บทที่ 277 เธอเป็นคนใจร้าย
บทที่ 277 เธอเป็นคนใจร้าย
“เธอเป็นใคร กำลังพูดอะไรอยู่? ฉันพาลูกทั้งสองมาหาสามีของฉัน เธอจะมายุ่งอะไรด้วย?” ตอนที่เหยียนชุนนีพูด เธอไม่มั่นใจเท่าไร ทว่าก็ยังพูดด้วยเสียงดังกึกก้อง
เสี่ยวเถียนแสลงหูเหลือเกิน
เธอพูดไม่ออก ไม่เคยเห็นคนหน้าด้านแบบนี้มาก่อนเลย
แต่เธอต้องพูดบางอย่างออกไป ไม่งั้นอาใหญ่ได้โดนข้อหาว่าทำลายครอบครัวคนอื่นไปตลอดชีวิตแน่
“นี่คืออาเขยของหนูค่ะ ส่วนหนูเป็นหลานสาว”
เสี่ยวเถียนที่แสนสงบแนะนำตัวเอง
เธออยู่ที่นี่มานานกว่าครึ่งปี เพื่อนบ้านก็คุ้นเคยกับเธอดีด้วย
เธอเชื่อว่าเพื่อนบ้านไม่มีเจตนาไม่ดีแน่นอน
เหยียนชุนนีไม่คิดว่าเด็กหญิงจะพูดอย่างกล้าหาญ
“แกเป็นหลานของนังจิ้งจอกตัวนั้นเองสินะ แล้วชีวิตฉันจะทำยังไง หลานสาวนังจิ้งจอกนั่นมันรังแกฉัน”
เสียงร้องไห้นั่นทำให้เสี่ยวเถียนหงุดหงิด
แก่ขนาดนี้แล้ว เป็นคนแปลกจริง ๆ
และเสี่ยวเถียนก็รู้ด้วยว่า เหยียนชุนนีตั้งใจที่จะดึงดูดความสนใจให้คนรอบข้างมามุงล้อมมากขึ้น จากนั้นก็กดดันเสีย และให้อาเขยจื่ออันเป็นคนจัดการ
แต่อีกฝ่ายคิดว่าอยู่ชนบทหรือ? ร้องไห้คร่ำครวญจะแก้ปัญหาได้หรือไง?
ไม่ได้หรอก!
ต้องมีเหตุผลใช่ไหมล่ะ?
งั้นวันนี้พวกเรามาใช้เหตุผลพูดกันเถอะ!
แต่ก่อนที่เสี่ยวเถียนจะได้เอ่ย จู่ ๆ เหยียนชุนนีก็พูดขึ้นมาก่อน
“งั้นบอกให้พวกเราฟังทีสิว่าโลกนี้ยังมีสถานที่ที่พูดด้วยเหตุผลอยู่อีกหรือ? สามีของฉันถูกแย่งไปนะ แล้วยังโดนคนเขาข่มเหงอีก!”
จื่ออันเป็นพวกทำแต่ไม่พูด และตอนนี้ก็โดนภรรยาเก่าทำให้โกรธจนหน้าแดง
เสี่ยวเถียนพึ่งพาจื่ออันโดยการโยนคนออกไปได้ เท่านี้ก็ไม่ต้องอธิบายแล้วด้วย
แต่การโยนคนออกไปมันง่ายและหยาบคายไปหน่อย ไม่แน่ว่าคนอาจเห็นใจเหยียนชุนนีมากยิ่งขึ้น
พอถึงตอนนั้น สถานการณ์ของอาใหญ่จะลำบากมากกว่าเดิม
เธอกำลังเรียนรู้ท่าทางของเหยียนชุนนี และมองคนข้างนอก
“หนูได้ยินมาว่า ในสมัยก่อนมีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อฉินเซียงเหลียน สามีของเธอไปสนามรบ แต่หลังจากได้ยินข่าวว่าสามีตาย เธอก็ไปแต่งงานใหม่และให้กำเนิดลูกสองคน ต่อมาตัวสามี โอ๊ะ! ไม่สิ… อดีตสามีกลับไม่ได้ตายในสนามรบ หลังจากที่กลับมา ผู้หญิงที่ชื่อฉินเซียงเหลียนก็มาหาเขาที่บ้านแทนค่ะ คุณลุง คุณป้า หนูยังเด็กเลยไม่รู้ว่าได้ยินถูกหรือเปล่า?”
ตอนเสี่ยวเถียนเล่า คนรอบข้างต่างหัวเราะร่วน
บางคนที่รู้จักเสี่ยวเถียนยังพูดว่า “สาวน้อย ฉันได้ยินว่าเธอเรียนเก่ง แล้วไปฟังเรื่องวุ่นวายนี้มาจากไหนเนี่ย?”
“ไม่ถูกใช่ไหมคะ?” ตอนเสี่ยวเถียนตอบ เธอมองเหยียนชุนนีเป็นพิเศษ
เหยียนชุนนีรู้สึกลนลานอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะร้องไห้ดังขึ้นให้ทุกสายตาจ้องมองมาที่เธอ
แต่ดูเหมือนว่าคนคนนั้นจะชอบเล่าเรื่องมาก
“เดี๋ยวฉันเล่าให้ฟังนะสาวน้อย เรื่องที่เธอฟังมามันไม่ถูกต้องน่ะ ในสมัยราชวงศ์ซ่ง มีชายคนหนึ่งชื่อเฉินซื่อเหม่ย เขาแต่งงานกับภรรยาที่ชื่อฉินเซียงเหลียน และให้กำเนิดบุตรชายกับบุตรสาว หลังจากนั้น เฉินซื่อเหม่ยเข้าเมืองหลวงเพื่อไปสอบจอหงวน และได้แต่งงานกับองค์หญิง ส่วนฉินเซียงเหลียนอยู่บ้านพ่อแม่สามีดูแลลูก ๆ หลังจากที่พวกท่านทั้งสองจากไป ก็ได้ยินคนพูดว่าสามีอยู่เมืองหลวง เธอจึงพาลูก ๆ ไปหา แต่ใครจะคิดเล่าว่าเฉินซื่อเหม่ยจะทำเป็นไม่รู้จักภรรยาและลูก ๆ เธอได้ยินมาผิดหรือเปล่า? ฉินเซียงเหลียนไม่ได้แต่งงานใหม่นะ”
พอเอาสองเรื่องนี้มาเปรียบเทียบกัน คนรอบข้างก็รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ
อยู่มาตั้งหลายปี เฉินจื่ออันก็เหมือนกัน แล้วเขาเป็นคนอย่างไรกันแน่ล่ะ?
ไม่น่าทิ้งภรรยากับลูกหรือเปล่า
“แต่คุณป้าคนนี้บอกว่า ชีวิตเธอขมขื่นเหมือนฉินเซียงเหลียน แต่ว่าเธอแต่งงานไหมนะ มีลูกสองคนแล้วด้วย มันจะไปเหมือนกันได้ยังไง?”
เด็กหญิงทำท่าเป็นทุกข์มาก คนที่ได้เห็นต่างก็รู้สึกประหลาดใจ
แต่ไม่นาน คนรอบข้างก็เข้าใจว่าสาวน้อยหมายถึงอะไร
เดี๋ยวก่อน ๆ สิ่งที่เด็กหญิงพูดคือ ฝ่ายหญิงเคยเป็นภรรยาของเฉินจื่ออัน
ต่อมาฝ่ายชายไปทหาร แต่ฝ่ายหญิงคิดว่าคิดว่าสามีตายแล้วเลยไปแต่งงานใหม่
ตอนนี้พอเห็นจื่ออันมีชีวิตที่ดี เธอก็เลยรีบมาหาเขาที่บ้าน
แล้วยังพาลูกที่มีกับสามีใหม่มาอีก
บนโลกนี้มีคนหน้าด้านขนาดนี้ด้วยหรือ?
แล้วกล้าพูดได้อย่างไรว่าตัวเองเป็นฉินเซียงเหลียน?
เธอเป็นแบบนี้หรือ?
แล้วเธอไร้ยางอายขนาดนั้นเลยหรือ?
สายตาของผู้คนรอบข้างที่มองเหยียนชุนนีเปลี่ยนไปทันที ส่วนใหญ่เป็นความดูถูกเหยียดหยาม ส่วนน้อยที่กำลังคาดเดา
เสี่ยวเถียนชี้แนะเสร็จก็เอ่ยปาก “อาเขย หนูจำถูกไหมคะ?”
ไม่ใช่ว่าจื่ออันไม่รู้ว่าคนที่ถูไถไปตามสถานการณ์เป็นอย่างไร แต่ว่าตอนนี้เขาเข้าใจที่เสี่ยวเถียนจะสื่อแล้ว
เขามองหลานสาวด้วยความขอบคุณ จากนั้นก็เอ่ยออกมา “ผมแต่งงานตอนอายุสิบเจ็ดปี หลังจากนั้นก็ไปเป็นทหาร ในปีที่สองผมต้องไปสนามรบ แต่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่รู้จะกลับบ้านยังไง คิดแต่ว่าคงจะตายในสนามรบ… หลังจากนั้นอีกสองปีก็กลับบ้าน แต่เห็นภรรยา โอ้! คนที่อยู่ตรงหน้าผมที่ชื่อเหยียนชุนนี เธอแต่งงานใหม่ไปแล้ว แถมยังตั้งท้องอีกด้วย…”
“ในฐานะสามี ถึงจะอึดอัดใจแต่ก็ยังอวยพรให้พวกเขามีชีวิตที่ดี… หลังจากนั้นผมก็กลับมาอยู่ที่กองทัพ แล้วพักอาศัยอยู่ที่นั่นเลย…”
“และอีกหลายปีต่อมาก็ได้พบกับภรรยา อย่างที่ทุกคนทราบกันดี นั่นก็คือซูหม่านซิ่ว พวกเราได้แต่งงงานกัน แต่ใครจะรู้เล่าว่าผ่านมาตั้งหลายปี เหยียนชุนนีกลับมาหาถึงบ้านแล้วบอกว่าสามีตายแล้ว และอยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับผม!”
ประโยคง่าย ๆ อธิบายเหตุและผลของเรื่องได้อย่างชัดเจน
พอคนรอบข้างได้ยินก็เกิดความโกลาหล มีเรื่องแบบนี้ด้วย?
นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!
ผู้หญิงคนหนึ่งแต่งงานใหม่ พอสามีตาย ก็มาหาสามีเก่าเพื่อมาขออยู่ด้วย
ปัญหาคือ ผู้หญิงคนนี้ยังให้ลูกของสามีใหม่มาเรียกสามีเก่าว่าพ่ออีก
ตัวฝ่ายชายก็ไม่น่าทนได้หรือเปล่า
อารมณ์ของจื่ออันบอกได้ว่ามั่นคงมาก แต่ถ้าอารมณ์เสียขึ้นมา คงจะโยนสามแม่ลูกออกไปแล้ว
“คุณผู้หญิง อย่างที่ว่านั่นแหละ คุณกล้าพูดว่าตัวเองคือฉินเซียงเหลียนด้วยหรือ?” มีผู้หญิงคนหนึ่งถ่มน้ำลายใส่เหยียนชุนนีอย่างดูถูก
พอมีคนหนึ่งทำตาม คนอื่นก็ทำตามมาติด ๆ
“ใช่ ๆ คุณผู้หญิง คุณทำแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย? สามีไปออกรบปกป้องประเทศ ต่อให้เขาตาย จะไม่ปกป้องเขาไว้หน่อยสักสองสามปีหรือ?”
“เธอเป็นคนใจร้ายมาก!”
“คุณผู้หญิง ต้องไร้ยางอายขนาดไหนเนี่ยถึงกล้าพาลูกมาด้วย?”
เสียงพูดคุยแสดงความเห็นดังเข้ามาในหูของเหยียนชุนนี และสีหน้าของเธอก็แดงด้วยความลำบากใจ
เธอมองสามีเก่าด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะพูดโดยไม่ไว้หน้าเธอเลย
เธอพึมพำหลายครั้ง แต่เธอก็ยังไม่ยอมแพ้
“จื่ออัน ฉันรู้ว่าตอนนั้นฉันทำผิดที่ไปแต่งงานใหม่ แต่ใครใช้ให้คุณไม่ส่งข่าวคราวมาบอกล่ะ?… ตอนนั้นใคร ๆ ก็บอกว่าคุณตายแล้ว ครอบครัวคุณก็ไม่มีใครสักคน ฉันเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวนะ สามีตายจะให้ทำยังไง?”
ยิ่งพูดมากเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกว่าเธอคับข้องใจที่สุด
ถ้าจื่ออันให้คนส่งจดหมายมาบอกหน่อยว่าตนยังมีชีวิตอยู่ ชีวิตเธอคงไม่ลำบาก และตัวเธอก็คงไม่แต่งงานใหม่
เพราะงั้นต้องโทษจื่ออันสิ ไม่ใช่เธอ
ที่แต่งงานใหม่มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
เหยียนชุนนีพูด ก่อนมองสามีเก่า
“จริงหรือ?” เฉินจื่ออันยิ้มเย็น ผู้หญิงคนนี้ไร้เหตุผลนัก ไม่รู้เลยว่าจะพูดจาฉะฉานขนาดนี้
“จื่ออัน ความผิดพลาดครั้งก่อนเป็นความผิดของฉันเอง แล้วตอนนี้ฉันอยากจะเปลี่ยนแปลงมันบ้างไม่ได้หรือไง?” เหยียนชุนนีพูดพลางดึงแขนเสื้อของจื่ออัน
ไม่สำคัญหรอกว่าคนอื่นจะพูดอย่างไร สิ่งสำคัญคือผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าต่างหาก
ตราบใดที่อีกฝ่ายต้องการเธอ ไม่ว่าอะไรก็ไม่เป็นปัญหาแล้ว
“เรื่องบางเรื่องมันเป็นอดีตไปแล้ว แก้ไขไม่ได้แล้ว!” จื่ออันปฏิเสธอย่างเฉียบขาด
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? สามีฉันตายแล้ว ฉันจะไม่กลับมาหาคุณได้ยังไง? จื่ออัน หลังจากนี้ฉันอยู่อย่างมีความสุขกับคุณในอนาคตไม่ได้หรือ? คุณไม่ต้องการฉันไม่ได้นะ!”
คำพูดไร้ยางอายของเหยียนชุนนีทำให้ทัศนคติทั้งสาม*[1] ของทุกคนเหมือนเกิดขึ้นใหม่
เห็นคนแปลก ๆ มาตั้งเยอะ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เคยเห็นคนไร้ยางอายแบบนี้!
เสี่ยวเถียนงงมาก เธอใช้ชีวิตมาตั้งสองครั้ง เจอคนมาตั้งเยอะ นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เห็นคนหน้าด้านแบบนี้เหมือนกัน!
“หัวหน้าเฉิน คุณทำร้ายภรรยากับลูกชายไม่ได้นะ!” หญิงชราที่อยู่ข้าง ๆ รีบเกลี้ยกล่อม
แล้วทำไมไม่เห็นภรรยาของหัวหน้าเฉินเลย?
ถึงจะไม่มีใครชี้บอก แต่จื่ออันก็ยอมรับภรรยาเก่าไม่ได้ เขามองเหยียนชุนนีด้วยความรังเกียจ หากสายตาสามารถฆ่าคนได้ เหยียนชุนนีคงจะตายไปสามสี่รอบแล้ว
“ออกไปซะ บ้านผมไม่ต้อนรับคุณ!”
ตอนนี้เฉินจื่ออันหมดความอดทนแล้ว
*[1] ทัศนคติต่อโลก ทัศนคติต่อชีวิต และทัศนคติต่อคุณค่า