เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] – บทที่ 296 คู่แข่งเพิ่มขึ้น

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

บทที่ 296 คู่แข่งเพิ่มขึ้น

บทที่ 296 คู่แข่งเพิ่มขึ้น

คุณย่าซูเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เอาเงินให้ลูกหลานดีกว่า พวกเขาอาจจะเอาไปจ่ายค่าเทอมก็ได้นะ มีเงินซื้อสมุดซื้อหนังสือด้วย ทำไมถึงจะให้พวกเขาไม่ได้ล่ะ?”

ให้คนของเราก็พอ ทำไมต้องให้คนอื่นด้วย

คุณปู่ซูไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน แต่พอได้ยินภรรยาพูดแบบนี้ก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลมาก

เด็กบ้านเราไม่มีนิสัยใช้จ่ายฟุ่มเฟือย พวกเขาอาจจะเอาไปทำอย่างอื่นที่สำคัญก็ได้

“เธอหมายถึงให้เงินเดือนพวกเขา?”

“ต้องให้อยู่แล้ว ไม่ใช่แค่ให้นะ แต่ต้องให้เสี่ยวเถียนมากกว่าด้วย” คุณย่าซูพูดอย่างใจกว้าง

“ย่า ทำไมให้เสี่ยวเถียนมากกว่าล่ะ?” เสี่ยวซื่อพึมพำด้วยความไม่พอใจ

“ก็ไม่ทำไม ให้เพราะเสี่ยวเถียนเป็นตัวต้นคิดเรื่องนี้” คุณย่าซูจ้องหลานชาย “ถ้าแกมีวิธีหาเงินทางอื่น ฉันจะให้แกมากเหมือนกัน”

ไอ้เด็กนี่ ให้เงินน้องเยอะกว่าแล้วมันจะทำไม?

ใส่ใจกันขนาดนี้ไม่ได้แล้วมั้ง กลับไปต้องสั่งสอนเสียแล้ว

ถ้าไม่มีเสี่ยวเถียนที่ได้รับความโปรดปรานจากราชามังกร ไม่ต้องพูดถึงเรื่องได้เรียนหนังสือหรอก จะกินอิ่มหรือเปล่านั่นล่ะปัญหาเลย

เสี่ยวซื่อแค่ถามไปอย่างส่ง ๆ แต่พอโดนย่าว่าเขาก็ได้แต่ลูบจมูก

เสี่ยวเถียนเอาไปขายเยอะกว่าก็ต้องได้อยู่แล้ว และของที่ขายออกไปวันนี้ เสี่ยวเถียนคนเดียวก็ทำไปได้กว่าครึ่ง

ฉืออี้หย่วนไม่คิดว่าบ้านซูจะมีวิธีจัดการเช่นนี้

เขารู้สึกเหมือนเปิดประตูก้าวสู่โลกใบใหม่

ตอนนั้นฉืออี้หย่วนไม่รู้เลยว่า เหตุการณ์วันนี้จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อเขาในภายภาคหน้า

สุดท้าย หญิงชราจัดสินใจว่าครึ่งหนึ่งของรายได้ในแต่ละวันจะใช้เป็นค่าจ้างพวกเด็ก ๆ

เสี่ยวซื่อไม่คิดเลยว่าจะมีเรื่องสวยงามเช่นนี้ด้วย

เขาคิดอย่างอิ่มอกอิ่มใจ วันเดียวก็ได้เงินตั้ง 0.5 หยวน ถ้าขายได้เยอะอีกหน่อยอาจจะได้ถึงหยวนนึงเลยก็ได้นะ

แค่วันหยุดวันเดียวยังทำเงินได้ไม่น้อยเลย

และถ้าเขาทำเงินได้อีก เขาจะกลายเป็นเศรษฐีในไม่ช้า

ตอนนั้นเด็กหนุ่มไม่เคยคิดหรอกว่า การเป็นคนรวยที่แท้จริงคืออะไร

ในจินตนาการของเขา แค่มีหลายร้อยหยวนก็ดีแล้ว

แล้วหลังจากนั้นหลายปี เขาได้กลายเป็นเจ้านายผู้มั่งคั่งจริง ๆ พอหวนนึกถึงก็รู้สึกเหมือนฝันไป

พริบตาเดียวก็ผ่านไปยี่สิบวันแล้ว

ช่วงนี้หลี่จู้จื่อส่งไข่มาบ่อยครั้ง เขาทำตามคำขอคุณย่าซู ซึ่งแต่ละครั้งจะนำไข่มาส่งมากขึ้น

มากสุดคือส่งมารวดเดียวแปดร้อยฟอง

หลี่จู้จื่อเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผาก “คุณป้า ป้าคงไม่รู้หรอกว่าหงซินเราไม่ได้มีไข่เยอะขนาดนั้น”

“แล้วไข่พวกนี้มาจากไหนล่ะ?” คุณย่าซูถามด้วยความเป็นห่วง

เธอกลัวจริง ๆ ว่าหลี่จู้จื่อจะไปเอาไข่จากฟาร์ม ถ้าเป็นแบบนั้นมันจะมีความผิดนะ

“คุณป้า ผมเก็บไข่มาจากชุมชนรอบ ๆ มา ผมคิดว่าอีกสองวันค่อยไปดูที่ชุมชนอื่น”

คุณย่าซูยิ้ม “ไข่ของครอบครัวชาวนาก็ได้ พวกเขาไม่ค่อยกล้ากิน ส่วนใหญ่พวกเขาจะมุ่งไปเรื่องเครื่องปรุงมากกว่า ถ้าคุณรับไข่ไว้ พวกเขาก็ยินดีนะ”

“ที่ป้าพูดก็จริงครับ พวกเขายินดีมาก ผมว่าเดี๋ยวผมเก็บไปก่อนดีกว่า เดี๋ยวอีกสองสามวันจะเอามาให้นะครับ”

จู่ ๆ คุณย่าซูนึกเรื่องนึงขึ้นได้ เลยเทน้ำให้จู้จื่อแล้วเอ่ยปาก

“จู้จื่อ ไม่ต้องเอามาแค่ไข่ก็ได้ เอาผักมาด้วยก็ได้ พวกเราใช้เหมือนกัน”

จู้จื่อรับน้ำมาจากมือคุณย่าซูแล้วดื่มรวดเดียว “ได้ครับป้า แล้วถ้าอยากได้อะไรอีกก็บอกผมนะ”

เขาคิดว่าคุณย่าซูกับคนที่บ้านอาจจะอยากกินผักสด

“จู้จื่อ ป้าต้องทำแป้งทอดไส้กุยช่ายทุกวันน่ะ เลยใช้ผักเยอะ”

จากนั้นหลี่จู้จื่อก็เข้าใจแล้วรีบตอบรับทันที

“จู้จื่อ ผักหนึ่งจินป้าให้ 0.02 หยวนนะ ถึงจะน้อยหน่อย แต่ถ้าราคาสูงกว่านี้ป้าก็ซื้อไม่ไหว” คุณย่าซูพูดด้วยรอยยิ้ม

หลี่จู้จื่อรีบร้อนตอบทันที “ป้า ป้าพูดแบบนี้ผมตกใจนะเนี่ย ผมรับไข่มาแล้ว ได้เงินมาเยอะด้วย แล้วจะเก็บเงินค่าผักได้ยังไง?”

คุณย่าซูยิ้ม “เธอต้องใช้เวลาเก็บผักนานนะ ให้เงินจะเป็นไรไปล่ะ?”

“ใช่ครับลุงจู้จื่อ พวกเราช่วยกัน ย่าก็เลยให้เงินพวกเราครับ” เสี่ยวซื่อพูดอย่างร่าเริง

หลี่จู้จื่อรู้สึกโล่งใจมากเมื่อได้ยินเด็กหนุ่มพูดเช่นนั้น

เขากังวลมาตลอดว่าเพราะหญิงชราอยากดูแลเขา เลยให้เงินมาเยอะ

ที่ลานบ้านซูมีสวนผักอยู่ และบ้านจื่ออันก็มีสวนผักขนาดไม่เล็กเหมือนกัน ตอนนี้หญิงชราจึงใช้สวนผักทั้งสองแห่งนี้เป็นหลัก

แต่เพราะปริมาณของที่ต้องทำยิ่งเยอะขึ้น มันจึงไม่พอใช้ อาหารในเมืองก็หายาก แย่งไม่ทัน และไม่สดด้วย

“ได้ครับป้า เรื่องนี้ยกให้เป็นหน้าที่ของผมเลย สัญญาว่าจะจัดการให้อย่างดีเลยครับ!” หลี่จู้จื่อพยักหน้าซ้ำ ๆ

ถ้าทำเงินได้อีกหน่อย เงินที่ได้ในตอนนี้กับช่วงที่ได้ตอนอยู่ในหงซินเยอะกว่าอีกนะ

หลี่จู้จื่อไม่รู้ว่าพวกคุณย่าซูหาเงินได้อย่างไร แต่เขามีความสุขมากที่เป็นคนกลางในการหาเงิน

ได้เงินเยอะขึ้นทุกวัน เขาก็รู้สึกพึงพอใจแล้ว

ภรรยาจู้จื่อก็มีความสุขเหมือนกันเมื่อได้รู้เรื่องนี้ เพราะบ้านซูช่วยเราไว้ไม่น้อยเลย ต้องตอบแทนอย่างดีแล้ว

“สองปีมานี้ฐานะบ้านเราไม่ดีเลย แต่หลังจากนั้นอีกสองปีก็ดีขึ้น เราต้องกตัญญูต่อคุณลุงคุณป้า” หลี่จู้จื่อครุ่นคิด

ถึงจะไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริง ถ้าไม่มีผู้อาวุโสซูทั้งสอง เขาคงจะโดนคนอื่นดูถูกว่าเป็นไอ้เรื้อนแน่

ผู้เป็นภรรยาพยักหน้า

คุณย่าซูพาหลาน ๆ ไปขายของ ท่าทางของพวกเขาขะมักเขม้นกันมาก

เวลาสะใภ้รองและสะใภ้สามมีเวลาว่างก็จะไปช่วยขายด้วย

อย่างที่เสี่ยวเถียนว่า เรื่องทำงานถ้ามีส่วนร่วมในการทำงงานจะได้ค่าจ้างแน่นอน

ตอนแรกสุด เหล่าซาน ฉีเหลียงอิง และเหลียงซิ่วยังไม่คุ้นชิน คิดแค่ว่าครอบครัวช่วยเหลือกัน จะเอาเงินไปทำไม

แต่หลังจากนั้นไม่กี่วัน พวกเขาก็ค่อย ๆ ชินกับมัน และทำตามความปรารถนาของมารดาและรับเงินเหมามา

ทั้งครอบครัวต่างก็รักใคร่กลมเกลียวกัน

แต่ธุรกิจแบบนี้มันอยู่ได้ไม่นานหรอก

อย่างที่เสี่ยวเถียนคาดเดาไว้ก่อนหน้านี้เลย เพราะพวกเขาหาเงินกันแบบนี้ จึงมีคนตาแหลมเล็งเห็น

ตอนนี้เห็นรถไฟขบวนนี้มีคนขึ้นไปขายไม่น้อยเลย

ยิ่งมีคนมาก การแข่งขันก็ยิ่งมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่พวกเขาเป็นสมาชิกในครอบครัวของพนักงานสถานี มันเลยยิ่งสะดวกกว่าเดิม

รถไฟจะไม่เหมือนที่อื่น ไม่มีลูกค้าที่แน่นอน ถึงเสี่ยวเถียนจะขายไข่ต้มชากับแป้งทอดไส้กุยช่ายในราคาที่ไม่แพง แต่เนื่องจากการแข่งขันสูงมาก พวกเราเลยไม่ได้เปรียบ

ธุรกิจขนาดเล็กยิ่งทำยากขึ้นเรื่อย ๆ และรอยยิ้มบนใบหน้าของเสี่ยวซื่อก็ยิ่งน้อยลงเรื่อย ๆ

ทำไมยิ่งทำยิ่งไม่ได้เงินล่ะ? เมื่อวานเขาได้มาแค่ห้าเหมาเอง ขายไม่ดีเท่าวันแรกเลย

“เสี่ยวเถียน เธอมีวิธีไหม? เธอฉลาดขนาดนี้ต้องมีวิธีสิ!” เสี่ยวซื่อกระสับกระส่าย

ซูเสี่ยวเถียนคิด “พวกเรามาทำอย่างอื่นกันเถอะ!”

ช่วงนี้ ถ้าจะทำธุรกิจขนาดเล็กโดยที่ไม่ต้องแข่งขันกับใคร ทุกอย่างจะราบรื่นมาก

แม้แต่พวกเจ้าหน้าที่ก็ไม่ปรากฏตัวออกมาเลย

หรืออาจจะตรวจแค่สิ่งที่มันแตกต่างกัน

เพราะงั้นเธอจึงไม่ทำธุรกิจบนรถไฟอีกแล้ว

เพราะมีคนแข่งเยอะมาก แต่ละวันจะต้องลงทุนทั้งกำลังคนและข้าวของ มันไม่คุ้มค่าและเสียเวลา

เสี่ยวซื่ออยากให้เสี่ยวเถียนกอบกู้ธุรกิจ แต่ไม่คิดว่าน้องจะยอมแพ้ตรง ๆ

“เสี่ยวเถียน ทำไมทำแบบนี้ล่ะ?” เสี่ยวซื่อร้อนรนจนแทบจะหลั่งน้ำตา

หญิงชราได้ยินหลานสาวพูดก็รู้สึกประหลาดใจ และเริ่มลังเลขึ้นมา

เธอไม่รู้มาก่อนว่ายังสามารถทำเงินได้ด้วยวิธีอื่นอีก

เพิ่งจะผ่านไปได้ไม่นาน ยังไม่ถึงเดือนเลย เงินก้อนเล็ก ๆ ของเธอเพิ่มเข้ามาสี่ร้อยกว่าหยวนแล้ว

หญิงชราจินตนาการไว้อย่างงดงาม!

แต่ความงดงามนั้นอยู่ได้ไม่นานก็จบลงแล้ว

ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ไม่เต็มใจเลย!

“เสี่ยวเถียน ที่จริงธุรกิจนี่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้หรอกนะ แต่มันแค่ทำเงินได้น้อยกว่าก่อนหน้านั้นนิดหน่อยเอง!”

“คุณย่าไม่ต้องกังวลนะ หนูมีวิธีอื่นที่จะทำให้แน่ใจว่าย่ามีเรื่องต้องทำ และมีเงินให้ใช้ค่ะ”

คุณย่าซูถามอีกครั้ง แต่เสี่ยวเถียนไม่ได้ตอบ

บอกแค่ว่าเดี๋ยวบ่ายก็รู้เอง

ครั้นเห็นเงาแผ่นหลังของเสี่ยวเถียนออกไป คุณย่าซูเสียใจจนลืมถามไปว่าหลานจะไปไหน

“ยายเฒ่าเอ้ย แกพูดเรื่องเงินแบบนี้ แล้วถ้าทำต่อไม่ได้ล่ะ?”

ตอนเธอพูด เธออึดอัดใจมาก

มนุษย์ก็แบบนี้ พอได้ลองครั้งนึงก็อยากจะลองอีกครั้ง

ตอนไม่ได้ชิมรสหวานก็ไม่รู้สึกอะไร แต่พอได้ชิมแล้วก็ทนไม่ได้

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

Status: Ongoing
ซูเสี่ยวเถียนผู้มีชีวิตล้มลุกคลุกคลานได้ย้อนเวลามายังยุค 70 แล้วเกิดใหม่ในร่างเดิมครั้งเมื่ออายุ 7 ขวบ ผู้ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยพี่ชายสุดคลั่งรักเก้าคน โดยการทะลุมิติในครั้งนี้มีระบบวิเศษติดตัวมาด้วย คือ ‘ระบบอ่านหนังสือ’ ซึ่งมาพร้อมกับห้องสมุดส่วนตัว เธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีปัญหาใดที่หนังสือไม่อาจแก้ไขได้ แต่หากแก้ไขไม่ได้ล่ะ? ก็อ่านหนังสือเพิ่มอีกสักสองเล่มแล้วกัน! หากว่ายังไม่พอก็อ่านเพิ่มอีกสักหลายเล่มหน่อย เธอไม่เพียงแต่อ่านมันคนเดียวเท่านั้น แต่ยังโน้มน้าวพี่ชายสุดแสบทั้งเก้าให้อ่านหนังสือกับเธออีกด้วย ทั้งยังชักชวนให้ผู้เป็นบิดาและมารดาให้มาอ่านหนังสือด้วย แม้แต่คุณปู่และคุณย่าก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้!เมื่อทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับรางวัลเป็นของตอบแทน ยิ่งทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไร ก็จะได้รางวัลมากขึ้นเท่านั้น! ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการอ่านหนังสือจะทำให้เส้นทางชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท