เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] – บทที่ 235 ต่อยหมัดเดียวไม่พอก็ต่อยสองหมัดสิ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

บทที่ 235 ต่อยหมัดเดียวไม่พอก็ต่อยสองหมัดสิ

บทที่ 235 ต่อยหมัดเดียวไม่พอก็ต่อยสองหมัดสิ

“นายรู้ไหมว่าฉันจัดการกับพวกไม่เคารพครูบาอาจารย์และคนที่ไม่รักเพื่อนร่วมห้องยังไง?”

ตอนที่ซูเสี่ยวเถียนถามคำถามนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอยังคงสดใสมาก มันทำให้คนมึนงงไปชั่วขณะ

เกือบทุกคนรวมถึงเฝิงเสียงอวี่ตกตะลึง

จากนั้นก็ได้ยินเธอพูดอีกครั้ง “คนแบบนี้ ต่อยสักหมัดก็พอแล้ว!”

“ถ้าต่อยหมัดเดียวไม่พอ ก็ต่อยเพิ่มอีกสองหมัด!”

“แล้วถ้ายังไม่พอใจ ก็ต่อยไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะพอใจ!”

“เพื่อนเฝิงเสียงอวี่ นายบอกฉันสิว่าฉันพูดมีเหตุผลไหม?”

ใบหน้านางฟ้า แต่คำพูดคำจาเหมือนปีศาจ

ทุกคนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ทุกคนที่มองฉากอันคึกคักพลางอ้าปากค้าง

เฝิงเสียงอวี่รูปร่างสูงใหญ่ ตอนพูดจาบีบบังคับคนอื่นเลยไม่รู้สึกว่ามันเป็นปัญหาอะไร

แต่เสี่ยวเถียนเป็นเด็กอายุสิบขวบกว่า ๆ หน้าตาอ่อนหวานเลยเหมือนคนยังไม่โต

มองอย่างไรก็ไม่น่าใช่คนที่จะไปต่อยตีหรือลงโทษอะไรใครได้

“หาญกล้าเหลือเกินนะ!” เฝิงเสียงอวี่ยิ้มเย็นหลังจากตอบสนองได้

อันที่จริงเขาต่อยผู้หญิงอยู่แล้ว แต่ต้องเป็นผู้หญิงที่รู้กฎเกณฑ์

เห็นได้ชัดว่าคนตรงหน้าเขาไม่เข้าใจกฎเกณฑ์

แต่ในเมื่อไม่เข้าใจก็ทำอย่างที่เธอว่านั่นแหละ ต่อยหนึ่งหมัดไม่มากเท่าไรหรอก!

“เธอพูดถูก ต่อยหมัดเดียวก็พอแล้ว ถ้าไม่พอก็ต่อยสองหมัด!” เฝิงเสียงอวี่กำหมัดแน่นเตรียมจะเข้าไปต่อย

หานเหลียงผิงมองสถานการณ์ตึงเครียดตรงหน้า และรีบเกลี้ยกล่อม

เขาจะทำให้เฝิงเสียงอวี่ขุ่นเคืองไม่ได้ และเด็กที่ชื่อเสี่ยวเถียนตรงหน้าเขาก็จะทำให้เธอขุ่นเคืองไม่ได้เหมือนกัน

ครูใหญ่พูดสามรอบว่าคนที่อยู่สนับสนุนเด็กคนนี้คือหัวหน้าเฉิน

หัวหน้าเฉินน่าจะยังคงอยู่ห้องทำงานนะ ถ้าเด็กทะเลาะกันขึ้นมาจะอธิบายอย่างไร?

“พวกเราเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันนะ อย่าทำลายความสัมพันธ์อันดีงามต่อกันเลย!”

หานเหลียงผิงอยากรักษาความสงบเอาไว้

แต่เขาไม่มีทางเลือก สองคนนี้ก็ไม่ใช่คนประเภทยอมเสียเปรียบด้วย

“เธอพูดเองนะ เธอชื่ออะไร ปู่เฝิงไม่ต่อยคนไร้ชื่อเสียงหรอกนะ!”

เสี่ยวเถียนมองเด็กวัยเบียวตรงหน้า แทบไม่อยากจะเอ่ยปากพูดอะไรด้วย

ปู่เฝิง?

เป็นปู่ให้ใครเนี่ย? ไม่ดูเลยว่าตัวเองเหมาะหรือเปล่า!

“ฉันชื่อซูเสี่ยวเถียน ไม่งั้นพวกเราไปฝึกกันหน่อยไหม?” เธอพูดด้วยความไม่ตื่นกลัวใด ๆ

ฝึกกันหน่อย มาดูกันว่าน้ำหนักเป็นอย่างไรกัน!

และคนตรงหน้าก็คือคู่ซ้อม

เฝิงเสียงอวี่ไม่คาดคิดว่าเด็กสาวจะกล้าท้าให้ฝึกกันตรง ๆ

ฝึกหรือ?

ไม่ดูตัวหน่อยเลย ตัวก็เล็กกะเปี๊ยกแล้วจะไปฝึกอะไรได้?

“ถ้าเธอแพ้หรือฉันต่อยเจ็บอย่ามาร้องไห้แล้วกัน!” เฝิงเสียงอวี่ไม่คัดค้าน

ไม่ว่าจะเพศไหน ถ้ามายั่วยุใส่เขาไม่เกรงใจหรอกนะ

เสี่ยวเถียนก็อยากประหยัดเวลาในการแก้ปัญหาเหมือนกัน

ถึงภายนอกจะดูดี แต่ใครจะรู้เล่าว่ามีคนหลายคนรอโอกาสอยู่

นักเรียนแบบเฝิงเสียงอวี่ไม่ได้มีเป็นร้อยคนหรอก แต่ก็มีเป็นสิบ

แล้วถ้าโดนคนมากวนอยู่บ่อย ๆ อย่าแม้แต่จะคิดว่าได้เรียนอย่างสงบสุขเลย

ซูเสี่ยวเถียนรู้สึกเสมอว่า เวลามีค่าและจะต้องไม่สูญเปล่าด้วย

หานเหลียงผิงกระวนกระวายจนเหงื่อออก มันเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?

“พวกเธอสู้กันไม่ได้นะ เป็นเพื่อนร่วมห้องแท้ ๆ นี่เพิ่งจะเปิดเรียนวันแรกเอง ต้องต่อยกันด้วยหรือ?” หานเลี่ยงผิงพูดอย่างจริงจัง

“ครูหานรอสักครู่นะคะ พวกเราจะฝึกทักษะกันค่ะ” เสี่ยวเถียนเป็นฝ่ายตอบ

ว่าจบก็เอ่ยเพิ่มอีกประโยค “ครูหานสบายใจได้นะคะ หนูแค่ให้คำแนะนำ ไม่ต่อยจนพิการหรอกค่ะ!”

หานเหลียงผิงพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง เด็กผู้หญิงตัวคนเดียวทำไมถึงพูดออกมาด้วยความมั่นใจได้ขนาดนี้?

เด็กพวกนี้ดูแลยากจริง ๆ เด็กผู้ชายก็ว่าไปอย่าง แต่นี่มีเด็กผู้หญิงแบบนี้อีก

ร้องไห้จนไม่มีแรงแล้ว!

แต่พอคิดว่าเสี่ยวเถียนเป็นหลานสาวของหัวหน้าเฉิน และก็จำข่าวลือในอำเภอขึ้นได้ว่าหัวหน้าเฉินเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้

เขาเริ่มเชื่อแล้วว่า ซูเสี่ยวเถียนต้องมีความสามารถอย่างแท้จริงแน่จึงพูดแบบนี้ได้ บางทีเธอคงเอาชนะเฝิงเสียงอวี่ได้

และถึงในใจจะเชื่อว่าเสี่ยวเถียนมีความสามารถ แต่หานเหลียงผิงก็ยังให้นักเรียนที่ตัวเองรู้จักแอบไปเรียกครูใหญ่

ส่วนทางด้านเสี่ยวเถียน ทั้งสองมีความเห็นกันอย่างเป็นเอกฉันท์ว่าห้องเรียนเล็กเกินไปที่จะสู้กัน

ทั้งสองตกลงที่จะไปกันที่สนามกีฬา

เรื่องนี้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว

ตอนที่ทั้งสองมาถึง ก็มีคนมารุมล้อมกันอย่างรวดเร็วเลย

พวกเขารู้จักเฝิงเสียงอวี่ และรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกเกเร

ไม่ต้องพูดถึงเด็กชั้นมัธยมต้นปีที่หนึ่งเลย พวกชั้นมัธยมปลายก็โดนรังแกเหมือนกัน

และเฝิงเสียงอวี่มีนัดต่อสู้กับใครบางคน พวกเขาต้องไปดูให้ได้

ยามฝูงชนเห็นฝั่งตรงข้ามเป็นเด็กผู้หญิง พวกเขาสงสัยในทันทีว่าดวงตามีปัญหาหรือเปล่า

มองผิดอยู่แล้ว อยางไรก็มองผิด

เฝิงเสียงอวี่ตัวใหญ่ขนาดนั้น แถมยังรู้ทักษะมวยอีก อาจจะโดนเขาต่อยตายหรือถ้าไม่ตายก็เจ็บหนัก

แม้แต่นักเรียนชายธรรมดา ๆ ก็ยังต้องทนทุกข์เมื่อเจอกับเฝิงเสียงอวี่

แต่สาวน้อยมีความมั่นใจขนาดไหนถึงได้กล้าลงมือกับอีกฝ่ายนะ?

“มาเริ่มกันเลย!” ซูเสี่ยวเถียนกล่าวด้วยรอยยิ้มสดใสและไม่สนใจผู้คนรอบข้าง

ท่าทางแบบนี้ไม่เหมือนจะสู้กันสักนิด

เฝิงเสียงอวี่ไม่คาดคิดว่าเสี่ยวเถียนจะไม่กลัวจริง ๆ เขาคิดว่าพอมาที่สนาม เธอจะกลัวเสียอีก!

หรือเธอจะรู้วิธีสู้จริง ๆ?

น่าอายจริง ๆ ที่โดนเด็กผู้หญิงบีบคั้นแบบนี้!

ถ้าวันนี้เอาชนะไม่ได้ เขาคงไม่ใช่เฝิงเสียงอวี่แล้ว

เด็กชายขยับกำปั้นไปมาแล้วพุ่งเข้าใส่ด้วยเสียงหัวเราะเย็น ๆ

ตอนที่เด็กบ้านซูมาก็เห็นท่าทางมั่นใจของน้องเล็ก

พวกเขามองหน้ากันแต่ไม่ได้พูดอะไร

แค่แอบสูดลมหายใจเงียบ ๆ เตรียมจะพุ่งเข้าไปได้ทุกเมื่อ

หลังจากนั้นทุกคนก็เห็นเฝิงเสียงอวี่พุ่งไปหาซูเสี่ยวเถียน

กำปั้นเหวี่ยงเข้าไปทักทายเด็กหญิงตรง ๆ

แต่เธอผู้กล้าหาญไม่ได้มองต่อและหลับตาลงด้วยความตกใจ

หมัดนี้จะต่อยหัวเธอแตกไหม?

พละกำลังแตกต่างมาก เด็กคนนั้นน่าสงสารเสียจริง!

ตอนที่ทุกคนคิดว่าเสี่ยวเถียนจะเสียเปรียบ พวกเขาก็ได้ยินเฝิงเสียงอวี่คร่ำครวญ

คนที่ไม่กล้ามองนั้น พอได้ยินเสียงก็ตะลึงไปชั่วขณะ!

นี่มันอะไรกัน?

ทำไมไม่ใช่เสี่ยวเถียนที่ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดกัน?

ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมอง ตรงกลางสนามมีเสี่ยวเถียนและเฝิงเสียงอวี่ก็ยืนปกติดี

แต่หมัดและเท้าที่ฟาดลงบนร่างเด็กหนุ่มคืออะไรกัน?

มันดูเบานะ แต่ทำไมสีหน้าเขาถึงเป็นแบบนั้น?

เจ็บมากเลยหรือ?

ก็ใช่น่ะสิ เจ็บจนพูดไม่ออกเลย

เขารู้อย่างลึกซึ้งเลยว่าเหมือนเตะแผ่นเหล็ก เด็กที่อ่อนปวกเปียกแบบนั้นแสร้งเป็นหมูเพื่อหลอกกินเสือชัด ๆ

เห็นได้ชัดว่าเธอออกแรงไปไม่น้อย

ถึงเฝิงเสียงอวี่จะมีทักษะอยู่บ้าง แต่หลังจากหลบไปมาก็เกือบจะล้มลงกับพื้น

เขามองเสี่ยวเถียนด้วยสายตาไม่เชื่อ ไม่เชื่อว่าเธอจะเอาชนะเขาได้

คงเพราะตัวเองไม่ระวัง และประเมินศัตรูต่ำไป

“เธอโกง!” เฝิงเสียงอวี่ตะโกนอย่างบ้าคลั่ง

ซูเสี่ยวเถียนคลายหมัดและเท้าออก ก่อนจะยืนมองเฝิงเสียงอวี่อย่างสบาย ๆ

“งั้นเรามาเริ่มกันใหม่ไหมล่ะ?” ซูเสี่ยวเถียนยั่วยุ

เฝิงเสียงอวี่ไม่ใช่คนงี่เง่าเหมือนเสิ่นเฟยเหวิน เขามีความสามารถ และสิ่งนี้ทำให้เสี่ยวเถียนมองเขาต่างออกไป!

“สู้ต่อ!” เฝิงเสียงอวี่กัดฟัน

ถ้าไม่สู้ต่อก็ยอมรับความพ่ายแพ้ นั่นถึงจะเป็นการเสียหน้าจริง ๆ!

ทั้งสองต่อสู้กันอีกครั้งในทันที แต่ทุกคนก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่านี่ไม่ใช่การต่อสู้แบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ

ที่จริงเป็นเสี่ยวเถียนที่เอาแต่บดขยี้!

หลังจากสลับกันไปมา ทุกคนก็ต้องประหลาดใจมากขึ้นเมื่อพบว่า ดูเหมือนเด็กสาวจะไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด

จะพูดอย่างไรดี? เธอแกล้งเฝิงเสียงอวี่เหมือนแมวแกล้งหนู

พอเขารู้ก็ยิ่งโกรธจัด

เขาไม่ยอมรับแน่ว่าตัวเองสู้เด็กผู้หญิงไม่ได้ เพราะงั้นจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาชนะเธอ

หมดหนทาง คิดไว้เสียสวยหรูแต่ความจริงช่างโหดร้าย!

ตอนที่เฉินจื่ออันและครูใหญ่กัวเข้ามา พวกเขาเห็นเหตุการณ์นี้พอดี

คนที่คิดว่าตัวเองแข็งแกร่งนั้น อยากจะเอาชนะคนอ่อนแอจนแทบบ้าคลั่ง

ทว่าคนที่ควรจะอ่อนแอกลับยึดมั่นอย่างแน่วแน่

ภายใต้กำปั้นของซูเสี่ยวเถียน เฝิงเสียงอวี่เป็นฝ่ายโดนต่อย ไม่มีทางเข้าใกล้ได้เลย

และขณะที่เดินวนไปวนมา เด็กชายโดนสาวน้อยเตะหลายครั้ง

มีรอยเท้าจำนวนมากบนเสื้อผ้าและกางเกงที่เคยสะอาด

ครูใหญ่กัวตะลึง นี่มันอะไรกัน?

เขาแอบมองเฉินจื่อที่พยักหน้าด้วยสีหน้าภูมิใจ ก่อนจะถึงบางอ้อ

ไม่แปลกใจเลยที่พอเจ้าตัวได้ยินข่าวถึงไม่รีบร้อน เด็กคนนี้เก่งมาก

เขียนเรียงความได้ ใช้ศิลปะการต่อสู้เป็น เป็นต้นกล้าที่ดีเลย!

ครูใหญ่กัวยิ่งรู้สึกมากขึ้นเรื่อย ๆ เลยว่า เสี่ยวเถียนเป็นเด็กมีความสามารถที่หายากจริง ๆ

เฉินจื่ออันเห็นหลานสาวสู้กับเฝิงเสียงอวี่ก็เข้าใจ

เธอใช้อีกฝ่ายเพื่อฝึกฝนทักษะของตัวเอง

เมื่อเห็นทักษะของเสี่ยวเถียนที่ยืดหยุ่นและแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ใบหน้าแข็งกร้าวของเฉินจื่ออันก็มีรอยยิ้ม!

เขาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ!

อืม ดีมาก เป็นเด็กฉลาดจริง ๆ

เฝิงเสียงอวี่ร้อนรน มือไม้พันยุ่งเหยิง แต่ได้ยินเสี่ยวเถียนเอ่ยถาม “นายเชื่อหรือยัง?”

เชื่อหรือยัง?

เชื่อ?

จะเป็นไปได้อย่างไร?

สีหน้าของเขาเกรี้ยวกราดมากขึ้น

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

Status: Ongoing
ซูเสี่ยวเถียนผู้มีชีวิตล้มลุกคลุกคลานได้ย้อนเวลามายังยุค 70 แล้วเกิดใหม่ในร่างเดิมครั้งเมื่ออายุ 7 ขวบ ผู้ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยพี่ชายสุดคลั่งรักเก้าคน โดยการทะลุมิติในครั้งนี้มีระบบวิเศษติดตัวมาด้วย คือ ‘ระบบอ่านหนังสือ’ ซึ่งมาพร้อมกับห้องสมุดส่วนตัว เธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีปัญหาใดที่หนังสือไม่อาจแก้ไขได้ แต่หากแก้ไขไม่ได้ล่ะ? ก็อ่านหนังสือเพิ่มอีกสักสองเล่มแล้วกัน! หากว่ายังไม่พอก็อ่านเพิ่มอีกสักหลายเล่มหน่อย เธอไม่เพียงแต่อ่านมันคนเดียวเท่านั้น แต่ยังโน้มน้าวพี่ชายสุดแสบทั้งเก้าให้อ่านหนังสือกับเธออีกด้วย ทั้งยังชักชวนให้ผู้เป็นบิดาและมารดาให้มาอ่านหนังสือด้วย แม้แต่คุณปู่และคุณย่าก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้!เมื่อทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับรางวัลเป็นของตอบแทน ยิ่งทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไร ก็จะได้รางวัลมากขึ้นเท่านั้น! ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการอ่านหนังสือจะทำให้เส้นทางชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท