บทที่ 258 ทหารผ่านศึกไปเสียเที่ยว (2)
บทที่ 258 ทหารผ่านศึกไปเสียเที่ยว (2)
ตอนที่พูดก็พยายามเปล่งเสียงออกมาสุดชีวิต
เอ่อ…
เฉินจื่ออันเริ่มไม่เข้าใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
“อาเขย ผมจะแอบบอกอะไรให้นะ เวลาพวกเราขึ้นเขาไปล่าสัตว์จะพาเสี่ยวเถียนไปด้วยเสมอ แค่มีเสี่ยวเถียน ไก่เอย แกะเอย ตัวอะไรเอยก็จะวิ่งเข้ามาหาหมดเลย แล้วยังมีกระต่ายด้วยนะ มันจะวิ่งชนต้นไม้ตายเอง แค่รอให้พวกเราไปจับเท่านั้น”
คิดว่าเฉินจื่ออันจะเชื่อไหม?
ไม่เชื่อน่ะสิ!
นี่มันคำพูดพิลึกพิลั่นอะไรเนี่ย?
โตมาขนาดนี้ไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน
“ผมพูดจริง ๆ นะอาเขย เวลาเราไปขึ้นเขาทีไร เห็ดจะงอกใต้เท้าเสี่ยวเถียนเสมอ”
เห็นอาเขยไม่เชื่อ เสี่ยวจิ่วจึงเน้นย้ำอีกครั้ง
คำพูดของเด็กทั้งแปลกและไม่น่าเชื่อ และมันก็ยิ่งทำให้เฉินจื่ออันไม่เชื่อมากขึ้น
พอเห็นอีกฝ่ายไม่เชื่อ เสี่ยวจิ่วจึงผิดหวังเป็นอย่างมาก
ช่วงกินข้าวเย็น จื่ออันถามแม่ยายว่าทำไมเขาขึ้นเขาวันนี้ถึงไม่ได้อะไรกลับมาเลย
คุณย่าซูยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “นั่นเพราะเธอไม่ได้พาเสี่ยวเถียนไปด้วยไงล่ะ!”
ในขณะที่เฉินจื่ออันประหลาดใจ เขาก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเสี่ยวเถียนและเสี่ยวจิ่ว
เสี่ยวเถียนไม่ได้ตอบอะไร ส่วนเสี่ยวจิ่วมองเฉินจื่ออันด้วยใบหน้าอันภาคภูมิใจ ก่อนจะพูดอย่างชัดเจนว่า “เห็นไหมครับ ผมบอกแล้ว!”
“คุณป้า จริงหรือครับ?”
“จริงสิ ตอนที่เสี่ยวเถียนยังไม่มา พวกพี่ ๆ ก็ขึ้นเขากัน สามวันได้ไก่มาตัวนึง ถือว่าไม่เลวเลยนะ”
เฉินจื่ออันต้องเชื่อแล้วละว่ามันคือเรื่องจริง
ทำไมกันนะ?
เฉินจื่ออันคิดอยู่นานและรู้สึกว่ามันไม่ค่อยมีเหตุผลจึงไม่คิดต่อ แล้วตัดสินใจพาเสี่ยวเถียนขึ้นเขาไปวันพรุ่งนี้ดู
เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินจื่ออันพาเด็ก ๆ บ้านซูขึ้นเขาไปด้วยกัน แน่นอนว่าเจ้าลูกชายของเขาถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
เมื่อเฉินซิ่วหย่วนรู้ว่าพี่ ๆ ไม่อยู่ก็เริ่มซนเสียแล้ว
ตอนที่หม่านซิ่วกำลังกล่อมเขาอยู่ หลิวซิ่วอิงก็มาหา ด้านหลังยังมีหลานชายอีกสองคน ไม่ใช่ใครอื่นนอกไปจากจินหวาและอิ๋นหวา
เด็กสองคนนี้ไม่ต่างไปจากสองสามปีก่อนมากนัก ดูสกปรกและผมเผ้ารุงรัง
“ไอ๊หย่า นี่ลูกหม่านซิ่วใช่ไหม? ให้ย่ารองดูหน่อยซิ!”
หลิวซิ่วอิงว่าก่อนก้าวไปข้างหน้าหมายจะกอดซิ่วหย่วน
แต่เด็กชายหันหน้าหนีไม่สนใจย่ารอง ทำให้หญิงชราเสียหน้ามาก
หม่านซิ่วไม่อยากสนใจแม่รอง แต่อีกฝ่ายเป็นผู้อาวุโสและเธอก็เป็นผู้ใหญ่แล้วด้วย ไม่สามารถทำเหมือนเจ้าเด็กดื้อในอ้อมแขนได้
“แม่รอง มาได้ยังไงคะ?”
“ก็พาจินหวาอิ๋นหวามาทักอากับน้องชายไง เป็นญาติกันนะ สนิทไว้แต่เด็กจะดีกว่า!”
หลังจากได้ยินคำพูดไร้ยางอายของหลิวซิ่วอิง คุณย่าซูก็พูดเสียงเย็น “ไม่มีประโยชน์ ปกติก็อยู่ชุมชนการผลิตเดียวกันอยู่แล้ว ไม่เห็นบ้านแกกับบ้านฉันจะสนิทกันเลย”
ไม่เป็นศัตรูก็ดีแล้ว แต่ใครกันแน่ที่โง่มาสนิทกันแบบนี้?
หม่านซิ่วรู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนไม่ดีมาแต่ไหนแต่ไร แต่ว่าต้องรักษาหน้าอยู่
เพราะงั้นเลยไม่ได้คุยกันอีก
โชคดีที่หลิวซิ่วอิงเป็นพวกไม่ยอมแพ้เพื่อที่จะดั้นด้นไปให้ถึงเป้าหมาย ในเมื่อไม่มีใครสนใจเธอ เธอก็ไม่ใส่ใจ
“จินหวา อิ๋นหวา พวกหลานทำอะไรน่ะ? ไม่ใช่ว่าอยากมาเล่นเป็นเพื่อนน้องหรอกหรือ?”
ว่าจบก็ดันหลังหลานทั้งสองออกไป
แต่เด็กทั้งสองไม่ได้อยู่ในความสนใจของเด็กชายเลย
เฉินซิ่วหย่วนไม่อยากเล่นกับเด็กสองคนนี้ ไม่ยอมมองพวกเขาด้วย
พอสองคนนี้เข้ามาใกล้ ซิ่วหย่วนก็เริ่มร้องไห้
สุดท้าย หลิวซิ่วอิงก็ทำได้แค่จากไปพร้อมกับหลาน
ตอนที่ออกไปยังสาปส่งอีกว่า พวกตระกูลเฉินมันสูงส่ง ไม่ชอบพวกบ้านนอกแบบเรา ๆ อะไรทำนองนี้
แต่คุณย่าซูไม่ได้สนใจอีก สะใภ้รองปากเสียอยู่แล้ว ถึงคนอื่นได้ยินก็ไม่จริงจังกับมันหรอก
เย็นวันนั้น เฉินจื่ออันลงจากภูเขาพร้อมกับเหยื่อจำนวนมาก
เขาแบกเหยื่อไว้บนบ่าไปด้วย พลางมองเสี่ยวเถียนไปด้วย
สิ่งที่เสี่ยวจิ่วพูดเป็นความจริง เมื่อวานเขาไม่เห็นแม้แต่ขนไก่เลย แต่วันนี้มีสัตว์ป่ามากมายจนอธิบายไม่ได้ แกะที่คิดไว้ในใจก็ล่าได้ตั้งสองตัว
ตอนนั้นโส่วเวินบอกว่าทุกครั้งที่ไปล่าสัตว์บนภูเขาจะพาเสี่ยวเถียนไปด้วย
ทั้งยังบอกอีกว่าถ้าไม่เอาน้องเล็กไป ต่อให้ขึ้นเขาไปสิบครั้งก็จะไปเสียเที่ยวเก้าครั้ง ถึงจะได้อะไรมาแต่ก็ไม่มาก
จากนั้นเฉินจื่ออันก็เข้าใจว่าทำไมเสี่ยวจิ่วถึงมองเขาแปลก ๆ
เจ้าเด็กนี้คงรอหัวเราะเยาะเขาแล้วสินะ
เฉินจื่ออันพาเด็ก ๆ ขึ้นไปบนภูเขาติดต่อกันสามวัน และได้ของกลับมาบ้านมากมาย
ไม่ใช่เพราะวันที่สี่เป็นวันส่งท้ายปีเก่า จื่ออันคงได้ขึ้นเขาเป็นแน่
ในขณะที่คนบ้านหลักตระกูลซูต้องล่าสัตว์ต้องระวังคนอื่น ๆ ในหงซิน แต่จื่ออันกลับพาแกะลงจากเขาอย่างเปิดเผย และไม่มีใครในชุมชนการผลิตบอกว่ามันไม่สมควรเลย
แม้ว่าคนบ้านนี้จะลงเขามาพร้อมกับเนื้อมากมาย แต่ไม่มีใครพูดอะไรเลย
ในสายตาของคนหงซินคือ เฉินจื่ออันเป็นเจ้าหน้าที่ การขึ้นเขาไปล่าสัตว์เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว อีกอย่างล่าสัตว์มันง่ายขนาดนั้นเลยหรือ? ถ้าไม่ใช่เป็นคนที่มีความสามารถอยู่แล้ว
คุณย่าซูมองไก่และกระต่าย แววตามีความสุขมากจนแทบมองไม่เห็น
ปีนี้เป็นปีที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในชีวิตเลย
เนื้อเยอะขนาดนี้ ต่อให้รวมบ้านเถาฮวากับบ้านฉือเก๋อเข้าไปด้วยก็กินไม่หมด
“ย่า พวกเรานับแล้ว มีไก่ยี่สิบเก้าตัว กระต่ายยี่สิบสามตัว แพะภูเขาสี่ตัว หมูป่าอีกหนึ่งตัว” เสี่ยวปาก็ตะโกนขึ้นอย่างมีความสุข
ซูเหล่าซานและเฉินจื่ออันรีบทำความสะอาดเนื้อทั้งหมด
คุณปู่กับคุณย่าซูคุยกันว่า เนื้อเยอะขนาดนี้ต้องแบ่งคนในชุมชนแล้วล่ะ
ภายใต้การจัดการของคุณย่าซู เสี่ยวปาและเสี่ยวจิ่วส่งขาแพะหนึ่งขาไปให้บ้านหัวหน้าซู และขาแกะอีกขาให้หลี่จู้จื่อ
ส่วนครอบครัวที่เหลือ ถ้าบ้านไหนสมาชิกเยอะจะได้กระต่ายตัวอ้วน บ้านไหนสมาชิกน้อยได้ไก่หนึ่งตัว หรือเนื้อแพะชิ้นหนึ่งไม่ก็เนื้อหมูป่าเส้นหนึ่ง
แค่เป็นสมาชิกหงซินก็จะได้เนื้อสัตว์ทุกครัวเรือน
ส่วนที่เหลือเป็นของบ้านเรา
เหล่าสมาชิกหงซินที่จู่ ๆ ก็ได้เนื้อโดยไม่มีเหตุผล พวกเขาได้ทำอาหารในวันส่งท้ายปีเก่าเพิ่มอีกจาน ไม่มีใครไม่ยินดี ทั้งยังมีบางครอบครัวที่ตั้งใจจะให้ถั่วลิสงเป็นการตอบแทนด้วย
มีแค่หลิวซิ่วอิงที่ไม่พอใจ และคิดว่าบ้านใหญ่ซูน่าจะให้บ้านเธอมากกว่านี้
ตั้งแต่วันที่ 28 เดือน 12 บ้านซูกินเนื้อทุกวัน
ต้องบอกเลยว่าวันไหนได้กินเนื้อพวกเขามีความสุขมาก ยิ่งมีเนื้อช่วงปีใหม่ก็ยิ่งสุขใจ
ตกบ่ายวันส่งท้ายปีเก่า จู่ ๆ ก็มีผู้มาเยือนชุมชนการผลิตโดยไม่คาดคิด