เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] – บทที่ 282 ย้ายงาน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

บทที่ 282 ย้ายงาน

บทที่ 282 ย้ายงาน

ข่าวที่ว่าต้วนซิงกั๋วผู้มีอำนาจคนใหม่ของโรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งแพร่เร็วกว่าจรวดเสียอีก

ทีแรกมีคนไม่เชื่อ แต่ส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะเชื่อ

เพราะมีคนไม่น้อยที่เห็นต้วนซิงกั๋วและพรรคพวกโดนรังแก

ก็เพราะเด็กรักเรียนส่วนใหญ่สู้ไม่เก่งจริง ๆ นี่นา

พวกเด็กที่โดนต้วนซิงกั๋วทั้งในที่แจ้งและที่ลับได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

แต่พอได้ยินข่าวว่าต้วนซิงกั๋วโดนต่อยก็แทบลอยด้วยความดีใจ

บางส่วนที่ไม่เชื่อ พอได้ยินว่าคนที่สู้กับต้วนซิงกั๋วเป็นพี่ชายของซูเสี่ยวเถียน พวกเขาก็เชื่อ

ผนวกกับความจริงที่ว่า เสี่ยวเถียนเอาชนะเฝิงเสียงอวี่ก่อนหน้านี้อีก พวกเด็กในโรงเรียนต่างก็สรุปถึงความแข็งแกร่งของเด็ก ๆ ตระกูลซู

โชคยังดีที่นิยายศิลปะการต่อสู้ยังไม่กระจายไปถึงเมืองเล็กที่ล้าหลัง ไม่งั้นคนอื่นจะคิดว่าเด็กบ้านซูเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้เหาะเหินไปไหนมาไหนได้

ส่วนเรื่องข่าวลือ มีบางเรื่องที่เสี่ยวเถียนได้ยิน แต่บางเรื่องเสี่ยวเถียนก็ไม่ได้ยิน

ไม่ว่าจะได้ยินหรือเปล่าก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างมากนัก

หน้าที่หลักในทุก ๆ วันของเธอคือเรียน เรียน แล้วก็เรียน

หลายปีมานี้ เธอรู้ชัดมาตลอดว่าการเรียนเปลี่ยนชีวิตได้

และตอนนี้เธอก็ได้เห็นผลลัพธ์แล้ว

พี่ชายทั้งสามคนเข้าเรียนมหาวิทยาลัย อนาคตนับจากนี้ หากแย่ที่สุดก็มีการงานที่มั่นคงและอยู่ดีกินดี

พี่ชายที่เหลือก็เรียนดีเหมือนกัน น่าจะมีงานการให้ทำมากมายในอนาคต

แต่ทั้งหมดทั้งมวลไม่สู้เธอเรียนด้วยตัวเองหรอก

เพราะอนาคตบ้านซูจะพัฒนาได้ขึ้นอยู่กับระบบการเรียน

ไม่ว่าภารกิจของระบบการเรียนจะเป็นแบบไหน แต่ไม่ได้ต่างอะไรไปจากความพยายามของเธอเลย

ถึงจะไม่รู้ว่าในอนาคตระบบการศึกษาจะเป็นอย่างไร แต่เสี่ยวเถียนรู้ว่าระบบนี้จะส่งผลต่อชีวิตของเธอในอนาคตอย่างแน่นอน

เห็นเสี่ยวเถียนใช้เวลาทั้งหมดไปกับการเรียนอย่างหนัก หลายคนก็รู้สึกเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก

แม้แต่ครูซวี่ ครูประจำชั้นของเสี่ยวเถียนก็ไม่สามารถเข้าใจได้

เด็กหญิงวัยสิบกว่าขวบจะเรียนอย่างมีวินัยแบบนี้ได้อย่างไร?

เดิมทีการเรียนของเธอก็โดดเด่นอยู่แล้ว และเป็นอันดับหนึ่งทุกครั้งในการสอบ แถมยังทุ่มเทให้กับการเรียนอย่างหนักทุกวันอีกด้วย

เธออ่านหนังสือซ้ำแล้วซ้ำเล่า คาดว่าน่าจะท่องได้หมดแล้ว

พอมองเสี่ยวเถียนแล้ว ครูซวี่ก็คิดว่าทำไมห้องนี้ถึงไม่มีวินัยบ้างเลย?

ถ้านักเรียนทุกคนมีวินัยแบบนี้บ้างก็คงสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ และอนาคตก็จะเป็นผู้เป็นคนกับเขาบ้าง

ส่วนเด็ก ๆ ห้องอื่น เวลาเห็นซูเสี่ยวเถียน การแสดงออกของเขาก็ดูตั้งใจยิ่งขึ้น

ไม่ต้องพูดถึงนักเรียนคนอื่น แม้แต่เสี่ยวปากับเสี่ยวจิ่วก็ยังกดดันเหมือนกัน

“เสี่ยวเถียน ให้คนอื่นเขามีโอกาสกันบ้างได้ไหม?” เสี่ยวปาทนไม่ไหวแล้วถามน้องเล็กที่กำลังตั้งใจอ่านหนังสืออย่างจริงจัง

เสี่ยวเถียนอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับชลศาสตร์ แน่นอนว่าคนอื่น ๆ เห็นเธอกำลังอ่านหนังสือภาษาจีน

พอโดนขัดจังหวะโดยไม่คาดคิด เธอก็อดหัวเราะไม่ได้ที่เห็นพี่ชายทำหน้าขมขื่น

“หนูก็ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยนะคะ?”

เสี่ยวปาบุ้ยปาก “ไม่ได้ทำอะไรเลย? น้องเรียกว่านี่คือไม่ได้ทำอะไรเลยหรือ?”

มีสมาธิกับการเรียนกว่าสิบชั่วโมงทุกวันเลยนะ นี่ยังเรียกว่าไม่ได้ทำอะไรเลยหรือ? ส่วนเด็กคนอื่นคือเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์มาก

“แค่ตั้งใจอ่านเพิ่มไม่กี่ชั่วโมงในทุก ๆ วันพี่ก็ทำได้นะ”

เสี่ยวเถียนยกหนังสือในมือขึ้นแล้วยิ้ม

เสี่ยวปาไม่พอใจ “พี่ตั้งใจได้ แต่พยายามเหมือนกันขนาดไหนก็ไม่เก่งเท่าเธอหรอก”

เขาแก่กว่าสองปีแท้ ๆ แต่เรียนด้อยกว่าน้องสาวอีก น่าอับอายยิ่งนัก

ที่จริงในการสอบรอบนี้ เสี่ยวปา เสี่ยวจิ่ว และเสี่ยวเถียนสอบได้คะแนนเต็ม

แต่เสี่ยวปารู้อยู่แก่ใจว่าผลการเรียนของเขากับน้องเก้าไม่ดีเท่าเสี่ยวเถียน

ถึงจะสอบได้คะแนนเต็ม แต่ใช้แรงไปจนหมดเกลี้ยงเลย

เกิดจากพ่อแม่เดียวกันแท้ ๆ ทำไมเขาไร้ประโยชน์ขนาดนี้นะ?

เสี่ยวเถียนแตกต่างจากคนอื่น เธอได้คะแนนเต็มนั่นเป็นเพราะมันไม่มีคะแนนที่สูงกว่านี้อีกแล้ว

“นั่นเป็นเพราะหนูฉลาด!” เสี่ยวเถียนตอบไม่ลังเลเลย

ตอนนี้เธอเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้นปีที่หนึ่ง แม้แต่เนื้อหามัธยมต้นปีที่สอง เธอก็เรียนจบแล้ว

วิชาของมหาวิทยาลัยเธอก็ไม่พลาด มีหลายเนื้อหาที่อ่านผ่าน ๆ มาบ้างแล้ว หากไม่ได้ขาดหนังสือเรียน เธออาจจะเรียนจบไปตั้งนานแล้วก็ได้

ใช้ความรู้ระดับมหาวิทยาลัยมาแก้ปัญหาระดับมัธยมต้นก็ออกจะเกินไปหน่อย

เสี่ยวปาพูดไม่ออก

ถึงจะรู้ว่าน้องพูดจริง แต่ทำไมไม่พอใจแบบนี้นะ?

หลังจากนั้น ในที่สุดก็หาเสียงตัวเองเจอ

“เธอไม่ได้อ่านแค่หนังสือเรียน แต่ยังอ่านหนังสืออื่นด้วย”

“อ่านหนังสือมีประโยชน์นะ อ่านให้เยอะขึ้น ไม่ว่าหนังสือประเภทไหนก็มีประโยชน์!” เสี่ยวเถียนกล่าวอย่างไม่เกรงใจ

เธอใช้โอกาสในเรื่องความสัมพันธ์กับเฉินจื่ออัน เลยทำให้ได้รับหนังสือเก่า ๆ จากสถานีรีไซเคิลมาเพียบเลย

หนังสือเก่าพวกนั้นเก็บไว้ในลังที่บ้าน เสี่ยวเถียนจะอ่านหนังสือเมื่อทำการบ้านเสร็จแล้ว

แต่โชคดีที่ไม่เหมือนเมื่อสองปีที่แล้ว เพราะการดูแลนั้นหละหลวมมาก ไม่งั้นคงไม่มีโอกาสแบบนี้หรอก

“น้องเล็กไม่ต้องพูดหรอก คนเขาจะเกลียดเอา!”

ว่าจบ เสี่ยวปาก็แบกความโกรธอันล้นหลามกลับไปหนังสือหนังสืออย่างจริงจัง

เขายังพึมพำว่าจะขยันให้มาก ๆ อะไรพวกนี้แหละ

แค่เวลาเรียนก็ใช้แรงไปตั้งเยอะแล้ว แต่เสี่ยวเถียนยังมีเวลาอ่านหนังสือเล่มอื่นอีก

พอเห็นพี่ชายเป็นแบบนี้ เสี่ยวเถียนอดหัวเราะไม่ได้ แต่เธอไม่ได้พูดอะไรมาก

เสี่ยวจิ่วมองน้องเล็กอีกรอบ มีน้องแบบนี้มันดีหรือไม่นะ?

มันไม่ได้กดดัน

ช่างเถอะ อ่านหนังสือ ๆ

ฉากนี้อยู่ในสายตาเสี่ยวเถียน แน่นอนว่าเธอรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก พี่ ๆ ตั้งใจเรียนก็ดีแล้ว

ซูเสี่ยวเถียนไม่วอกแวก แล้วอ่านหนังสือต่อ

มีแค่เธอที่รู้ว่าหนังสือภาษาจีนแท้จริงแล้วเป็นแค่ตัวปก

ความจำของเสี่ยวเถียนนั้นดีมาก ปกติอ่านรอบเดียวก็สามารถจำได้ทั้งหมด

เพราะทักษะที่ได้รับจากระบบอย่าง ‘รู้จักพลิกแพลง’ ทำให้รวบรวมเนื้อหาทั้งหมดที่เธอจำได้

เพราะงั้นแค่เวลาสั้น ๆ ก็จำได้แล้ว แต่คนอื่นต้องใช้เวลามากในการทำความเข้าใจ

หลังจากที่เสี่ยวเถียนและพี่ ๆ กลับบ้านก็เจออาเขยกับอาใหญ่อยู่ด้วยกัน

พวกเขาได้ยินข่าวหนึ่ง

เพราะการเปลี่ยนแปลงด้านการงาน อาเขยจึงต้องย้ายไปทางใต้

อาใหญ่และซิ่วหย่วนก็ต้องไปด้วย

“อาเขยจะไปทำงานที่อื่นหรือคะ?” เสี่ยวเถียนถามด้วยความประหลาดใจ

แต่ในความคิดเธอ เด็กหญิงไม่ค่อยรู้สึกแปลกใจเท่าไร

อนาคตอาใหญ่จะต้องเป็นข้าราชการระดับสูง ไม่สามารถอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แบบนี้ไปได้ตลอดชีวิตหรอก

ถ้าไม่ไปทางใต้ก็ไปเมืองที่ใหญ่กว่า

“ใช่แล้ว แค่คิดว่าจะต้องไปฝั่งใต้ อาก็รู้สึกกระอักกระอ่วนมาก”

ซูหม่านซิ่วไม่มีความมั่นใจมากเลย

เสี่ยวเถียนยิ้ม “อาใหญ่ ไม่มีอะไรต้องกลัวนะคะ”

“อาไม่เคยไปมาก่อนเลย ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นได้หรือเปล่า!” ความไม่สบายใจของเธอปลดปล่อยออกมา

แน่นอนว่าสามีได้เลื่อนตำแหน่ง มันก็ทำให้เธอมีความสุขอยู่แล้ว แต่พอคิดว่าจะไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ต่างไปจากเดิมที่เคยอยู่ เธอก็หัวเราะไม่ออก

ตอนที่เอ่ยออกมา เธอรู้สึกกดดันมากกว่ามีความสุขเสียอีก

ซูเสี่ยวเถียนเข้าใจความรู้สึกของซูหม่านซิ่วเป็นอย่างดี

หม่านซิ่วในตอนนี้อยู่ในอารมณ์ที่กำลังจะจากบ้านเกิดไปยังสถานที่อื่นในชาติที่แล้วเลย

“ไม่เป็นไรหรอกหม่านซิ่ว เธอยังมีฉันนะ” จื่ออันปลอบใจภรรยาด้วยรอยยิ้ม

หม่านซิ่วมองสามี และพยักหน้าในที่สุด

เธอไม่เคยออกไปจากเมืองเลย และไม่เคยพบเจอเรื่องสะเทือนโลกมาก่อนด้วย

เรื่องที่น่าตกใจก็คือ ไปจัดการเหยียนชุนนีที่สำนักงานกรรมการของอำเภอ และโยนหล่อนกลับไปบ้านเกิด

หม่านซิ่วรู้สึกว่าการที่ต้องไปทางใต้ พูดไม่เข้าใจภาษา เธอไม่มั่นใจเลยว่าจะปรับตัวได้ไหม

“อาใหญ่วางใจเถอะ ทางใต้ดีกว่าฝั่งทางนี้มากค่ะ” เสี่ยวเถียนเปรยขึ้น

จื่ออันมองเสี่ยวเถียนด้วยความประหลาดใจ เด็กคนนี้ไม่เคยเดินทางไปที่นั่นมาก่อน แล้วบอกว่าทางใต้ดีกว่าได้อย่างไร?

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

Status: Ongoing
ซูเสี่ยวเถียนผู้มีชีวิตล้มลุกคลุกคลานได้ย้อนเวลามายังยุค 70 แล้วเกิดใหม่ในร่างเดิมครั้งเมื่ออายุ 7 ขวบ ผู้ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยพี่ชายสุดคลั่งรักเก้าคน โดยการทะลุมิติในครั้งนี้มีระบบวิเศษติดตัวมาด้วย คือ ‘ระบบอ่านหนังสือ’ ซึ่งมาพร้อมกับห้องสมุดส่วนตัว เธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีปัญหาใดที่หนังสือไม่อาจแก้ไขได้ แต่หากแก้ไขไม่ได้ล่ะ? ก็อ่านหนังสือเพิ่มอีกสักสองเล่มแล้วกัน! หากว่ายังไม่พอก็อ่านเพิ่มอีกสักหลายเล่มหน่อย เธอไม่เพียงแต่อ่านมันคนเดียวเท่านั้น แต่ยังโน้มน้าวพี่ชายสุดแสบทั้งเก้าให้อ่านหนังสือกับเธออีกด้วย ทั้งยังชักชวนให้ผู้เป็นบิดาและมารดาให้มาอ่านหนังสือด้วย แม้แต่คุณปู่และคุณย่าก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้!เมื่อทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับรางวัลเป็นของตอบแทน ยิ่งทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไร ก็จะได้รางวัลมากขึ้นเท่านั้น! ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการอ่านหนังสือจะทำให้เส้นทางชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท