บทที่ 228 เกิดเรื่องอีกแล้ว
บทที่ 228 เกิดเรื่องอีกแล้ว
“คุณย่าวางใจเถอะครับ พวกเขาไม่ได้โง่หรอก!” ซูโส่วเวินว่า “คุณย่า ให้ผมช่วยสับเนื้อได้ไหมครับ?”
ครอบครัวใหญ่กินเนื้อแบบนี้ เนื้อกับผักต้องสับเยอะมากแน่ ๆ
ปล่อยให้ย่าทำคนเดียวคงได้เหนื่อยตายก่อน
“พี่ใหญ่สับเนื้อนะ เดี๋ยวหนูไปเก็บผัก” เสี่ยวเถียนกระโดดโลดเต้นไปหยิบตะกร้าและตั้งใจไปแปลงผัก
“วันนี้เราทำเป็นไส้ฟักทองผสมเนื้อแกะเอาไหม?” คุณย่าซูพูด “ย่าจำได้ว่าบ้านเราฟักทองโตหลายลูกเลย กินแค่นี้ก็พอแล้ว!”
เกี๊ยวไส้ฟักทองเนื้อแกะก็อร่อย เสี่ยวเถียนพยักหน้าซ้ำ ๆ แล้วไปเก็บฟักทอง
“ระวังหนามนะ อย่าให้โดนมือล่ะ มันเจ็บมากเลย!” คุณย่าซูเตือนอย่างเป็นห่วง
ที่จริงถ้าเป็นลูกหลานบ้านอื่น ด้วยวัยเสี่ยวเถียนก็ทำงานได้ไม่น้อยแล้ว แต่ย่าซูรักหลานสาวมาก
“คุณย่า เดี๋ยวผมกับเสี่ยวจิ่วจะไปช่วยด้วยครับ!” เสี่ยวปาทุบอก “พวกเราสองคนมีพลังมาก!”
มองหลานชายที่เหมือนลูกลิงเช่นนั้น คุณย่าซูก็ยิ้ม
พวกที่เหลือเห็นพี่ ๆ น้อง ๆ จะไปช่วยย่าก็เสนอตัวจะช่วยเหมือนกัน
ปอกหัวหอม ตำกระเทียม ตักน้ำ ไม่ว่าอะไรที่ทำได้ พวกเขารีบไปทำทั้งหมด
คุณย่าซูมองพวกเด็ก ๆ ที่ยุ่งวุ่นวายกัน ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าหัวใจอุ่นวาบ ความมัวหมองในวันนี้ถูกลบเลือนไป
ส่วนคุณปู่ซูไม่รู้ว่าวันนี้ไปเจอเรื่องอะไรมา เขาถือปล้องยาสูบในมือแต่ไม่ได้สูบ
สีหน้าของเขาย่ำแย่มาก
บางครั้งก็ถอนหายใจ
คุณย่าซูเดินเข้าหาเห็นสีหน้าสามีพอดี
“ตาแก่ แกไม่ต้องคิดแล้ว หลานบอกวันนี้จะกินเกี๊ยวฟักทองเนื้อแพะกัน รออีกพักพวกอาจารย์ตู้ก็จะมาด้วย!”
คำพูดของภรรยาให้ทำเขาเศร้าน้อยลง
“แต่บ้านเราไม่มีแพะนะ!”
เดิมทีวันนี้เข้าตำบลไปจะซื้อเนื้อ แต่ก็ไม่ได้ซื้อกลับมา
พวกเขาโดนคังเหรินเต๋อทำให้โกรธแทน
ไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมลูกสาวคนเล็กถึงตกหลุมรักคนแบบนี้
ผู้ชายคนนั้นกล้าล่อลวงแม่ม่ายคนหนึ่งในตำบลต่อหน้าพวกเขาด้วย
ถึงจะตัดสินใจไม่ยุ่งกับหม่านเซียงแล้ว แต่ก็หล่อนยังเป็นลูกสาวของเขาอยู่
เจอลูกเขยแบบนี้จะไม่ให้โกรธได้อย่างไร?
คุณปู่ซูพูดด้วยไม่กี่ประโยค แต่กลับโดนอีกฝ่ายบอกว่าจะกลับบ้านไปหย่ากับหม่านเซียง แล้วแต่งกับหญิงม่ายแทน
คุณปู่ซูโกรธจัดจนแทบเป็นลม
แล้วไอ้คังเหรินเต๋อนั่งอยู่ยังกล้าจู๋จี๋กับหญิงม่ายอย่างบ้าบิ่นอีก
ส่วนผู้หญิงก็ไร้ยางอายนัก ต่อหน้าคนมากมายกลับกล้าจู๋จี๋ แม้แต่จับไม้จับมือด้วย
คุณปู่ซูเป็นคนมีความรับผิดชอบ เขาไม่เคยเห็นสถานการณ์ที่ไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อนเลย จึงหมุนตัวกลับด้วยความลำบากใจ
คุณย่าซูด่าลูกเขยไปหลายยก แล้วรีบตามสามีกลับบ้าน
“ตาแก่ จิตใจหม่านเซียงบิดเบี้ยวมาตั้งนานแล้ว พวกเราพูดไว้ว่าจะไม่สนใจเธอแล้วนี่” คุณย่าซูเอ่ยเหมือนเห็นคุณปู่ซูไม่ค่อยมีความสุขนัก
“เธอว่า พวกเรามีโชคดีอะไรกับใครเขาบ้างไหม ก่อนหน้านี้ก็ไอ้หมาหวัง แล้วนี่ยังมีไอ้คังเหรินเต๋ออีกคน!”
ลูกสาวสองคนโชคร้ายไม่ต่างกันเลย!
เขาเริ่มสงสัยแล้วว่าตัวเองตาบอดหรือเปล่าที่เจอลูกเขยแบบนี้
คุณย่าซูไม่รู้จะตอบอย่างไร แล้วพลันได้ยินเสียงจากข้างนอกก่อนจะรู้ได้ว่าพวกฉือเก๋อมาถึงแล้ว ถึงจะชวนสามีออกไปรับแขก
คุณปู่ซูรู้ว่าไม่ค่อยมีแขกมาบ่อย แต่สีหน้าของเขายังเต็มไปด้วยความเย็นชา
เพราะงั้นเขาจึงฝืนยิ้มแล้วออกไปที่ลานบ้าน
อย่างที่คาดไว้ คนจากคอกวัวมากันหมดเลย
วันนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น และทุกคนก็อารมณ์ไม่ดีมาก ๆ
ตอนนั้นเองที่บ้านซูบอกว่าจะทำเกี๊ยว พวกเขาเลยรีบมาเพื่อทำเปลี่ยนและพูดคุยเปลี่ยนอารมณ์กัน
“ป้าคะ เดี๋ยวฉันนวดแป้งนะ ป้ากับป้าอวี่ช่วยเก็บผักก็พอค่ะ!” ซูเถาฮวาพูดด้วยรอยยิ้ม
คุณย่าซูพูดอย่างร่าเริง “ไม่ต้อง ๆ พวกเด็ก ๆ เตรียมไว้หมดแล้ว ฉันแค่หั่นผัก ส่วนอาจารย์อวี่นั่งพักก่อนนะ!”
อวี่รุ่ยหยวนรู้สึกละอายใจ “ฉันต้องหาอะไรทำสักหน่อยถึงจะดี ให้นั่งเฉย ๆ แบบนี้รู้สึกละอายใจนัก!”
“งั้นเดี๋ยวค่อยห่อเกี๊ยวแล้วกันนะ!” คุณย่าซูตอบ
บนเขียงมีแป้งนวดครึ่งก้อนวางอยู่ เถาฮวาถือกะละมังที่มีน้ำอุ่นแล้วเริ่มนวด
“เถาฮวาเอ้ย เสี่ยวกังกับเสี่ยวเหมยล่ะ?” คุณย่าซูถาม
“เสี่ยวเหมยไปตามเสี่ยวกัง เดี๋ยวเด็ก ๆ ตามมาค่ะ”
ซูเถาฮวาไม่ได้ตั้งใจที่จะเกรงใจกับป้า เพราะงั้นพอบ้านซูมาชวนไป เธอก็ให้ลูกสาวไปตามลูกชายมากินข้าวด้วยกัน
“อีกพักเด็ก ๆ ก็ไปเรียนที่อำเภอแล้ว มีเวลากินข้าวด้วยกันน้อยลงแล้วล่ะ!” อวี่รุ่ยหยวนพูดด้วยรอยยิ้ม
ตอนนั้นเองที่เธอเหลือบมองเถาฮวา
ถ้าเสิ่นจื่อเจินต้องกลับเมืองหลวงจริง ๆ เถาฮวาจะไปด้วยหรือเลือกที่จะอยู่ที่นี่?
เมื่อพิจารณาจากความตั้งใจของฝ่ายชายแล้ว เขาจะต้องพาเถาฮวาไปด้วยแน่
แต่อดีตภรรยากับลูกของเขาน่าจะจัดการด้วยยาก เถาฮวาเป็นแบบนี้คงต่อกรด้วยไม่ได้แน่
เดิมที่เถาฮวากับเสิ่นจื่อเจินก็อยู่ดีกินดี และคิดว่าเถาฮวาโชคดีที่หลังจากหย่าก็แต่งงานใหม่กับคนที่รักเธอเอ็นดูเธอด้วย แต่ใครจะรู้เล่าว่าจะเจอเรื่องพวกนี้
ในอนาคต สองคนนี้อาจเดินไปต่อไม่ได้แล้วจริง ๆ สินะ!
พอคิดถึงความเป็นไปได้นี้ อวี่รุ่ยหยวนอดถอนหายใจไม่ได้
แต่เพื่อหลีกเลี่ยงความกังวลใจของย่าซู เธอแสดงสีหน้าไม่ค่อยชัดและพูดเรื่องอื่นแทน
“ครั้งนี้เสี่ยวเหมยสอบได้ดีเลยนี่นา”
“แต่เสี่ยงกังไม่ชอบเรียนหนังสือ คิดแต่จะไปเป็นทหารน่ะสิ!” ซูเถาฮวาถอนหายใจ
ไม่รู้ว่าลูกชายบ้านนี้เป็นอย่างไร อยากจะไปเป็นทหารนัก
ไม่รู้เป็นทหารมันมีดีอะไรกันแน่!
“เป็นทหารก็ได้นะ พูดเรื่องนี้ขึ้นมา เสี่ยวเหลียงได้กลับมาเยี่ยมบ้างไหม?”
“ก่อนหน้านี้ส่งจดหมายมาบอกว่าปีนี้คงไม่ได้กลับ น่าจะเป็นปีหน้าค่ะ!” ซูเถาฮวาตอบ
ไปเป็นทหารแล้วตั้งหลายปี แต่เธอยังมีใจของความเป็นแม่อยู่!
“เสี่ยวกังยังเด็ก อีกสองปีอาจเปลี่ยนใจก็ได้นะ!” คุณย่าซูว่า
หลานที่บ้านก็ไม่ค่อยชอบเรียนหนังสือ แต่ตอนนี้ก็ตั้งใจเรียนอยู่นะ?
“พวกเด็ก ๆ ไม่แน่ไม่นอนหรอก แล้วอีกอย่างไปเป็นทหารก็ดีนะ ถ้าตั้งใจก็จะมีอนาคตอันสดใสได้” อวี่รุ่ยหยวนปลอบโยน
แน่นอนว่ามันทำให้เถาฮวามีความสุขมากขึ้น
ใช่เลย ในจดหมายลูกชายก็บอกว่าตอนอยู่ในกองทัพเขาทำงานได้ดีเลย หัวหน้าระดับสูงชอบเขามาก
ในครัวยุ่งวุ่นวายกันมาก แออัดจนขยับตัวไม่ได้
ที่ลานบ้านมีคุณปู่ซู ฉือเก๋อ ตู้ถงเหอ และเสิ่นจื่อเจิน สี่คนกำลังคุยกันเรื่องทำไร่ทำนา เรื่องระบบชลประทาน
ฉือเก๋อไม่เข้าใจ แต่คนอื่นเข้าใจ เขาฟังมาสองปีแล้วเลยเข้าใจนิดหน่อย
บรรยากาศทั้งภายในและภายนอกกลมกลืนกันมาก!
แต่ทุกคนไม่คาดคิดว่าบรรยากาศที่ดีเช่นนี้จะจบลงอย่างกะทันหันทันทีที่ซูเสี่ยวเหมยกลับมา