บทที่ 351 ผลการสอบ
บทที่ 351 ผลการสอบ
เสี่ยวหรุ่ยทิ้งร้านอาหารหออีหมิงไว้ด้านหลังแล้วตามพ่อกับแม่ไป เธอรู้สึกเสียใจมากที่ต้องออกมาทั้งแบบนี้ เพิ่งได้เจอคนที่ตัวเองคิดถึงแล้วแท้ ๆ
แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา เพราะเหลือบไปเห็นสีหน้าอันเย็นเฉียบของมารดา
หลังจากเดินไปได้ระยะหนึ่ง ว่านหงอิงหรือแม่ของเสี่ยวหรุ่ยก็หยุดฝีเท้า เสี่ยวหรุ่ยยืนตรงข้ามอย่างเชื่อฟัง ไม่กล้าระบายความโกรธออกมา
ตรงกันข้ามกับผู้เป็นพ่อที่เอ่ยอย่างใจเย็น “คุณอย่าทำแบบนี้เลย นี่มันกลางถนนนะ”
แต่ว่านหงอิงรอไม่ไหวแล้ว เพราะความอดทนของเธอหมดไปเสียแล้ว
“เสี่ยวหรุ่ย ลูกต้องรู้ฐานะตัวเองนะ แม่กับพ่อเป็นคนมีหน้ามีตา คนที่ลูกจะเล่นด้วยก็ต้องเป็นเด็กที่มีหน้ามีตาเหมือนกัน”
ส่วนไอ้หนุ่มพนักงานร้านอาหารนั่นมันไม่เหมาะ!
เสี่ยวหรุ่ยอยากจะแก้ตัว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร
แม้ว่าจะรู้จากก้นบึ้งของหัวใจว่าคนที่เธอนึกถึงจะต้องเป็นนักเรียนของโรงเรียนมัธยมอันดับเจ็ดอย่างแน่นอน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับผู้เป็นแม่ที่มีใบหน้าเย็นชาราวกับธารน้ำแข็ง เธอก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
สามวันต่อมาก็เป็นวันเปิดเรียน
มหาวิทยาลัยก็เปิดเรียนวันนี้เช่นกัน เสิ่นจื่อเจินจึงไม่มีเวลาดูแลพวกเขา
โชคดีที่เฉินจื่ออันว่างในตอนเช้า จึงพาพวกเขาไปส่งที่โรงเรียน
ก่อนออกจากบ้าน พวกเขายังจะเอาค่าเล่าเรียนมาด้วย พร้อมที่จะลงทะเบียนเรียนในทันที
ที่ประตูโรงเรียนมัธยมมีกระดาษสีแดงแผ่นใหญ่เขียนคะแนนของนักเรียนที่เข้าสอบไว้อยู่
เสี่ยวเถียนมั่นใจในผลการสอบมาก แทนที่จะไล่มองจากข้างท้าย เธอเลือกมองตั้งแต่อันดับแรกไล่ไปจนถึงอันดับหลัง
เดิมทีคิดว่าตนจะสอบได้อันดับแรก เพราะคะแนนรวมสี่วิชาคือสี่ร้อยคะแนน ถึงจะไม่ได้คะแนนเต็ม แต่ก็น่าจะได้ประมาณสามร้อยเก้าสิบคะแนน
แต่คนแรกที่เธอเห็นคือ โจวหรุ่ยซู ได้คะแนนรวมสามร้อยเก้าสิบหกคะแนน ห่างจากอันดับที่สองอยู่ห้าสิบคะแนน ตู้หย่งเฮ่อหรือคนในอันดับที่สองได้สามร้อยสี่สิบหกคะแนน
มันทำให้เธอตกใจมากจนเดาไม่ถูกว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ด้วยความสงสัย เสี่ยวเถียนจึงไล่มองลงไปถึงสี่สิบอันดับ แต่ก็ยังไม่เห็นชื่อของตัวเอง
ไล่ไปสี่สิบกว่าแล้วจนคะแนนลดลงไปถึงสองร้อยเก้าสิบหกคะแนน
เธอไม่คิดว่าตัวเองจะสอบได้คะแนนแย่ ที่ทำให้เแปลกกว่านั้นคือ เธอก็หาชื่อพี่แปดกับพี่เก้าไม่เจอเหมือนกัน
“เสี่ยวเถียน หาเจอไหม?” เสี่ยวปาตื่นตระหนก
ก่อนหน้านี้ เขามีความมั่นใจในตัวเองนะ แต่ตอนนี้รายชื่อเหลือแค่ไม่กี่คนแล้ว แต่เขากลับรู้สึกเหมือนว่าผลคะแนนน่าจะมีปัญหา
มันไม่ควรเป็นแบบนี้สิ ถึงเขากับน้องเก้าจะไม่ได้อยู่ในอันดับต้น ๆ แต่ของเสี่ยวเถียนไม่น่าจะมีปัญหาแน่นอน
เสี่ยวจิ่วมองน้องเล็ก เขาเองก็ไม่เจอชื่อเราสามคนเหมือนกัน
เสี่ยวเถียนส่ายหัว
เธอดูใบรายชื่อ ก่อนจะมองพี่ชายทั้งสอง “พวกเราดูต่อเถอะค่ะ!”
ตอนนั้นเสี่ยวลิ่วและเสี่ยวชีที่กำลังดูอยู่อีกฝั่งวิ่งเข้ามาหาพวกเขา
“พี่หก พี่เจ็ด หาเจอไหมคะ?” เสี่ยวเถียนพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึมทันทีที่เห็นพวกเขา
แม้ปากจะบอกว่าดูต่อ แต่ก็พอเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเรา
คะแนนของพวกเราน่าจะโดนชื่อคนอื่นมาแทนที่แล้ว หรือไม่ก็โดนลบออกไป
อย่างที่คิด พี่ชายทั้งสองส่ายหัวพร้อมกัน
“พวกพี่สอบไม่ผ่านหรือหาไม่เจอคะ?” เสี่ยวเถียนถามต่อ
“ไม่มีชื่อพวกเรา แต่มีชื่ออี้หย่วนนะ ได้อันดับแรกเลย!” เสี่ยวลิ่วพูดพลางมองน้องเจ็ด
ส่วนฉืออี้หย่วนเดินมาพร้อมกับใบหน้าเย็นเฉียบ
คะแนนของเขาไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่เขามั่นใจว่าเสี่ยวลิ่วกับเสี่ยวชีจะต้องมีปัญหาแน่นอน
“พวกผมก็หาชื่อตัวเองไม่เจอ เสี่ยวเถียนด้วย!” เสี่ยวจิ่วเอ่ย
คราวนี้สีหน้าทุกคนเริ่มผิดปกติ
ในตอนนั้นเองที่เสี่ยวหรุ่ยเดินมาเห็น และภูมิใจมากที่ได้เห็นท่าทางผิดหวังของคนพวกนี้
“ดูซิ ไอ้พวกบ้านนอกก็ยังเป็นพวกบ้านนอก คิดอยากจะเข้ามาเรียนในเมืองหลวงงั้นเรอะ”
พวกเสี่ยวเถียนคิดว่าคำพูดของเสี่ยวหรุ่ยค่อนข้างรุนแรง แต่ก็ไม่ได้คิดจะตอบโต้อีกฝ่ายแต่อย่างใด
ด่าอยู่สองประโยคเอง มันจะไปเป็นอะไรได้? มันจะงอกเนื้อร้ายออกมาเลยหรือ?
“เป็นพวกขาจุ่มโคลนจากตะวันตกเฉียงเหนือแท้ ๆ คิดว่ามีพรสวรรค์จริง ๆ หรือ? ดูซิ แม้แต่คะแนนก็ยังไม่มีสินะ?”
“ฉันขอแนะนำพวกแกนะ อย่ามาเสียเวลาอยู่ที่นี่เลย โรงเรียนมัธยมอันดับเจ็ดไม่ต้อนรับคนแบบพวกแกหรอก!”
“มนุษย์เรามีค่า หากรู้จักเข้าใจตนเอง อย่าฝันอะไรที่ไม่มีทางเป็นจริงเลย! ไม่งั้นชีวิตจะตกต่ำเอา!”
ว่าจบก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย กระทั่งมองสีหน้าฉืออี้หย่วนด้วยความพึงพอใจด้วย
เดิมทีเฉินจื่ออันยืนอยู่ด้านหลังเพื่อรอเด็ก ๆ แต่ใครจะรู้เล่าว่าเขาตระหนักได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติขึ้นมา
จึงปรี่เข้ามาถามด้วยท่าทางตื่นตระหนก “เกิดอะไรขึ้นน่ะ?”
“อาเขย พวกเราหาคะแนนตัวเองไม่เจอ!”
เสี่ยวจิ่วเกือบร้องไห้แล้ว แต่เขาก็พยายามกลั้นเอาไว้
“หมายความว่ายังไง?” อีกฝ่ายเองก็ไม่ได้คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
เด็ก ๆ เก่งขนาดนี้ จะหาคะแนนของตัวเองไม่เจอได้อย่างไร?
“พวกเราดูดีแล้วนะครับ แต่มันไม่มีชื่อพวกเราทั้งห้าคนเลย”
เฉินจื่ออันเงียบไปครู่หนึ่ง “งั้นไปโรงเรียนกัน!”
สีหน้าเย็นเยียบของเขาทำให้ผู้คนหวาดกลัว
“อาเขย มันจะมีประโยชน์ไหมคะ?” เสี่ยวเถียนถามย้ำ
“ต้องลองดู ถึงเรามาเมืองหลวงจะไม่มีคนหนุนหลัง แต่เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับคนแล้วล่ะ!”
เฉินจื่ออันเกิดจากครอบครัวทหาร และอุปนิสัยที่ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ได้ฝังอยู่ในกระดูกของเขา
ตอนนี้เขาถึงกับคิดเลยว่าถ้ามันไม่ได้ผลจริง ๆ จะไปหาอดีตผู้นำ ทุกปัญหาแก้ไขได้เสมอ และการศึกษาของพวกเด็ก ๆ จะรอช้าไม่ได้
“ต่อให้พวกแกไปหาก็หาไม่เจอหรอก ทำไมต้องทำให้ตัวเองอับอายด้วย?” เสี่ยวหรุ่ยพูดเสียงดัง “คนบ้านนอกจากพื้นที่ห่างไกลดั้นด้นมาสอบถึงเมืองหลวง จะไปทำได้ดีกว่าคนอื่นได้ยังไง?”
ตอนที่ผู้คนรอบข้างได้ยินคำพูดนั้น สีหน้ายามที่พวกเขามองมานั้นแปลกประหลาดนิดหน่อย
พวกเฉินจื่ออันเมินเฉยต่อเสียงของเธอแล้วตรงเข้าไปในโรงเรียนเพื่อไปยังห้องทำงานของครูใหญ่อย่างรวดเร็ว
ครูใหญ่คนนี้ชื่อกู้ลี่เหริน เป็นชายวัยสี่สิบกว่า และหัวก็ล้านเล็กน้อย
เขาขมวดคิ้วเมื่อเห็นชายวัยกลางคนปรากฏตัวในห้องทำงานพร้อมกับเด็ก ๆ
“พวกคุณเป็นใครครับ?” น้ำเสียงครูใหญ่กู้ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก
เขาคิดว่าน่าจะมาหาเพราะเรื่องสอบไม่ผ่าน เพราะการสมัครสอบในคราวนี้ เขาไม่ได้ปล่อยให้ใครต่อรองเลย
เขาตั้งใจจะทำนามบัตรให้กับชั้นเรียนนี้ด้วย เพื่อที่ทุกคนจะได้รู้ว่าโรงเรียนเราหาที่ใดเปรียบไม่ได้
“ผมเป็นผู้ปกครองของผู้สมัครสอบครับ!” เฉินจื่ออันพูดอย่างเย็นชา
ครูใหญ่กู้เผยสีหน้าราวกับจะบอกว่าเป็นแบบนี้นี่เอง
เป็นเรื่องสอบไม่ผ่านจริง ๆ ด้วย!