บทที่ 217 ได้ชีวิตเรากลับมาก็คุ้มแล้ว
บทที่ 217 ได้ชีวิตเรากลับมาก็คุ้มแล้ว
ซูเสี่ยวเถียนอยากไปดูสถานการณ์ทางฝั่งถานจื่อสือ แต่ซูหม่านซิ่วไม่ไว้ใจให้เธอไปคนเดียวจึงตามไปด้วย
สุดท้ายยหม่านซิ่วก็อุ้มลูกชายและไปพร้อมกับเสี่ยวเถียน ทั้งสามคนเดินไปยังตรอกเล็กด้วยกัน
พอมาถึง เสี่ยวเถียนก็ได้ยินเสียงคนคุยในห้อง เป็นเสียงผู้ชายกับผู้หญิง
ถานจื่อสือรู้สึกประหลาดใจที่เห็นเด็กสาวมา
“สาวน้อย เธอมาแล้ว” ชายชราน้ำเสียงแปลกใจ เขาลากขาข้างที่เจ็บมาหาเธอ แต่ก็โดนเด็กสาวห้ามไว้
“คุณตา รีบนอนเถอะ จะออกแรงกับขาข้างนี้ไม่ได้นะ”
ถานจื่อสือเขินอาย แล้วพูดกับเธออย่างละอายใจ “สาวน้อย ขอบคุณมากเลยนะ ขอบคุณที่ช่วยชีวิตภรรยาของฉัน!”
จากนั้นซูเสี่ยวเถียนก็หันไปสนใจหญิงชราที่นอนอยู่บนเตียงข้าง ๆ
เห็นแค่นอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดเซียว ร่างกายห่มด้วยผ้านวมผืนเก่า ผืนเดียวกับเมื่อวาน
ยามที่อีกฝ่ายมายังเสี่ยวเถียน มุมปากขยับเล็กน้อย แต่แทบไม่เห็นรอยยิ้มเลย
แต่เพราะรอยยิ้มนี้ก็ทำให้เสี่ยวเถียนเห็นว่าริมฝีปากเธอแห้งผาก
“คุณยายดื่มน้ำเยอะ ๆ นะคะ เดี๋ยวหนูรินน้ำให้ วันนี้กินยาหรือยังคะ?”
เสี่ยวเถียนว่า ก่อนจะถือถ้วยแตก ๆ มารินน้ำให้
“ขอบคุณมากนะ สาวน้อย” หญิงชรากล่าวขอบคุณสาวน้อยด้วยเสียงแหบแห้ง
ตัวเธอเองคิดว่าคราวนี้จะต้องตายแน่ ๆ แต่ใครจะไปรู้ว่าจะได้พบกับคนใจดี และได้รับการช่วยเหลือเอาไว้
เมื่อครู่ถานจื่อสือบอกว่าเป็นเพราะตัวทำความดีสั่งสมมาเกือบทั้งชีวิต จึงได้รับความความช่วยเหลือตอบแทน
เธอคิดว่าผู้มีพระคุณน่าจะอายุน้อยอยู่แล้ว แต่ก็ไม่น่าอายุเท่าที่เห็นอยู่ตอนนี้สิ เหมือนเด็กสิบขวบเลยใช่ไหม?
เห็นหญิงชราจ้องเสี่ยวเถียนก็ยิ้ม “คุณยาย ไม่ต้องสุภาพกับหนูหรอก หนูเพิ่งเจอคุณเอง! หนูคิดว่า… โชคดีแล้วที่ได้กินยาไป คุณยายอาการดีขึ้นมากเลย!”
ดีขึ้นมากนะ เธอเคยคิดว่าแค่กินยาคงไม่ทำให้คนป่วยร้ายแรงดีขึ้นหรอก
แต่ผลลัพธ์ดีกว่าที่คาดไว้มาก
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ชะตาของคุณยายแข็งแกร่งเกินไป
“ถึงจะยังไม่สามารถตอบแทนคุณที่ช่วยชีวิตฉันได้ แต่ฉันจะตอบแทนสาวน้อยในอนาคตอย่างแน่นอน!” แม้จะเอ่ยได้อย่างยากลำบาก แต่เธอก็พยายามที่จะพูดออกมา
เสี่ยวเถียนไม่ได้คิดถึงการตอบแทนของหญิงชราอยู่แล้ว และป้อนน้ำให้อีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง ก่อนจะลงมือตรวจชีพจร และโล่งใจว่าร่างกายของเธอฟื้นตัวดีมาก
แล้วก็ตรวจชีพจรให้ถานจื่อสืออีกครั้ง แต่ผลลัพธ์ไม่ค่อยดีนัก
เพราะกระดูกมันหัก ยิ่งด้วยวัยเช่นนี้ มันเป็นปกติแล้วที่จะไม่ได้ขึ้นในเร็ววัน
“ร่างกายของพวกคุณไม่ดีเลย ขาดสารอาหารอย่างรุนแรง ต้องกินข้าวอย่างจริงจังแล้วนะคะ ดีที่สุดคือกินไข่กับเนื้อสัตว์…” ว่าจบ เธอก็จำได้ว่าอาหารพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่ได้มาง่าย ๆ แล้วจะได้กินมันเลย
ช่างเถิด อย่าพูดเลยอย่างน้อยก็ไม่ทำรายจิตใจคนอื่นเขา
ถานจื่อสือมองเสี่ยวเถียน จากนั้นก็มองซูหม่านซิ่ว และตัดสินใจได้ในที่สุด “สาวน้อย คุณช่วยตาแก่คนนี้หน่อยได้ไหม?”
ซูเสี่ยวเถียนมองสีหน้าเคร่งขรึมอย่างยิ่ง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะให้ช่วยอะไร
“คุณตาพูดเถอะค่ะ”
“ช่วยซื้อไข่ให้ฉันสักหน่อยได้ไหม? ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะให้เงินคุณ” เขาหยุดไปครู่แล้วพูดต่อ “แต่ในมือฉันไม่มีตั๋วเลย นอกจากเงินแล้วก็…”
เขาลังเล ราวกับว่าไม่รู้ว่าควรพูดหรือเปล่า
หญิงชราที่นอนอยู่ไม่คิดว่า ถานจื่อสือจะพูดเช่นนี้ออกมา
“ฉันไม่ได้เอาเงินออกมา เอาออกมาแค่ก้อนทองก้อนเงินนิดหน่อย อยากจะให้เธอช่วยเปลี่ยนเป็นเงินที” ยิ่งถานจื่อสือพูดมากขึ้นเท่าไร เสียงก็ยิ่งเบามากขึ้นเท่าไร ทั้งยังไม่กล้ามองสีหน้าหม่านซิ่วด้วย
เพราะใบหน้าเธอดำทะมึน
เอาก้อนทองก้อนเงินมาแลกไข่ วางแผนร้ายใส่ใครหรือเปล่า?
ยุคแบบนี้ใครที่ไหนกล้าฝากก้อนทองก้อนเงินกัน??
“เสี่ยวเถียน พวกเราไปกันเถอะ!” ซูหม่านซิ่วพูดอย่างหนักแน่น เธอกลัวว่าซูเสี่ยวเถียนที่ใจดีจะตอบตกลง
แต่หลานสาวกลับไม่คิดเช่นนั้น ในมือเธอมีตั๋วไข่อยู่
แค่เก็บทองและเงินที่ชายชรามอบให้มาอย่างถูกต้องก็พอ ถึงบ้านเราจะมีไม่น้อย แต่จะมากจะน้อยก็ไม่ค่อยสำคัญหรอก
“อาใหญ่ดูพวกเขาสิ ถ้าไม่กินของดี ๆ สักหน่อยคงฟื้นตัวได้ยากนะคะ!”ซูเสี่ยวเถียนพูดอย่างทนไม่ไหว
“เสี่ยวเถียน แต่พวกเขา…” พอนึกถึงคำของสามี หม่านซิ่วก็ยังกังวล
หลายคนจับตามองถานจื่อสืออยู่ ถ้าพวกเขารู้ว่าชายชราคนนี้มอบทองกับเงินให้เสี่ยวเถียน คงจะโดนหางเลขไปด้วย
สุดท้ายเสี่ยวเถียนก็ยืนกรานจะช่วยเอาไข่สองจินมาให้
“ตอนแรกหนูอยากให้เนื้อสัตว์กับพวกคุณ แต่ด้วยสภาพแวดล้อมแบบนี้ ถ้ากินเนื้อจะโดนจับตามองเอาได้ มันจะแย่เอา”
นี่คือเรื่องจริง และถานจื่อสือก็รู้เช่นกันว่า แค่มีกลิ่นเนื้อเล็กน้อยส่งออกมาก็จะโดนคนจับตามอง
“ขอบใจนะสาวน้อย เมื่อวานก็ซื้อข้าวให้ วันนี้ยังช่วยซื้อไข่ให้อีก นี่เป็นน้ำใจเล็กน้อยจากฉัน ฉันรู้ว่าช่วงนี้เงินมันไร้ค่า แต่หินก้อนนี้มีค่าแน่นอน”
ไม่รู้ว่าถานจื่อสือหยิบแหวนเงินออกมาจากไหน ด้านบนมีไพลินน้ำงามประดับอยู่
ถึงเสี่ยวเถียนจะไม่รู้จักอัญมณี แต่ตอนนี้เธอถูกดึงดูดด้วยแสดงเจิดจรัสของมัน!
“แต่ข้าวไม่กี่จินกับไข่สองจินไม่คุ้มค่าเลยนะคะ!” ซูเสี่ยวเถียนปฏิเสธ
ถ้าเป็นทองกับเงินเล็กน้อยเธอยังรับได้ แต่ดูอัญมณีบนแหวนนี่สิ มีค่ามากเลยนะ
ที่บอกว่ามีค่าไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย
แต่พอคิด ๆ ดู เสี่ยวเถียนก็โล่งใจ ของที่ทำให้ถานจื่อสือรอดชีวิตมาได้หลังจากเผชิญโชคมาหลายปีมันจะเป็นของธรรมดาได้อย่างไร!
“เธอไม่ต้องคิดว่ามันมีค่าก็ได้ ของแบบนี้ได้ชีวิตเรากลับมาก็คุ้มแล้ว!”
หญิงชราประหลาดใจที่ตาแก่พูดเช่นนั้น
หลายปีมานี้ ไม่ว่ามันจะยากลำบากแค่ไหนถานจื่อสือไม่เคยเอาของที่ซ่อนไว้ชิ้นสุดท้ายออกมาเลย
ต่อให้ต้องถูกทรมาน ทุบตี โดนทำให้ขายหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าเขาก็ไม่เคยยอมแพ้ นี่ไม่ได้เก็บไว้ให้ลูกชายหรอกหรือ?
ทำไมตอนนี้ถึงยอมเอามันออกมาล่ะ?
“สาวน้อย รับไปเถอะ” ถานจื่อสือพูดอย่างหนักแน่น
ด้วยสองชีวิต แหวนวงนี้ก็ไม่พอตอบแทนคืน
เขาอยากจะให้มากกว่านี้ แต่หลังจากคิด ๆ ดูแล้วก็ล้มเลิกความคิดนั้นไป
ถ้าให้มากไปในคราวเดียว แล้วเด็กคนนี้ไม่ซ่อนไว้ให้ดีจะเกิดหายนะขึ้นได้ง่าย
แต่แหวนวงเดียว มันจะไม่เด่นเกินไป
และเขาไม่รู้หรอกว่า ไม่ว่าจะมอบสิ่งดี ๆ ให้กับซูเสี่ยวเถียนมากแค่ไหน อีกฝ่ายก็เก็บรักษาไว้ได้อย่างดีหมด
ไม่มีอะไรมาก ก่อนหน้านี้ช่วงเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง เสี่ยวเถียนลงชื่อเข้าใช้ระบบครบสามปีโดยไม่พลาดสักวัน จึงได้รับรางวัลใหญ่จากระบบมา
รางวัลนี้เป็นของดีเลย เธอได้กล่องเก็บของมา
ไม่รู้กล่องนี้ใส่อะไรได้บ้าง แต่เธอใส่ของไว้ไม่น้อยเลย ดูเหมือนจะยังไม่เต็มด้วย