เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] – บทที่ 326 ทำธุรกิจ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

บทที่ 326 ทำธุรกิจ

บทที่ 326 ทำธุรกิจ

ความคิดนี้แล่นเข้ามาในหัว เรื่องบางเรื่อง ถ้าคุ้นเคยเดี๋ยวก็ชินไปเอง เสี่ยวเถียนเลิกคิดเรื่องนี้ต่ออย่างรวดเร็ว

เพราะตอนนี้เธอมีสิ่งที่สำคัญกว่าที่ต้องทำ ต่อไปจะต้องหาเหตุผลปลีกตัวออกมาส่งวัตถุดิบให้ได้

ถึงจะเอาออกมาขายได้น้อย และถึงแม้จะทำงานไม่ได้มาก แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย

ฝีมือของทายาทพ่อครัววังหลวงทำให้พวกเขาพึงพอใจมาก

“ฉันไม่ได้กินอาหารดี ๆ แบบนี้มาหลายปีแล้ว!” ตู้ถงเหอยกยิ้มอย่างพึงพอใจ

เขาแต่งตัวดีตั้งแต่ยังเด็กและได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดี หลังจากที่แม่ของตนถูกปลิดชีพ ตู้ถงเหอก็ยังมีชื่อเสียงในฐานะนายน้อยแห่งตระกูลตู้ เขาไม่ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงด้วย

แต่หลายปีที่ผ่านมานี้ เขามีช่วงชีวิตที่ยากลำบากจริง ๆ และไม่เคยเห็นอาหารละลานตาแบบนี้มาก่อนเลย

หลังจากกินข้าวเสร็จ เวลาก็ล่วงเลยมาเกือบบ่ายแล้ว

พวกเขาพักกันอยู่ครู่หนึ่ง รอกระทั่งแดดไม่แผดเผาถึงค่อยออกจากร้านไป

เสี่ยวเถียนกำลังคิดเรื่องหาเงินอยู่ เลยไม่ได้แสดงท่าทีอะไร เธอคิดถึงเรื่องที่ว่าจะส่งวัตถุดิบอย่างไรไม่ให้เกิดความสงสัย

ส่วนเสี่ยวซื่อที่ได้พักหลังจากกินอิ่มก็กลับมามีแรงครั้ง ตอนนี้เขารู้สึกมีชีวิตชีวามาก

อีกอย่าง นี่เป็นครั้งแรกที่เขามาเมืองหลวง ไม่ว่าจะเห็นอะไรก็ใหม่และน่าสนใจไปหมด

เด็กหนุ่มเป็นฝ่ายนำทัพ

และมันทำให้บรรยากาศรอบตัวทุกคนเริงร่าขึ้นเล็กน้อย

เสิ่นจื่อเจินยังเช่าเรือมาเป็นพิเศษด้วยเพื่อให้ทุกคนได้ลงเล่นน้ำ

บ้านซูอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ แม้จะอยู่ใกล้แม่น้ำ แต่ก็ไม่ได้นั่งเรือบ่อยนัก

ตอนนี้ได้พายเรือเลยมีความสุขกันมาก เล่นจนถึงห้าโมงกว่า ๆ ทุกคนก็พร้อมใจกันกลับบ้าน

เดิมทีเสิ่นจื่อเจินวางแผนจะเชิญทุกคนไปกินข้าวข้างนอกอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ก็ถูกตู้ถงเหอค้านไว้

“ถึงอาหารที่ร้านอาหารจะอร่อย แต่ราคาของมันค่อนข้างสูง ฉันว่าซื้ออาหารกลับมาทำกินที่บ้านดีกว่านะ”

พวกเขาล้วนแต่คุ้นชินกับการใช้ชีวิตอย่างมัธยัสถ์ และสิ่งที่ชายชราเสนอ ทุกคนต่างก็เห็นพ้องต้องกัน

มื้ออาหารที่มีค่าใช้จ่ายมากกว่าเงินเดือนครึ่งเดือนนั้นไปกินแค่บางครั้งก็พอ ถ้าไปบ่อย ๆ ก็คงจะจ่ายไม่ไหว

หลังจากปรึกษากันสั้น ๆ ทุกคนจึงตัดสินใจไปบ้านตู้ก่อน

ระหว่างนั้นก็คุยเรื่องอาหารเย็นไปด้วย

เสี่ยวเถียนเห็นว่าถนนที่เดินอยู่นั้นไม่ไกลจากร้านอาหารพ่อครัวติง ใช้เวลามากสุดก็สามถึงสี่นาที เธอตั้งสติทันที

เด็กหญิงเอ่ยปากว่าจะไปห้องน้ำ และขอให้ทุกคนรอเธอก่อน

เดิมทีซูเสี่ยวเหมยอาสาจะไปเป็นเพื่อน ทว่าพริบตาเดียวน้องสาวก็วิ่งไปไกลแล้ว

“ไม่เป็นไรหรอก เสี่ยวเถียนเป็นเด็กฉลาด เธอไม่หลงทางหรอก” อวี่รุ่นหยวนวางใจหลานสาวตัวน้อยมาก

เสี่ยวเหมยจึงปล่อยให้เสี่ยวเถียนไปตามลำพัง

หลังจากที่เลี้ยวหัวโค้ง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครเห็น เธอก็หามุมซ่อนตัวทันที

ก่อนจะเปิดระบบร้านค้าขึ้นมา อย่างที่ตกลงไว้ก่อนหน้านี้ เสี่ยวเถียนกำลังจะแลกเปลี่ยนแต้มเป็นวัตถุดิบ

ในระบบร้านค้ามีปลาขายทุกชนิด เสี่ยวเถียนสัญญาแล้วว่าจะเอาปลาไนมาให้สองตัว

เธอดูราคา ปลาไนสดหนึ่งจินใช้คะแนนหนึ่งแต้ม

เธอเลยสั่งปลาไนสดตัวใหญ่สองตัว รวมเป็นสามจิน ใช้ทั้งหมดหกแต้ม

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เสี่ยวเถียนก็สั่งปลาตะเพียนตัวเล็กมาอีกสี่จิน

ซุปปลาตะเพียนอร่อยมาก เธอคิดว่าถ้าทางร้านไม่ต้องการ เธอจะเอากลับไปทำซุปกินตอนเย็น

หลังจากนั้น เสี่ยวเถียนก็ใช้อีกหกแต้มในการซื้อเนื้อวัวสี่จิน แล้วก็มีซี่โครงหมูที่ราคาเท่ากับเนื้อปลา นั่นก็คือ หนึ่งจินต่อหนึ่งแต้ม เสี่ยวเถียนเลยซื้อมาหกจิน

หลังจากคำนวณดูแล้ว เธอใช้ไปทั้งหมดยี่สิบสองแต้ม และคะแนนที่มีเธอยังเหลือคะแนนอีกสี่หมื่นแต้ม

ก่อนจะเห็นตะกร้าเนื้อและปลาใต้จอระบบ เสี่ยวเถียนตาเป็นประกาย

เป็นของดีจริง ๆ!

ไม่ ๆ บอกว่าเป็นของดีไม่ได้ ต้องบอกว่าเป็นของดีในของดีอีกที!

เธอเคยเห็นวัตถุดิบพวกนี้ในโรงแรมขนาดใหญ่มาก่อน

แต่นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตใหม่ของเธอ

วัตถุดิบคุณภาพสูงไม่มีทางเห็นในท้องตลาดแน่นอน

พวกมันอาจจะมีขายทั่วไป แต่คนธรรมดาทั่วไปซื้อไม่ได้อย่างแน่นอน

เนื่องจากเป็นของดีคุณภาพสูง เสี่ยวเถียนเพิ่มราคาให้มันอย่างเหมาะสม

และเมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ในการทำเงินโดยอาศัยเจ้าระบบร้านค้าหลังจากนี้แล้ว เสี่ยวเถียนคิดว่าตนเองอาจจะกลายเป็นเศรษฐี

แววตาสดใสเป็นประกายวิบวับขึ้นมาทันที

เธอดูของในร้านค้าอีกรอบ ก่อนจะสั่งเนื้อกวางมาสิบจินและเนื้อปลาหกจิน

เนื้อสองอย่างนี้เป็นของดีจริง ๆ และเป็นของดีที่หายากในยุคนี้ด้วย

ถึงแต้มที่ใช้แลกในร้านค้าจะไม่สูงก็จริง แต่ก็แพงกว่าเนื้ออื่น ๆ เล็กน้อย

เมื่อเห็นตะกร้าทั้งสองใบเต็มเปี่ยม เด็กหญิงพึงพอใจมาก

หลังจากทำการคำนวณอีกรอบ รวมแล้วเธอใช้ไม่ถึงห้าสิบแต้ม

พอซื้อของเสร็จก็ชั่งน้ำหนักได้สิบจิน ถึงจะหนักไปหน่อย แต่เสี่ยวเถียนแบกไหว

แต่เธอไม่อยากดึงดูดความสนใจคนอื่นมากเกินไป เด็กสาวคนตัวน้อยถือตะกร้าใบใหญ่สองใบดูเป็นเรื่องที่แปลกมาก

เสี่ยวเถียนเดินด้วยความว่องไว แม้จะถือตะกร้าสองใบก็ไม่ขวางการเดินของเธอเลย

ในไม่ช้า เธอก็มาถึงเรือนสี่ประสานของร้านอาหารตระกูลติง

ชายหนุ่มที่พบก่อนหน้านี้ยืนอยู่ที่ประตูและเฝ้ามองอย่างใจจดใจจ่อราวกับว่าเขากำลังรอใครสักคน

พอเขาเห็นร่างบางของเสี่ยวเทียนถือตะกร้าใบใหญ่สองใบ ทั้งยังเดินปรี่เขามาอย่างรวดเร็ว เขาก็ตกใจมาก

สวรรค์ เด็กคนนี้แบกตะกร้าสองใบไหวไหมน่ะ?

“พี่ชาย หนูมาแล้วจ้า!” เสี่ยวเถียนทักท้ายด้วยรอยยิ้ม

ฉับพลันนั้นเขาก็นึกขึ้นได้

เขารออยู่ที่ประตูมาสักพักแล้ว และสงสัยว่าโง่หรือเปล่าที่ตนโดนเด็กหลอกเข้าให้แล้ว

แต่ใครจะไปรู้ว่าจู่ ๆ ก็เห็นเด็กคนนั้น

“ฉันคิดว่าเธอจะไม่มาเสียอีก” ชายหนุ่มรีบเข้าไปช่วยถือ

ตอนยื่นมือออกไปรับตะกร้าใบใหญ่มา เขาคิดไว้แล้วว่ามันจะหนัก

แต่มันหนักกว่าที่คิดเสียอีก

“แล้วหนูไม่ต้องไปหามันหรือยังไงคะ พี่คิดว่ามันคือผักกาดขาวหรือคะ ที่เดินดุ่ม ๆ ไปก็ซื้อได้น่ะ?”

ภาพที่เสี่ยวเถียนกลอกตาทำเอาชายหนุ่มหัวเราะลั่น

เด็กคนนี้มีความสามารถไม่พอยังน่าสนใจด้วย ขนาดกลอกตาจะสวยขนาดนี้ได้อย่างไร?

“เอาตะกร้ามาให้ฉันถือสองใบเลย!” ชายหนุ่มยื่นมือออกมาอีกครั้ง ตั้งใจจะแย่งตะกร้าอีกใบจากเธอ

“ไม่ต้องค่ะ หนูแรงเยอะกว่าพี่มาก!” เสี่ยวเถียนชำเลืองมองเล็กน้อย แล้วพูดสบาย ๆ

ชายหนุ่มเงียบ

โดนอีกดอก!

นี่เขาโดนเด็กวัยสิบกว่าขวบดูถูกหรือเนี่ย?

ตอนที่ทั้งสองเข้าประตูมาโดยที่ต่างฝ่ายต่างถือตะกร้าคนละใบ ชายหนุ่มก็คิดว่าสาวน้อยคนนี้ไม่ได้พูดลอย ๆ แน่

เพราะพละกำลังของเธอมากกว่าเขาจริง ๆ

เหมือนว่าเธอยกมันอย่างเบาหวิว ทำอย่างกับตะกร้าในมือไม่มีน้ำหนักอย่างนั้นแหละ

“สาวน้อย เธอกินอะไรถึงโตมาหรือ?”

ชายหนุ่มถามออกมาโดยไม่รู้ตัว

“กินเนื้อค่ะ” เสี่ยวเถียนพูดจาไม่เกรงใจ

ชายหนุ่มสำลัก เอาเถอะ จะแสร้งทำเป็นว่าเขาไม่ได้ถามก็แล้วกัน

ทำไมเวลาเธอพูดถึงทำคนสะอึกได้ขนาดนี้เนี่ย?

กะว่าโจมตีเป็นพิเศษเลยสินะ!

เขาโตมาด้วยการกัดก้อนเกลือกิน ส่วนเธอโตมาด้วยการกินเนื้อสัตว์

ไม่น่าแปลกใจเลยที่จะมีพละกำลังมหาศาลขนาดนี้!

อดอิจฉาไม่ได้เลยจริง ๆ!

เสี่ยวเถียนไม่คิดว่าประโยคที่พูดไปงั้น ๆ จะทำให้อีกฝ่ายมีความคิดแบบนี้

แม้กระทั่งหลายปีหลังจากนั้น ก็มีคนหนุ่มสาวเชื่อกันอย่างงมงายว่าเนื้อสัตว์สามารถเพิ่มพละกำลังได้

พอมาถึงหลังครัว ชายหนุ่มวางตะกร้าในมือลงแล้วเปิดผ้าที่คลุมตะกร้าออกอย่างกระตือรือร้น

ตอนที่เห็นปลาในตะกร้าดีดดิ้นไปมา เขาตกใจจนพูดไม่ออก

ไม่ใช่แค่สดอย่างเดียว แต่มันยังมีชีวิตอยู่เลย!

ใช้เวลาสักครู่กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ ก่อนจะเอ่ยออกไป “อาจารย์ อาจารย์…”

เสียงแหบแห้งเล็กน้อยตอบด้วยความโกรธ “ไม่ได้เรื่องจริง ๆ กวางฮุยเอ้ย นิสัยแบบนี้ควบคุมให้มันดีหน่อย! ตั้งแต่พรุ่งนี้นะ แกแกะสลักหัวไชเท้าวันละสองหัวเลย”

“อาจารย์ เรื่องอารมณ์ไว้ก่อนก็ได้ รีบมาดูนี่เร็วเข้า ของดีเลยนะ ของดีเลย!”

ปลาสดทั้งตะกร้า ไม่ได้เห็นของแบบนี้มานานมากแล้ว

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

Status: Ongoing
ซูเสี่ยวเถียนผู้มีชีวิตล้มลุกคลุกคลานได้ย้อนเวลามายังยุค 70 แล้วเกิดใหม่ในร่างเดิมครั้งเมื่ออายุ 7 ขวบ ผู้ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยพี่ชายสุดคลั่งรักเก้าคน โดยการทะลุมิติในครั้งนี้มีระบบวิเศษติดตัวมาด้วย คือ ‘ระบบอ่านหนังสือ’ ซึ่งมาพร้อมกับห้องสมุดส่วนตัว เธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีปัญหาใดที่หนังสือไม่อาจแก้ไขได้ แต่หากแก้ไขไม่ได้ล่ะ? ก็อ่านหนังสือเพิ่มอีกสักสองเล่มแล้วกัน! หากว่ายังไม่พอก็อ่านเพิ่มอีกสักหลายเล่มหน่อย เธอไม่เพียงแต่อ่านมันคนเดียวเท่านั้น แต่ยังโน้มน้าวพี่ชายสุดแสบทั้งเก้าให้อ่านหนังสือกับเธออีกด้วย ทั้งยังชักชวนให้ผู้เป็นบิดาและมารดาให้มาอ่านหนังสือด้วย แม้แต่คุณปู่และคุณย่าก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้!เมื่อทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับรางวัลเป็นของตอบแทน ยิ่งทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไร ก็จะได้รางวัลมากขึ้นเท่านั้น! ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการอ่านหนังสือจะทำให้เส้นทางชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท