บทที่ 308 ตั๋วโดนขโมยไปแล้ว
บทที่ 308 ตั๋วโดนขโมยไปแล้ว
“ฉันยังไม่ได้ตีนายสักหน่อย จะร้องไห้ทำไม?” เสี่ยวเถียนพูดไม่ออก
แต่เด็กชายยังคงร้องไห้ฟูมฟาย พอเห็นลูกชายตนเองร้องไห้ หญิงวัยกลางคนไม่ยินยอมพร้อมฟังอะไรทั้งนั้น
“แกจะทำอะไร? เด็กตัวเท่านี้ทำไมต้องไปยุ่งด้วย? ปล่อยเขาไปไม่ได้หรือไง?”
หญิงวัยกลางคนรู้สึกเสียใจแทนลูกชาย เธอกลัวจนลืมไปเลยว่าแม่สามีของตนเองโดนเหวี่ยงลงพื้น
เสี่ยวเถียนรู้สึกรำคาญเหลือเกิน
“ปล่อยเขาหรือ? ทำไมหนูต้องปล่อยล่ะ? เขาเป็นลูกของหนูหรือคะ?” เพราะเสียงยังเป็นเด็ก พอพูดแบบนี้เลยทำให้คนรอบข้างหัวเราะเยาะ
“แก แก…” หญิงวัยกลางคนรู้สึกว่าเสี่ยวเถียนคิดจะฉวยโอกาส
“หนูทำไมคะ? ใครมีตาก็มองเรื่องนี้ออกค่ะว่าเป็นความผิดของบ้านคุณ แล้วยังมีหน้ามาบอกให้หนูปล่อยเขาอีกหรือ?”
ตอนเสี่ยวเถียนพูด ทุกคนคิดว่ามันไม่เห็นจะมีอะไรผิดปกติเลย แต่เพราะจู่ ๆ ดวงตาของเธอก็จ้องไปที่เจ้าหน้าที่แทน
อีกฝ่ายเห็นดวงตาคู่นั้นก็หลบสายตาโดยไม่รู้ตัว
คนรอบข้างเห็นชัด โดยเฉพาะคนที่เอนตัวนอนมองฉากตื่นเต้นตรงหน้า สาวน้อยคนนี้น่าสนใจจริง ๆ
“แล้วฉันไปทำอะไรไม่ดีตรงไหน? เขาเป็นแค่เด็ก เธอจะปล่อยไปไม่ได้หรือไง? ทำไมคนสมัยนี้ใจร้ายนัก!” หญิงวัยกลางคนทำเบะปากเหมือนกำลังจะร้องไห้ ดวงตาแดงก่ำ
“คุณอย่าร้องไห้สิคะ เดี๋ยวคนอื่นจะคิดว่าหนูรังแกคุณหรอก หนูถามหน่อยนะ คุณอายุเท่าไรคะ? ทำไมหนูต้องยกที่นั่งให้เขาด้วย? เขาเป็นเด็ก แล้วหนูเป็นผู้ใหญ่หรือคะ?”
สายตาของผู้คนรอบข้างมองสองคนนี้สลับไปมา
เด็กสองคนนี้อายุห่างกันไม่เยอะมาก น่าจะหนึ่งหรือสองปี
แล้วการที่เด็กอายุเท่านี้จะยอมยกที่นั่งให้ก็เป็นไปไม่ได้
“และสิ่งที่น่ารำคาญที่สุดคือคนแบบพวกคุณค่ะ คิดว่าคนบนโลกเป็นหนี้ต่อคุณหรือคะ หนูจะบอกอะไรให้นะคะ ถ้าไม่อยากให้หนูลงมือก็รีบพาลูกของคุณออกไปค่ะ!”
เสี่ยวเถียนพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
และไม่ลืมเหลือบมองเด็กชายที่กำลังร้องไห้อยู่บนเตียงด้วย
เด็กชายเองก็รู้สึกหวาดกลัวเสี่ยวเถียนด้วยเช่นกัน เขาไม่กล้าส่งเสียงร้องไห้เสียงดัง ได้แต่สะอื้นเบา ๆ เท่านั้น
“สหาย ไม่คิดจะใส่ใจนังเด็กไร้การศึกษานี่หน่อยหรือ? จะยืนมองมันรังแกพวกเราชาวนาเนี่ยนะ?” จู่ ๆ หญิงวัยกลางคนก็มองไปที่เจ้าหน้าที่
เดิมทีเจ้าหน้าที่วางแผนจะประนีประนอมแล้ว แต่ใครจะรู้เล่าว่าคนทั้งสองกลับปรามยากมาก จะไปตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว
“สหายหญิง มันเป็นความผิดของคุณตั้งแต่แรกนะ งั้นแสดงตั๋วคุณให้ผมดูหน่อยสิ!”
เจ้าหน้าที่กลัวว่าหญิงวัยกลางจะหาเรื่องมาใส่หัว จึงเจรจาและขอให้อีกฝ่ายเอาตั๋วออกมาให้ดู
พอเธอได้ยิน ดวงตาพลันสั่นไหว
เจ้าหน้าที่รถไฟยังเป็นคนที่อยู่บนรถไฟมานาน แค่มองแววตาที่แสดงออกมาก็รู้เลยว่านี่อาจเป็นการเลี่ยงค่าโดยสารอยู่
เสี่ยวเถียนสังเกตเห็นเหมือนกัน เธอเหลือบมองเจ้าหน้าที่อย่างมีความหมาย และมันชัดเจนมากว่า คุณดูสิ นี่คือคนที่คุณกำลังปกป้องอยู่นะ
เจ้าหน้าที่ยิ่งอายมากขึ้นไปอีก และเสียงของเขาก็เย็นลงฉับพลัน “สหาย เอาตั๋วของคุณออกมาด้วย!”
หญิงวัยกลางคนไม่ได้มีความเกรงกลัวเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว เธอก้มหัวพลิกกระเป๋าไปมา
ฝ่ายเจ้าหน้าที่รออย่างอดทน เก้าในสิบคนพวกนี้คือพวกไม่ซื้อตั๋ว ต่อให้คุ้ยหาเท่าไรก็คุ้ยไม่เจอหรอก
“ตั๋วของเราโดนขโมยไปแล้ว โอ๊ย ๆ เจ้าหัวขโมยน่ากลัวเหลือเกิน! สวรรค์ ขึ้นรถไฟมาก็รังแกพวกเราแล้ว แล้วจะให้ฉันใช้ชีวิตยังไงกันล่ะ!” ปฏิกิริยาของหญิงชราเร็วกว่าลูกสะใภ้ที่กำลังพลิกกระเป๋าไปมามาก แกเริ่มการแสดงละครแล้ว
เจ้าหน้าที่รถไฟส่งเสียงหัวเราะ แสดงได้ยอดเยี่ยมจริง ๆ
“สหาย คุณบอกว่าตั๋วของคุณโดนขโมยไปแล้ว งั้นบอกผมได้ไหมว่าที่นั่งอยู่ที่ไหนน่ะ?”
“อยู่…อยู่ตู้โดยสารที่สิบหกน่ะ แถวที่สามสิบสอง…” หญิงชราครุ่นคิดและเริ่มแต่งเรื่อง
“ตู้โดยสารที่สิบหก? แน่ใจนะ?” เจ้าหน้าที่ถามด้วยรอยยิ้มครึ่ง ๆ กลาง ๆ
พวกเขาคงเป็นพวกไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ
“ใช่ ต้องใช่แน่ ๆ ฉันจะไปหาที่นั่งของฉันที่ตู้โดยสารที่สิบหก!” หญิงชรารู้ว่ายื้อต่อไปคงไม่ดี จึงรีบหมุนกายหมายหาทางหนีทีรอด
“งั้นตามผมไปเถอะ พอดีเลยผมก็จะไปที่นั่นเหมือนกัน!” เจ้าหน้าที่รีบรั้งหญิงชราเอาไว้
เดิมทีหญิงชราเตรียมหนีแล้ว แต่พอโดนขวางไว้ก็อยากจะโวยวายขึ้นมา แต่เพราะเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว และรู้ว่าเจ้าหน้าที่คงไม่สามารถปรามเธอได้อีก
ก่อนจะพูดตีมึนไปว่า “งั้นก็ไปด้วยกันสิ แต่ว่าที่นั่งของฉันอาจจะโดนคนนั่งไปแล้วนะ ไม่แน่ว่าคนที่นั่งอยู่อาจจะเป็นขโมยก็ได้”
เจ้าหน้าที่เองก็พยายามอดทนอดกลั้น “ไม่เป็นไรครับ ตราบใดที่คุณบอกผมว่าคุณซื้อตั๋วกี่ใบกี่ที่นั่ง ผมจะช่วยหาให้ แต่ต้องยืนยันให้ชัดเจนก่อน ผมถึงจะช่วยหาให้ได้!”
หญิงชรามีความสุขมากเมื่อได้ยินสิ่งที่เจ้าหน้าที่พูด และคิดในใจว่าคนคนนี้มันโง่จริง ๆ แม้แต้เรื่องโกหกยังเชื่ออีก
แต่ว่าชายคนนั้นเชื่อก็ดีแล้ว
เพราะถ้าเจ้าหน้าที่เชื่อแล้ว เธอก็จะมีที่นั่งอย่างชัดเจนเสียที
ถึงจะไม่ดีเท่าแบบเตียง แต่อย่างน้อยก็ได้มีนั่ง ซึ่งดีกว่าไม่มีอะไรเลยด้วยซ้ำ
หญิงชราคิดเรื่องนี้ แล้วขยิบตาให้ลูกสะใภ้
หญิงวัยกลางคนรีบดึงลูกชายสุดที่รักขึ้นมาทันที “ไปกัน ไปหาที่นั่งเรากัน!”
เด็กชายมองแม่และย่าด้วยสีหน้างุนงง พวกเรามีที่นั่งจริง ๆ ใช่ไหม?
แล้วพวกเราไปซื้อตั๋วมาตอนไหนกัน? ทำไมเขาไม่เห็นรู้เรื่องเลย แต่เขาไม่คิดอะไรมาก คิดแค่ว่ามีที่ของเราแล้วจึงรีบเดินตามไป
เสี่ยวเถียนหัวเราะกับสิ่งที่เจ้าหน้าที่ทำ
ชายคนนี้ ตอนแรกเหมือนจะเป็นพวกประนีประนอมนะ แต่ไม่คิดเลยว่าจะใจกล้าขนาดนี้
หลังจากส่งคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปแล้ว เสี่ยวเถียนก็จัดเตียงอีกครั้ง สะบัดเศษดินออกแล้วเรียกให้ฉือเก๋อมาพักผ่อน
“คุณปู่ฉือสุขภาพไม่ดี มานอนพักก่อนค่ะ”
ชายชรามองเสี่ยวเถียนอย่างชื่นชม เด็กหญิงคนนี้เก่งกาจจริง ๆ เป็นคนเด็ดขาดและมีความสามารถมากเลย
ครั้งนี้โชคดีที่พาเธอมาด้วย ไม่งั้นตัวเขาที่เป็นผู้ชายคงอายที่จะต้องลงมือกับผู้หญิง
“พวกหลานก็พักผ่อนสักหน่อย เดี๋ยวมันน่าจะเบื่อไปตลอดทางเลย ใช้เวลาอีกหลายวันด้วย” ฉือเก๋อนั่งอยู่บนเตียงแล้วพูดกับเด็ก ๆ
“ผมขึ้นเตียงบนเองครับ เสี่ยวเถียนกับพี่สี่นอนเตียงกลางนะ”
สำหรับที่นั่งซึ่งเป็นเตียงสามชั้น พื้นที่ข้างบนสุดจะยิ่งเล็ก เพราะงั้นฉืออี้หย่วนจึงเลือกเตียงบนสุด
เสี่ยวเถียนรีบกล่าวทันที “หนูยังเด็ก ให้หนูไปเตียงบนสุดดีกว่าค่ะ”
“เธออยู่เตียงกลางเถอะ ระหว่างพี่กับคุณปู่ พี่สี่ก็อยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยนะ” ฉืออี้หย่วนกล่าวอย่างเฉียบขาด