บทที่ 226 ปกป้องน้องให้ดี
เสี่ยวเหมยจำได้ว่าหลังจากที่พ่อคบชู้กับนักศึกษาคัง แม่ทะเลาะกับพ่อบ่อยมาก ลงไม้ลงมืออย่างหนัก แต่แม่ไม่เคยร้องไห้เลย
ทำไมรอบนี้ถึงร้องได้ล่ะ?
พอเห็นเถาฮวาไม่หยุดร้อง เสิ่นจื่อเจินก็ยิ่งกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ
“เถาฮวา ไม่งั้นผมลงมือกับผมก็ได้ แล้วก็อย่าร้องไห้ดีไหม?”
เห็นท่าทางลุกลนของเขาแล้ว อวี่รุ่ยหยวนประหลาดใจ
ก่อนหน้านี้ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายมีด้านนี้ด้วย?
สำหรับคนอื่นก็ประหลาดใจเช่นกัน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉากที่เห็นเป็นของจริง
เสิ่นจื่อเจินไม่รู้เลยว่ากำลังโดนคนมองเขาแสดงความรักกับเถาฮวาอยู่
“อาจารย์เสิ่น ฉัน… ฉันไม่คู่ควรกับคุณเลย!”
เธอรู้สึกด้อยกว่า
เหนือสิ่งอื่นใดคือไม่ว่าจะมองอย่างไร จูอวี้หลิงก็ดีกว่าเธอมาก
คนหยายคายแบบเธอไม่คู่ควรกับสุภาพบุรุษเช่นนี้เลย
“ทำไมเรียกผมว่าอาจารย์เสิ่นล่ะ ทำไมไม่เรียกจื่อเจิน?” เขารีบปลอบ “คุณอย่าคิดมากเลยนะ ถ้าจะบอกว่าใครไม่คู่ควรกับใคร งั้นคงเป็นผมที่ไม่คู่ควรกับคุณต่างหาก!”
“เสี่ยวเถียนบอกว่า คุณอาจจะต้องกลับไป ตอนที่แต่งงานกับคุณ ฉันคิดว่าคุณอาจจะได้อยู่หงซินไปตลอดชีวิต แต่ไม่เคยคิดเลยว่าคุณ…”
เขาใกล้จะไปแล้ว ใกล้จะเดินออกไปจากโลกของเธอแล้ว
หลังจากที่เขากลับเมืองหลวงไป พวกเราก็จะติดต่อกันน้อยลง
“งั้นผมจะไม่กลับไป ชีวิตที่นี่มันดีมากจริง ๆ นะ!” จู่ ๆ เสิ่นจื่อเจินก็พูดออกมาทำให้เธอตกใจมาก
เขาก็ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะพูดเช่นนี้เหมือนกัน
ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะกลับไปใช้ชีวิตอย่างสบาย ๆ หรอกหรือ?
ทำไมพอวันนั้นมาถึงกับพูดแบบนี้ออกมา
นี่คือความในใจที่แท้จริง หรือแค่คิดผิดไปชั่วขณะ? เสิ่นจื่อเจินไม่รู้ ทั้งหมดที่รู้คือเถาฮวาเป็นคนดี และเขาไม่อยากเสียเธอไป
ฉือเก๋อยิ้ม “พอเถอะ ๆ อย่าคิดกันมากไปเลย ยังไม่ได้กลับไปตอนนี้ไม่ใช่หรือไง?”
เสิ่นจื่อเจินส่ายหัวอย่างเคร่งขรึม “ผมพูดจริง ๆ นะ คนที่นี่ใจดีจริง ๆ ถ้าต้องไปอยู่ในที่ ๆ มีแต่คนใจคด ผมกลัวใช้ชีวิตไม่รอด!”
ทุกคนรอบด้านเงียบลง
หลังจากเคยชินกับชีวิตที่นี่แล้วต้องกลับไปเมืองหลวงอีกครั้ง พวกเขาจะใช้ชีวิตแบบนั้นได้อีกไหมนะ?
“อย่าเพิ่งคิดเลยอาจารย์เสิ่น ถ้าต้องกลับไปจริง ๆ ก็ต้องแก้เรื่องสถานะของคุณก่อน พอถึงตอนนั้นให้แม่ลูกเถาฮวาไปเมืองหลวงด้วยก็ได้นี่!” อวี่รุ่ยหยวนว่า
ชื่อเสียงอีกฝ่ายโด่งดังไม่น้อย คนแบบนี้ถ้าจะพาครอบครัวกลับไปด้วยคงไม่มีใครคัดค้าน
เถาฮวาได้ยินแล้ว แต่ไม่มีความสุขเลย เธอเป็นคนชนบท ไปเมืองหลวงจะปรับตัวได้หรือเปล่า?
ถ้าไม่ได้ จะโดนหัวเราะเยาะจนตายไหม?
เธอไม่เชื่อในตัวเองเลย
………
หวังเซียงฮวากำลังไล่ตามเจ้าพวกเด็กแสบถึงบ้าน เธอไม่ลืมบอกให้คนอื่น ๆ ว่าฝากดูแลฟาร์มไก่ไว้ก่อน
“หยุดเลยนะไอ้เด็กพวกนี้ ฉันเลี้ยงพวกแกมาให้ทำอะไร? แม้แต่น้องก็ยังปกป้องไม่ได้!” เธอไล่ตามจนมาถึงบ้าน พอตามได้ทันก็ตวาดลั่นออกมา
ซานกงคิดว่าจะไล่ไม่ทันเสียแล้ว แต่แม่เขาไม่หยุดไล่เลยเนี่ยสิ
เพราะอย่างไรแม่ก็อุทิศตนให้ฟาร์มไก่อยู่แล้ว ทำไมถึงกลับบ้านมาล่ะเนี่ย?
ที่จริงไม่ใช่แค่ตามมานะ แต่พุ่งเข้ามาหาอีกด้วย
“แม่…” ซานกงยิ้มขอโทษ
“ไม่ต้องมาเรียกฉัน ก่อนหน้านี้พวกแกพูดว่าอะไรนะ? จะปกป้องน้องให้ดี แต่แกกลับให้น้องไปสู้กับคนเขาเนี่ยนะ!” หวังเซียงฮวาก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะดึงหูลูกชายแล้วเอ่ยว่า “ยายแก่คนนี้จะบอกอะไรแกให้นะ ถ้ามีครั้งหน้าอีก แกดูแลผิวหนังแกให้ดีเลย”
หลังจากมองไปรอบ ๆ ก็รู้ว่าลูกอีกสองคนไม่อยู่
เธอถามอีกครั้ง “พี่ใหญ่พี่รองล่ะ? วิ่งไปไหนแล้ว”
“แม่ แม่ ปล่อยหูผมก่อน หูจะหลุดแล้วเนี่ย!” ซานกงร้องอย่างเจ็บปวด และเอ่ยขอความเมตตา
เวลาแม่ด่าทีไร ปล่อยหูก่อนไม่ได้หรือไงเนี่ย? หูทำจากเนื้อนะ มันเจ็บนะรู้ไหม!
“บอกมา ไอ้เด็กสองคนนั้นมันไปไหน? ปกติอยู่บ้านทุกวัน แต่เวลาคับขันกลับหายหัวไปเลยนะ!”
“แม่ใหญ่อย่าโทษพี่สามเลย อย่าโทษพี่ใหญ่พี่รองด้วย พวกเขาอยู่บนเขาค่ะ พี่สามสู้หนูไม่ได้จริง ๆ”
หลังจากเห็นความวุ่นวายเธอก็ทนไม่ได้ จึงกอดแขนหวังเซียงฮวาแล้วทำตัวออดอ้อน
“แม่ดูสิ หนูสบายดีไม่ใช่หรือ? หนูไม่เป็นไรเลย แค่สองคงเอง ต่อให้สิบคนรุมหนูก็รับมือได้!”
ซูเสี่ยวเถียนยังคงมีความมั่นใจในตัวเองอยู่บ้าง มันไม่ใช่เพราะเธอเก่งมาก แต่เพราะลูกลุงเสิ่นอ่อนแอต่างหาก
“จากนี้ไปถ้ามีเรื่องแย่ ๆ แบบนี้ให้พี่ชายมันทำไปนะ ถ้าคนเดียวไม่ไหวก็สองคนไปสิ แม่เลี้ยงมันมาให้ปกป้องลูกนะ? เสี่ยวเถียนเอ้ย จะปล่อยให้ตัวเองเสี่ยงแบบนี้ไม่ได้นะ?” หวังเซียงฮวารู้สึกกลัวขึ้นมา
เธอพวกลูกชายด้วยแววตาแข็งกร้าว ไร้ประโยชน์เหลือเกิน กินอะไรเป็นอาหารกัน? ถึงได้สู้น้องสาวไม่ได้!
เสี่ยวเถียนอดยิ้มขมขื่นไม่ได้ แววตามองพวกพี่ชายและคิดว่าพวกเขาต้องรู้สึกไม่สบายใจแน่
หวังเซียงฮวาพูดต่อ “รอย่ากลับมา คอยดูได้เลยว่าพวกแกจะโดนถลกหนังไหม”
แล้วเสี่ยวเถียนก็จำได้ว่ายังมีเรื่องนี้อยู่นี่นา?
เธอลืมไปแล้วจริง ๆ
คุณย่าไม่ใช่คนคุยง่ายด้วยง่าย เรื่องนี้ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
อีกอย่าง การต่อสู้ของย่าแกร่งกว่าแม่ใหญ่มาก พวกพี่ ๆ ต้องลำบากแน่ และเธอเองก็น่าจะโดนหางเลขไปด้วย!
“แม่ใหญ่ ไม่บอกย่าดีไหมคะ แม่คิดว่าไง?” เธอถามอย่างไม่แน่ใจ
ซ่อนไว้จะเป็นการดีที่สุด
“ถ้าพวกลูกไม่บอก แม่ไม่บอก มันจะไม่มีใครบอกแกหรือไง?” หวังเซียงฮวาจ้องลูกสาว
เด็กคนนี้ปกติก็ฉลาดมากอยู่แล้ว ตอนนี้เสี่ยวเถียนกำลังสับสนอยู่ จึงคิดหาวิธีออกมา
อย่างที่ว่าจริง ๆ เรื่องในวันนี้คนเห็นไม่ใช่แค่คนสองคนด้วยซ้ำ จึงยากที่จะเลี่ยงอยู่แล้ว
“ย่ากลับมาจัดการแน่ กล้าออกไปเสี่ยงแบบนี้ รอได้เลย! ส่วนเจ้าพวกเด็กเหลือคอ รอโดนถลกหนังซะ!”
เสี่ยวเถียนแลบลิ้น ไม่คิดเลยว่าจะยุ่งยากเช่นนี้
ถ้ารู้เร็วกว่านี้ สู้ให้พวกพี่ ๆ ไปดีกว่า
อืม เธอตัดสินใจแล้ว จากนี้ไปถ้ามีเรื่องต้องลงไม้ลงมือส่งพี่ชายไปแทนดีกว่า เธอจะยืนมองจากข้างหลังก็พอ
พอคุณย่ากลับมา เธอจะต้องเป็นฝ่ายแก้ปัญหาก่อน จะต้องมุ่งมั่นแก้ปัญหาและผ่อนปรนมันให้ได้!
หลังจากที่หวังเซียงฮวาจัดการลูกชายเสร็จก็สั่งสอนอีกนิดหน่อย ไม่มีอะไรนอกไปจากดูแลน้องให้ดี อย่าปล่อยให้ไปเสี่ยงแบบนี้อีกอะไรทำนองนั้น
เจ้าพวกเด็กเหลือขอไม่กล้าพูดอะไร แล้วยอมรับอย่างนอบน้อม
จากนั้นเธอก็รับไปที่ฟาร์มไก่ เร็วเหมือนมีลมอยู่ใต้ฝ่าเท้า
อันที่จริงฟาร์มไก้ตอนนี้ปกติดีแล้ว ถึงเธอไม่อยู่ก็ไม่มีเรื่องอะไรหรอก
และเธอก็ชินกับมันด้วย ทิ้งได้ไม่นานหรอก เพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่อง
แต่คราวนี้ดันมีเรื่องเกิดขึ้นจริงๆ!