บทที่ 259 เฟิ่งหวงก็ปลี่ยนเป็นไก่ป่าได้เหมือนกัน
บทที่ 259 เฟิ่งหวงก็ปลี่ยนเป็นไก่ป่าได้เหมือนกัน
อันที่จริงมันไม่ถูกต้องนักที่จะบอกว่าคนคนนี้เป็นแขก
พูดอย่างจริงจังก็คือ คนคนนี้เองก็ถือว่าเป็นสมาชิกหงซินด้วยเช่นกัน
แต่เพราะผ่านไปหลายปี ทุกคนจึงลืมเลือนคนผู้นี้ไปโดยไม่รู้ตัว
ตอนนี้อีกฝ่ายกลับมาที่หงซินแล้ว พูดได้ว่ามันส่งผลกระทบเป็นวงกว้างมาก
คนคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคังอี้เยี่ย
คังอี้เยี่ยเป็นสมาชิกคนที่หกของหงซินที่ได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยในครั้งนี้ แม้ว่าผลการเรียนจะไม่ดีเท่าห้าคนที่เหลือ แต่ก็ยังสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้
หลังจากที่สอบผ่าน หนังสือประกาศตอบรับเข้าเรียนก็ส่งมาที่หงซิน แต่ตัวเธอไม่ได้กลับมาด้วย
เพราะงั้นจนถึงตอนนี้หนังสือประกาศยังอยู่ที่บ้านซูฉางจิ่ว
จู่ ๆ ก็เลือกที่จะกลับมาที่หงซินในวันส่งท้ายปีเก่า สมาชิกหงซินบอกว่าเหมือนกินข้าวแล้วเจอแมลงวันในนั้นเลย
น่าขยะแขยงมาก!
ซูฉางจิ่วมองผู้หญิงคนนั้นที่ปรากฏตัวหน้าประตูบ้าน เขาไม่สามารถซ่อนความรังเกียจในสายตาได้เลย
แต่พวกเขาสามารถรับมือได้เท่านี้
“หัวหน้าซู ทำไมมองฉันแบบนั้นล่ะคะ? ฉันเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง ใช้ชีวิตที่ล่องลอยแบบนี้ไม่ง่ายเลยนะคะ” คังอี้เยี่ยทำท่าอ่อนแอ และยักคิ้วหลิ่วตาให้
ซูฉางจิ่วเห็นแล้วคลื่นไส้ อยากจะอาเจียนออกมา จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “เธอมาหาฉันเพื่อมาเอาหนังสือตอบรับเข้าเรียนใช่ไหม? รอก่อน เดี๋ยวฉันหยิบมาให้!”
วันส่งท้ายปีเก่าแบบนี้ ซูฉางจิ่วไม่อยากให้ผู้หญิงตรงหน้าเข้ามาทำลายฮวงจุ้ย พอพูดจบก็เตรียมตัวที่จะปิดประตู
แต่คังอี้เยี่ยรีบก้าวไปข้างหน้าและขวางประตูบ้านเอาไว้
“คังอี้เยี่ย คุณจะทำอะไร?” ซูฉางจิ่วไม่กล้าเข้าใกล้อีกฝ่าย จึงรีบถอยหลังหนึ่งก้าว แต่นั่นกลับเป็นการเปิดโอกาสให้คังอี้เยี่ยเดินเข้ามา
“เมียจ๋า เมียจ๋า!” หัวหน้าซูตะโกนเรียกภรรยาด้วยความตกใจ
ผู้หญิงคนนี้ต้องการจะทำอะไรกันแน่
เขากับเธอไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกัน แล้วทำไมต้องมาหาตนถึงบ้านด้วย?
ภรรยาซูฉางจิ่วกำลังทำเกี๊ยวอยู่กับเสี่ยวเฉ่า พอได้ยินน้ำเสียงตื่นตระหนกของสามีเธอรีบวางแป้งในมือแล้ววิ่งออกมา
“เป็นอะไรไปน่ะ?”
“เธอไปเอาหนังสือตอบรับของคังอี้เยี่ยมาด้วย” หัวหน้าซูถอยหลังไปสองสามก้าว และคิดว่าผู้หญิงตรงหน้าอาจจะพุ่งเข้าใส่ตนเอง
ตอนนั้นคนที่เดินอยู่ข้างนอกก็เห็นคังอี้เยี่ยเช่นกัน ข่าวการกลับมาเธอขจรขจายไปทั้งชุมชน
ยิ่งกว่านั้นคือ หลังจากที่อีกฝ่ายกลับมาแล้วก็มุ่งไปที่บ้านหัวหน้าซู
ภรรยาซูฉางจิ่วไม่คิดว่าคังอี้เยี่ยจะเข้ามาในบ้านเช่นนี้
จะทำอะไรน่ะ?
“พ่อเสี่ยวเฉ่า คุณเข้าไปเอาหนังสือตอบรับมา เดี๋ยวฉันจะคุยกับสหายเสี่ยวคังสักสองประโยค”
ภรรยาเห็นสามีกำลังจะตกใจตายก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงกลัวขนาดนั้น
ผู้หญิงคนนี้เป็นตัวหายนะ จะให้หล่อนเหยียบย่ำเข้ามาในบ้านไม่ได้
เมื่อหัวหน้าซูเห็นภรรยาออกมา เขาก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้าน ฝีเท้าไวเหมือนกลัวโดนคังอี้เยี่ยจับถ้าเกิดชักช้า
ภรรยาอดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นภาพนั้น
สามีเธอไม่เคยกลัวใครมาก่อนในชีวิตเลย
หลังจากที่มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เธอก็ไม่สนใจซูฉางจิ่วอีก แล้วเดินตรงไปที่ประตูใหญ่เพื่อเผชิญหน้ากับคังอี้เยี่ย
“คุณป้า ไม่เจอกันนานเลย สบายดีนะคะ?” คังอี้เยี่ยพูดอย่างมีเสน่ห์แล้วสะบัดผมลอน
“สหายเสี่ยวคัง พวกเราเป็นผู้หญิงด้วยกันทั้งนั้น การกระทำของคุณอย่าให้ฉันต้องพูดเลยนะ!” ภรรยาของหัวหน้าซูพูดอย่างไร้ความปรานี “นอกจากนี้นะ…”
เธอหยุดชั่วขณะ จากนั้นก็มองคังอี้เยี่ยขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่หลายครั้ง เพราะเห็นว่าสภาพอีกฝ่ายค่อนข้างแย่จึงเอ่ยต่อ
“นอกจากนี้ เธอมาจากที่ไหน ตัวเองไม่รู้เลยหรือไง?”
ใบหน้าของคังอี้เยี่ยบิดเบี้ยวทันที่ได้ยินคำพูดที่ไม่คิดปิดบังของภรรยาหัวหน้าซู
ภาพความขมขื่นที่เคยได้รับเหมือนโดนฉายซ้ำ มันปรากฏออกมาตรงหน้า
คังอี้เยี่ยกำหมัดแน่น เธออยากจะเหวี่ยงกำปั้นแล้วทุบรอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้าอีกฝ่ายนัก!
ทำไมเธอต้องไปทนทุกข์ที่เหมืองด้วยล่ะ?
ไม่ใช่เพราะนังผู้หญิงหงซินมันดูแคลนหรือไง?
แล้วเธอไปทำอะไร? แค่แลกกับอาหารและเงินไม่เท่าไรเอง?
ก็เหมือนกันนั่นแหละ พวกเขายังพึ่งพาพวกผู้ขายในการดำรงชีวิตเลย แล้วทำไมเธอจะทำบ้างไม่ได้?
เห็นได้ชัดเลยว่านังพวกนั้นมันอิจฉาที่เธอยังสาวและเป็นที่ชื่นชอบของพวกผู้ชาย
เพราะพวกนี้มันอิจฉา เลยส่งเธอไปยังสถานที่อัปยศ!
คังอี้เยี่ยต้องการให้พวกเธอได้เห็นว่า ต่อให้ขี่ม้าตามก็ไม่อาจไล่ได้ทัน
พอคิดว่าตนเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแล้ว สีหน้าก็อ่อนลงเล็กน้อย มุมปากมีรอยยิ้มคลุมเครือ
“คุณป้า ฉันไม่เคยทำให้คุณโกรธเคืองมาก่อนเลย ทำไมถึงรุนแรงกันขนาดนี้ล่ะคะ?”
ภรรยาซูฉางจิ่วมองหญิงสาวที่อ่อนแอใบหน้ามีบาดแผลแล้ว เธอก็แสดงความรังเกียจออกมา
ทำท่าแบบนี้ให้ใครดู?
และเธอก็ไม่ใช่พวกผู้ชายแย่ ๆ ที่คิดอยากจะแอบไปมีความสัมพันธ์ชู้สาวด้วยเสียหน่อย ทำไมต้องรู้สึกเห็นใจหล่อนด้วยล่ะ?
“เธอมาจากเหมือง อย่าหาว่าฉันอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ แม้แต่นางฟ้านางสวรรค์ที่อยู่สถานที่แบบนั้นมาหลายปียังกลายเป็นไก่ป่าบ้านนอกได้ นับประสาอะไรกับเธอล่ะ!”
โดยเฉพาะคำว่า ‘ไก่ป่า’ ทำให้คังอี้เยี่ยหน้าแดงทันที
ผู้หญิงคนนี้น่ารังเกียจเหลือเกิน ฉันก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อันดีกับสามีของหล่อนเสียหน่อย ทำไมต้องดูแคลนกันขนาดนี้ด้วย?
อยากให้ขายหน้านักหรือไง?
“คุณป้าไม่เคยเป็นสาวหรือไงคะ? ฉันทำผิดแล้วก็เรียนรู้แล้ว ทำไมคุณยังยึดติดกับความผิดพลาดอันน้อยนิดนี่ด้วยล่ะ?”
“ฉันไม่ได้ยึดติดเสียหน่อย แต่เพราะวันนี้เธอบุกเข้ามาในบ้านของฉัน ฉันก็เลยอารมณ์ไม่ดีไงล่ะ”
คังอี้เยี่ยได้ยินสิ่งที่คนตรงหน้าพูด ดวงตาพลันเปลี่ยนเป็นสีแดง “ก็มันช่วยไม่ได้นี่คะ? คุณป้า ฉันไปเหมืองมาตั้งนานขนาดนี้ พอกลับมาก็ไม่มีที่ให้อยู่ ถ้าไม่มาหาหัวหน้าซูแล้วฉันจะไปหาใครล่ะ?”
พอพูดแบบนี้ ภรรยาซูฉางจิ่วเกือบโมโหตาย
หัวหน้าซูทำไมนะ?
คงไม่ได้หมายความว่าเขาดูแลพวกคบชู้เป็นพิเศษใช่ไหม?
“บ้านเรากราบไหว้พระไม่ได้หรอกนะ” ภรรยาซูฉางจิ่วยิ้มเย็น
มันไม่ใช่แค่บ้านเขา แต่คนในหงซินก็คงไม่กล้าเหมือนกัน
ถ้ามันจะอยู่ก็ต้องอยู่ ถ้าเกิดนางวิ่งขึ้นเตียงเตาบ้านใครขึ้นมาจะทำอย่างไร?
“คุณป้าคิดถูกแล้วค่ะ สหายคังไม่ใช่คนปกติเสียหน่อย!” น้ำเสียงแดกดันของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นจากนอกประตูบ้าน