนหน้านี้ถานจื่อสือไม่มีเงินแล้ว ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า
แต่เฉินจื่ออันรู้สึกว่านี่ต้องไม่เป็นความจริงแน่ แมลงร้อยขา ตายก็ไม่ล้ม อีกฝ่ายมีเงินตั้งมากขนาดนั้น จะไม่เตรียมซ่อนไว้ล่วงหน้าได้อย่างไร?
นี่อาจเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่คิด เพราะงั้นถานจื่อสือถึงได้ถูกบดขยี้ทุก ๆ สองสามวัน จะอยู่ก็ไม่ได้ ตายก็ไม่ได้!
ทันใดนั้น หม่านซิ่วก็จำได้ว่าเสี่ยวเถียนจะไปหาอีกฝ่ายในวันพรุ่งนี้ ต้องรีบแล้ว
“เสี่ยวเถียนบอกพรุ่งนี้จะไปหาเขา ฉันต้องรีบไปห้ามหลานเอาไว้แล้ว!”
เพราะมีหลายสายตาคอยจับจ้อง ถ้าเกิดเสี่ยวเถียนโดนคนจ้องแล้วคิดว่าสองคนนี้รู้จักกันจะทำอย่างไร?
“ไม่จำเป็นหรอก ฉันรู้สึกว่านโยบายใกล้จะเปลี่ยนไปแล้ว บางทีเร็ว ๆ นี้อาจจะเห็นสัญญาณ
ดี ๆ นะ!” เฉินจื่ออันกล่าวอย่างเงียบ ๆ
ทุกคนจะรอดแล้ว ถึงจะหลีกเลี่ยงความสงสัยได้ก็กลัวว่าจะไม่ทันการณ์
อีกอย่างช่วงนี้กลุ่มพวกหัวรุนแรงในเมืองสงบลงมากแล้ว แม้แต่ซูเสี่ยวฉินที่ตลบแตลงเก่งที่สุดก็ยังสงบลงด้วย
“จริงหรือ?” หม่านซิ่วไม่เคยพูดเรื่องนี้กับสามีมาก่อนเลย จึงรู้สึกประหลาดใจมาก
“จริงสิ!”
“พ่อของฉันให้พวกเด็ก ๆ เรียนหนังสือ ฉันกังวลว่าพวกเขาไปเรียนแล้วจะเรียนแย่”
ถึงจะหวังว่าพวกหลานไปเรียนได้ แต่หม่านซิ่วก็ยังกังวล กลัวว่าถ้าไปเรียนที่โรงเรียนแล้วจะเรียนได้แย่เอา
ถ้าเรียนแล้วไม่ได้อะไรเลยก็ช่างมันเถอะ แต่ถ้าเรียนแล้วเป็นแบบเสี่ยวฉินจะทำอย่างไร?
แต่ตอนนี้ไม่ต้องกังวลแล้ว
“เธอนี่นะ กังวลเกินไปแล้ว!” เฉินจื่ออันพูดด้วยรอยยิ้ม “พ่อของเธอเป็นคนไม่มีขอบเขตหรือไง? หลายปีมานี้ที่เด็ก ๆ ไม่ได้ไปเรียนยังไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีที่สุดหรือไง?”
เฉินจื่ออันคิดเสมอว่าชายชราเป็นคนฉลาดมาก ไม่งั้นคงเป็นไปไม่ได้หรอกที่ชีวิตครอบครัวจะดีขึ้นเรื่อย ๆ เช่นนี้
ทั้งยังสนิทกับคนคอกวัว และให้พวกเขาเป็นครูสอนเด็ก ๆ ไปในเวลาเดียวกัน ทั้งยังปกป้องพวกเขาไม่ให้โดนข้องเกี่ยวไปด้วย
นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทำได้
“ก็จริงค่ะ ฉันคงกังวลมากเกินไป!” ซูหม่านซิ่วพูดด้วยรอยยิ้ม “เข้านอนเร็วเถอะ! พรุ่งนี้เราต้องตื่นแต่เช้ามาทำอาหารเช้าให้เด็ก ๆ อีกนะ”
สำหรับเฉินจื่ออัน ซูหม่านซิ่วรู้สึกขอบคุณเขามาก
พอเทียบกับสามีแล้ว ครอบครัวของเธอลากเขามาพัวพันเรื่องแบบนี้มากเกินไป แต่สามีไม่เคยรังเกียจ ทั้งยังจัดการให้ทุกครั้ง
เธอรู้ดีว่าเฉินจื่ออันเคารพเธอ และยังคอยรักษาหน้าของเธอเสมอ
แต่เธอเป็นคนไร้ความสามารถจริง ๆ เธอเป็นแค่แม่บ้านช่วยอะไรไม่ได้เลยสักนิด
“ไม่งั้นพรุ่งนี้ก็กลับไปพักที่หงซินสักสองวันไหม? อีกสองวันฉันจะไปเมืองหลวงน่ะ”
“ทำไมจู่ ๆ คุณถึงอยากไปเมืองหลวงล่ะ?” หม่านซิ่วถามอย่างสงสัย
“ไปพบอดีตหัวหน้าน่ะ”
น้ำเสียงของเฉินจื่ออันผ่อนคลาย หากแต่ไม่ได้ผ่อนคลายลงทั้งหมด
*[1] การละเล่นงูกินหาง