เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] – บทที่ 224 ตะลุมบอน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

บทที่ 224 ตะลุมบอน

บทที่ 224 ตะลุมบอน

พอได้ยินเสียงกรีดร้องของลูกชาย จูอวี้หลิงก็หันกลับมามองเสิ่นจื่อเจินด้วยความโกรธ

“เสิ่นจื่อเจิน แกยังเป็นคนอยู่ไหม? แกทนมองลูกชายเจ็บเพื่อหลานสาวนังจิ้งจอกนั่นหรือ?”

ตอนนั้นที่เสิ่นจื่อเจินกลับสงสัยว่าเด็กทั้งสองใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเขาเองหรือเปล่า

เขามองไปที่จูอวี้หลิงด้วยแววตาสงบ แต่เห็นอีกฝ่ายตัวสั่น “ทำไมแกใช้สายตาแบบนั้นมองฉัน?”

“จูอวี้หลิง มองตาฉันสิ พวกเขาเป็นลูกของฉันหรือเปล่า?”

จูอวี้หลิงไม่กล้ามองเข้าไปในดวงตาของเสิ่นจื่อเจิน เธอหันหน้าหนี แสร้งทำเป็นมองไปที่ลูกชายแทน “เสิ่นจื่อเจิน รีบช่วยเฟินเหวินเร็วเข้า”

“บอกฉันก่อนว่าเขาคือลูกชายของฉันหรือเปล่า?” น้ำเสียงทวีคูณความรุนแรงขึ้น ทำให้จูอวี้หลิงยิ่งไม่กล้ามองหน้าเขา

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เสิ่นจื่อเจินรู้สึกว่าคำพูดของเสี่ยวเถียนความค่าแก่การทำให้เขาเชื่อ

ชีวิตในหงซินทุกวันนี้ ความใกล้ชิดของเราสองลุงหลานเยอะขึ้นมาก และรู้ด้วยว่าเสี่ยวเถียนไม่ใช่เด็กที่ไร้จุดหมาย เธอต้องรู้บางอย่างมาถึงได้พูดเช่นนี้

เสิ่นจื่อเจินบีบแขนจูอวี้หลิง ก่อนมุมปากของเธอจะกระตุกด้วยความเจ็บปวด

แต่เธอรู้ว่าตอนนั้นยอมรับไม่ได้ ถ้ายอมรับชีวิตได้จบเห่แน่

เธอกลอกตาพลางครุ่นคิด ก่อนจะโวยวายใส่อดีตสามี

“เสิ่นจื่อเจิน ในเมื่อแกความไร้ปรานีขนาดนี้ อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจเลย ฉันจะสู้กับแกเอง!”

ว่าจบ เธอก็ใช้มือข้างที่บีบหน้าอดีตสามี

เสิ่นจื่อเจินที่ถูกบีบหน้าโดยไม่รู้ตัวนั้น ใบหน้าเขาเป็นรอยแดงฝ่ามือ มันเจ็บปวดเป็นอย่างมาก

“เธอทำบ้าอะไร?” ถึงเขาจะมีพละกำลังไม่มาก แต่ก็ยังเป็นผู้ชาย ทว่าจูอวี้หลิงกลับจับเขาไว้ได้เพียงฝ่ามือเดียว

ซูเถาฮวาเห็นผู้หญิงคนนั้นบีบหน้าสามี ท่าทีก็เปลี่ยนไปแล้วพุ่งเข้าไปทางอีกฝ่ายแล้วเริ่มสู้ด้วยแทน

“นังแพศยา กล้าลงมือกับฉันด้วยสินะ แกหลอกฉัน แกหลอกฉัน!” ตอนที่จูอวี้หลิงไม่ทันตั้งตัว ซูเถาฮวา ก็คว้าผมของเธอไว้หนึ่งกำมือ

ด้วยความโมโหเธอจึงปล่อยมือจากเสิ่นจื่อเจิน แล้วหันมาสู้กับเถาฮวาแทน

เสิ่นเหวินหย่วนที่อยู่ข้าง ๆ มองซ้ายทีขวาที ฝั่งหนึ่งน้องชาย ฝั่งหนึ่งแม่กำลังโดนคนต้อนเข้ามุมอยู่ ไม่รู้ว่าควรจะช่วยใคร

“เหวินหย่วน ช่วยฉันเร็วเข้า!” เสิ่นเฟยเหวินไม่สนใจว่าแม่จะโดนตบตีเหมือนกัน เขาเรียกพี่สาวเพื่อขอความช่วยเหลือ

หญิงสาวมองเถาฮวา จากนั้นก็มองเสี่ยวเถียน รู้สึกว่าในบรรดาสองคนนี้ เด็กหญิงรับมือได้ดีกว่า จึงพุ่งไปทางเสี่ยวเถียนทันที

ซูซานกงคิดจะเข้าไปหยุด

ฉืออี้หย่วนก็พุ่งขึ้นไปจะช่วย!

แต่ได้ยินหญิงสาวแหกปากลั่นออกมาก่อน “ถ้าจับฉัน พวกแกกลายเป็นพวกอนาจารแน่!”

ทั้งสองหยุดชะงัก

ในยุคนี้ถ้าเป็นความผิดเรื่องอื่น ๆ ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ากลายเป็นพวกอนาจารคงได้ถูกถลกหนังแน่

ซูเสี่ยวเถียนร้องเหอะ “พวกพี่ไม่ต้องสนใจหรอก ให้เธอเข้ามาเลย!”

เสิ่นเฟยเหวินโดนเด็กหญิงเหยียบอยู่ แล้วเสิ่นเหวินหย่วนคนเดียวจะไปทำอะไรได้?

อวี่รุ่ยหยวนได้ยินหญิงสาวตะคอกว่าพวกอนาจารก็รู้ว่าพวกหลานชายคงไปช่วยไม่ได้แล้ว โดนใส่ร้ายคงไม่เป็นการดีแน่

แต่ที่นี่มีผู้หญิงไม่กี่คนเอง เถาฮวาสู้อยู่ และคนที่จะช่วยเสี่ยวเถียนได้ก็มีแค่เธอ

แต่เธอไม่เคยสู้กับใครมาก่อนในชีวิตเลย แล้วก็ไม่รู้วิธีสู้ด้วย เพราะงั้นตอนที่ขึ้นไปช่วยจึงร้อนรนมาก

“คุณย่าไม่ต้องมาค่ะ หนูคนเดียวก็พอแล้ว!” ซูเสี่ยวเถียนรีบตะโกน “พี่สาม ช่วยดูแลย่าทีค่ะ!”

ซานกงก็รู้ว่าคุณย่าอวี่สู้ไม่เป็น พอได้ยินน้องเล็กบอกก็รีบไปอยู่ข้าง ๆ หญิงชราทันที

“ลูกสาม ย่าต้องไปช่วยน้อง น้องเป็นเด็ก ถ้าเจ็บขึ้นมาจะทำยังไง?”

น้ำเสียงของอวี่รุ่ยหยวนเต็มไปด้วยความกังวล

เธอเชื่อว่าซูเสี่ยวเถียนสามารถจัดการได้ด้วยตัวคนเดียว แต่มีคนบอกไว้ว่าคนเดียวไม่สู้สองคน ถ้ามีเสิ่นเหวินหย่วนรวมด้วยอีกคนคงแย่แน่

“ไม่เป็นไรครับ ถ้าสู้ไม่ได้จริง ๆ เดี๋ยวผมเข้าไปช่วยเอง!” ซานกงในตอนนี้ต้องทำความเข้าใจถึงพลังการต่อสู้ของเสี่ยวเถียนใหม่แล้ว

งั้นดูเชิงก่อน แต่ถ้าไม่ไหวจะช่วยจับหญิงสาวให้เอง

ผู้ชายคนเดียวคงไม่นับว่าเป็นพวกอนาจารใช่ไหม?

เสิ่นเหวินหย่วนรีบไปช่วย แต่แขนกลับถูกมือเสี่ยวเถียนบีบไว้แน่นแล้วบิดไปด้านหลัง

เสี่ยวเถียนตัวเล็กกว่าเล็กน้อย เพราะงั้นตอนเหวินหย่วนถูกบิดแขนมันจะกลายเป็นท่าย่อ

แปลก ๆ

“แก แก…” เสิ่นเหวินหย่วนกลัวเกินกว่าจะพูดได้

ตั้งแต่เมื่อไรที่สาวน้อยคนเดียวสู้คนสองคนได้โดยไม่เสียแรงเลยสักนิด?

“ถ้าคิดจะทำเรื่องไร้สาระในหงซินล่ะก็ คุณต้องดูก่อนว่าหนูอนุญาตหรือเปล่า!” คำพูดของเสี่ยวเถียนดูหยิ่งยโสยิ่งนัก

พวกพี่ชายอดไม่ได้ที่จะปรบมือ

ส่วนพวกคุณปู่คุณย่าฝั่งคอกวัวผ่อนคลายความกังวลใจได้ในที่สุด

เสิ่นจื่อเจินมองอวี่หลิงและเถาฮวาสู้กัน เขาไม่รู้ว่าควรขึ้นไปช่วยดีไหม

ก่อนหน้านี้เถาฮวายกรอบให้อวี่หลิงก่อน แต่ตอนนี้พวกเธอไม่ไว้หน้ากันแล้ว และคนที่ใช้ชีวิตอย่างมั่งคั่งอย่างจูอวี้หลิงก็ไม่มีใครเทียบเทียมได้

ซูเถาฮวาคร่อมร่างอีกฝ่าย ก่อนจะทึ้งผม

จูอวี้หลิงโดนตบจนเจ็บปวดไปหมด กรีดร้องอย่างโหยหวย น่าสังเวชยิ่งกว่าลูกทั้งสองเป็นร้อยเท่าอีก

“เสิ่นจื่อเจิน นี่แกมองฉันโดนตบแบบนี้หรือ? ฉันไม่ปล่อยพวกคบชู้แบบพวกแกแน่!”

“งั้นจะไปฟ้องฉันหรือ? จูอวี้หลิง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอทำแบบนี้นะ” เสิ่นจื่อเจินไม่คิดสอดมือเข้าไปยุ่ง และเถาฮวาก็ไม่ได้เสียเปรียบด้วย

ที่จริง เถาฮวาก้าวออกไปข้างหน้าเพื่อปกป้องเขา ในใจจึงหวานล้ำนิดหน่อย

นานแล้วไม่ได้รู้สึกถึงการปกป้องจากคนอื่น มันดีจริง ๆ!

“ปากเธอนี่มันเหม็นจริง ๆ ด่าไม่หยุดเลย!” ซูเถาฮวาตบจูอวี้หลิงอย่างแรงก่อนจะปล่อยเธอไป

ทันทีที่ลงมือเสร็จ เถาฮวาก็มองหน้าสามี แววตามีความขี้ขลาดเล็กน้อย

เธอโกรธจึงพุ่งออกไปลงมือใส่ พอจัดการเสร็จก็นึกได้ว่าไม่ควรทำ

เสิ่นจื่อเจินจะคิดว่าเธอหยาบคายไหม?

จูอวี้หลิงที่เสียเปรียบอยู่ข้าง ๆ รีบหมุนตัวไปซ่อนทันที!

เธอกลัวจะโดนตบอีก!

ช่างเป็นสถานที่อันป่าเถื่อนอะไรอย่างนี้!

ตอนนั้นตัวเธอลืมไปเสียสนิทว่าพวกเธอสามแม่ลูกเป็นฝ่ายลงมือก่อน

ส่วนคนอื่นคอยรับมือไว้

ตอนนั้นเองที่หวังเซียงฮวารีบวิ่งเข้ามาพร้อมกับลูก พอเห็นเสี่ยวเถียนได้เปรียบในการดวลตัวต่อตัวเธอตกใจมาก

ตั้งแต่เมื่อไรที่ลูกสาวผู้อ่อนโยนแข็งแกร่งขนาดนี้?

ไม่ได้ ๆ แบบนี้ไม่ดีนะ เด็กผู้หญิงคนเดียวต้องได้รับการปกป้องจากพวกพี่ ๆ สิ

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เธอก็จ้องมองไปที่พวกลูกชาย

ไม่รู้จริง ๆ ว่าทำอะไรอยู่ ไม่รู้หรือไงว่าต้องเข้าไปช่วยน่ะ?

พวกซานกงพูดไม่ออก ไม่ใช่ว่าไม่อยากช่วย แต่เสี่ยวเถียนแกร่งเหลือเกิน ไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาลงมือเลย!

ซูซานกงหัวเราะแห้ง “แม่ ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่ช่วย แต่เธอบอกว่าถ้าพวกเราลงมือจะกลายเป็นพวกอนาจาร!”

พวกเขาไม่อยากเป็นพวกอนาจารนะ!

หวังเซียงฮวาตะลึง มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ?

ไม่น่ายินดีเลยจริง ๆ สู้ก็สู้สิ เป็นพวกอนาจารแล้วมันเกี่ยวอะไรกัน?

“งั้นหรือ? พวกลูกสมควรเป็นพวกอนาจารหรือเนี่ย?”

ประโยคเดียวที่ทำเสิ่นเหวินหย่วนโกรธจนอยากจะระเบิด

หมายความว่าไง? เธอเป็นสาวชาวเมือง ทำไมถึงไม่ควรค่าแก่การบอกว่าคนอื่นเป็นพวกอนาจารล่ะ?

เธอหน้าตาดี สวย มีชายหนุ่มในเมืองไม่น้อยเลยที่อยากจะเป็นคู่ครองกับเธอนะ!

เธอคิดจะด่าแต่ต้องดิ้นรนก่อน ทว่าก็โดนเสี่ยวเถียนจับกดให้ต่ำ ความเจ็บปวดในร่างกายทวีความรุนแรงขึ้น

หวังเซียงฮวามองเถาฮวาปัดดินออกจากร่าง และเห็นผู้หญิงอีกคนที่มีดินเปรอะเต็มร่างก่อนจะรับรู้ได้

สองคนนี้สู้กัน ดูเหมือนเถาฮวาจะชนะ

สบายใจแล้ว!

หวังเซียงฮวามองไปรอบ ๆ จากนั้นโบกไม้ที่ใช้กับขี้ไก่ในมือสะบัดใส่จูอวี้หลิง

“พวกแกเป็นใครกัน? กล้าสร้างปัญหาถึงหงซินของเราเลยงั้นหรือ!”

ตอนที่เข้าไปใกล้หญิงคนนั้นเธอก็เหวี่ยงไม้ในมือแรงขึ้น จนขี้ไก่กระเด็นเป็นฝอย ๆ ใส่ร่างจูหวี่หลิง

หญิงวัยกลางคนมองขี้ไก่ที่กระเด็นใส่มาแล้วถอยกรูดไปด้านหลัง

ถึงจะหยาบคายแต่ก็ยังดีกว่านังเถาฮวานั่น!

ทำไมเธอถึงมาในสถานที่โสมมแบบนี้นะ?

ผู้หญิงแต่ละคนแข็งแกร่งกันทันนั้น ตั้งแต่เด็กยั้นคนแก่ หยาบคายเป็นไหน ๆ!

เธอเสียใจนัก ถ้าจะไปตอนนี้จะทันไหม?

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

Status: Ongoing
ซูเสี่ยวเถียนผู้มีชีวิตล้มลุกคลุกคลานได้ย้อนเวลามายังยุค 70 แล้วเกิดใหม่ในร่างเดิมครั้งเมื่ออายุ 7 ขวบ ผู้ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยพี่ชายสุดคลั่งรักเก้าคน โดยการทะลุมิติในครั้งนี้มีระบบวิเศษติดตัวมาด้วย คือ ‘ระบบอ่านหนังสือ’ ซึ่งมาพร้อมกับห้องสมุดส่วนตัว เธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีปัญหาใดที่หนังสือไม่อาจแก้ไขได้ แต่หากแก้ไขไม่ได้ล่ะ? ก็อ่านหนังสือเพิ่มอีกสักสองเล่มแล้วกัน! หากว่ายังไม่พอก็อ่านเพิ่มอีกสักหลายเล่มหน่อย เธอไม่เพียงแต่อ่านมันคนเดียวเท่านั้น แต่ยังโน้มน้าวพี่ชายสุดแสบทั้งเก้าให้อ่านหนังสือกับเธออีกด้วย ทั้งยังชักชวนให้ผู้เป็นบิดาและมารดาให้มาอ่านหนังสือด้วย แม้แต่คุณปู่และคุณย่าก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้!เมื่อทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับรางวัลเป็นของตอบแทน ยิ่งทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไร ก็จะได้รางวัลมากขึ้นเท่านั้น! ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการอ่านหนังสือจะทำให้เส้นทางชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท