บทที่ 366 เชิญมากินข้าวที่บ้าน
บทที่ 366 เชิญมากินข้าวที่บ้าน
ฝั่งด้านของผู้อำนวยการหลี่ ตอนนี้พวกเขากำลังตามพวกเสี่ยวเถียนกลับบ้านไปด้วยความตื่นเต้น และจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเด็ก ๆ พามาร้านอาหาร
ผู้อำนวยการหลี่มองไปยังตัวอักษรขนาดใหญ่อันทรงพลังที่เขียนว่า ‘หออีหมิง’ บนแผ่นป้าย ก็รู้ได้เลยว่านี่เป็นลายมือของอาจารย์ฉือที่เคยสอนเขาจริง ๆ
“อาจารย์ฉือเป็นคนเขียนมันนี่นา ถึงจะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ฝีแปรงยังทรงพลังเหมือนเดิมเลย!”
หลังจากที่อุทาน เขาก็นึกได้ว่าพวกเด็ก ๆ พาเขามาทำอะไรที่ร้านอาหาร?
“พวกเธอหิวแล้วเลยมากินข้าวที่นี่ใช่ไหม?”
เขาพร้อมจะเลี้ยงข้าวเด็ก ๆ แล้ว
ส่วนครูอวี่มาด้วยแล้วก็กินด้วยกันนี่แหละ!
ที่พวกเด็ก ๆ ได้รับการปกป้องอย่างดีในวันนี้ ต้องขอบคุณครูอวี่ที่ทำงานหนักด้วย
“ผู้อำนวยการหลี่ ครูอวี่คะ เที่ยงแล้วค่ะ!” เสี่ยวเถียนกระซิบพลางลูบท้อง
ถ้าวันนี้ไม่เจอเรื่องยุ่งเหยิงเสียก่อน พวกเขาก็คงกินข้าวเสร็จไปแล้วล่ะ
ผู้อำนวยการหลี่คิด เขาเองก็หิวแล้วเหมือนกัน! สองวันก่อนได้ยินคนพูดว่าที่เมืองหลวงมีร้านอาหารเปิดใหม่ด้วย ชื่อร้านไพเราะ มีกลิ่นอายความเป็นวัฒนธรรมชื่อว่า ‘หออีหมิง’
เขายังคิดอยู่เลยว่าจะมาดูเมื่อไรดี
ขณะที่ผู้อำนวยการหลี่กำลังจะเรียกพนักงานมา เสี่ยวเถียนพลันยิ้ม
“ผู้อำนวยการหลี่คะ ที่นี่คือบ้านของเราค่ะ เรากลับถึงบ้านแล้ว!”
ผู้อำนวยการหลี่งุนงง นี่คือบ้านของพวกเขาหรือ? จะเป็นไปได้อย่างไร?
เขาอดคิดไม่ได้ว่า หรือว่าหลังจากที่อาจารย์ฉือกลับบ้าน เขาจะไม่ได้รับบ้านคืนจากทางเบื้องบนด้วย?
ไม่น่าจะเป็นไปได้นะ ก่อนหน้านี้ก็เคยถามเรื่องที่อาจารย์ฉือกลับมาเมืองหลวงด้วย เขาจะได้บ้านกลับคืนมา รวมถึงเงินเดือนและสถานะทางสังคมที่ควรจะได้คืนก็ได้รับกลับมาหมดแล้ว
“อาจารย์ฉืออาศัยอยู่ที่นี่หรือ?”
เขากำลังคิดว่าถ้าท่านอยู่ที่นี่จริง ๆ ก็จะชวนไปที่บ้าน
เสี่ยวเถียนเดาว่าอีกฝ่ายคงเข้าใจอะไรผิด เลยหัวเราะคิกคัก “ผู้อำนวยการหลี่เข้าใจผิดแล้วค่ะ ร้านอาหารแห่งนี้คือบ้านของตระกูลซูเราเองค่ะ”
ร้านอาหารของตระกูลซูหรือ? ไม่น่าแปลกใจที่ลายมือของอาจารย์ฉืออยู่บนแผ่นป้ายด้านนอกประตู
ร้านอาหารแห่งนี้เป็นของลูกศิษย์ของอาจารย์ฉือ การจะมีภาพวาดอักษรไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
“แล้วอาจารย์ฉืออาศัยอยู่ที่ไหนล่ะ?” ผู้อำนวยการหลี่ถามอย่างกระตือรือร้น
วันนี้เขามาพบอาจารย์โดยเฉพาะเลย ไม่ได้ตั้งใจจะมากินข้าว
“คุณปู่ฉืออยู่ที่บ้านเขาค่ะ ห่างจากที่นี่พอสมควรเลย”
เพราะเสี่ยวเถียนสัมผัสได้ถึงเจตนาดีจากผู้อำนวยการ ก็เลยไม่คิดจะปิดบังอะไร
ผู้อำนวยการหลี่รู้สึกผิดหวังมาก เดิมทีเขาคิดว่าจะได้พบอดีตอาจารย์ผู้มีพระคุณในวันนี้เสียอีก ทว่าเขาดันคิดมากไปเอง!
“ผู้อำนวยการหลี่ครับ นี่เป็นที่อยู่ของบ้านผมครับ”
ฉืออี้หย่วนหยิบกระดาษออกมาแล้วส่งให้อีกฝ่าย
เด็กหนุ่มมีความประทับใจที่ดีต่อชายคนนี้มาก จึงเป็นฝ่ายให้ที่อยู่ด้วยตัวเอง ผู้อำนวยการหลี่ไม่คิดว่าหลานชายของอาจารย์จะเต็มใจให้ที่อยู่กันแบบนี้ เขาจึงยิ้มอย่างมีความสุข
“มา ๆ เด็ก ๆ วันนี้ฉันเลี้ยงพวกเธอเอง” ผู้อำนวยการหลี่ได้ที่อยู่ของอาจารย์ไปแล้ว เขาก็หัวเราะลั่นแล้วเลี้ยงข้าวพวกเด็ก ๆ
เขาไม่เคยกินอาหารที่ร้าน ‘หออีหมิง’ มาก่อนเลย วันนี้เลยมาลองชิมรสชาติสักหน่อย เพราะร้านอยู่ไม่ไกลจากกระทรวงนัก ถ้าอร่อยจริง จะมาอีกหลาย ๆ รอบก็ได้นี่
แถมร้านอาหารแห่งนี้ก็ดูดีเลยทีเดียว มีการต้อนรับแขกด้วย หรูกว่าร้านอาหารของรัฐตั้งเยอะ!
“ผู้อำนวยการหลี่คะ วันนี้คุณรักษาความยุติธรรมให้กับพวกเรา มื้อนี้ควรจะเป็นพวกหนูที่เลี้ยงสิคะ! แล้วก็ยังมีครูอวี่ด้วย ถ้าไม่ได้เขาปกป้องเอาไว้ หนูกับพี่ ๆ ต้องทนทุกข์ทรมานแน่นอนค่ะ”
เสี่ยวเถียนพูดด้วยความจริงใจ ที่เธอเชิญครูอวี่มาก็เพื่อมาขอบคุณเขา
“น่าอายอะไรอย่างนี้ พวกเธอเป็นฝ่ายได้รับความคับข้องใจนะ!” ผู้อำนวยการหลี่รีบเอ่ย
ครูอวี่ยังยังพูดเสริมอีกด้วย “ครูก็ไม่ได้ทำอะไรเหมือนกัน การปกป้องนักเรียนเป็นสิ่งที่คนในฐานะครูควรทำอยู่แล้ว”
ขณะที่กำลังสนทนากัน คุณปู่ซูเดินออกมาจากด้านหลังพอดี พอเห็นหลาน ๆ ใบหน้าก็มีรอยยิ้มปรากฏออกมา
ซูเสี่ยวเถียนแนะนำแขกให้รู้จักกับคุณปู่
พอได้ยินว่าแขกทั้งสองเป็นคนที่ช่วยหลานในวันนี้ คุณปู่ซูพูดทันทีว่าจะเลี้ยงอาหารให้แขกเอง
ผู้อำนวยการหลี่รู้สึกอายจริง ๆ แต่ทนรับคำเชิญอันอบอุ่นจากคนบ้านซูไม่ได้
เขาเองก็อยากจะรู้ว่าครอบครัวแบบไหนกันที่เลี้ยงดูเด็กอย่างเสี่ยวเถียนให้ออกมาฉลาดแบบนี้ จึงอยู่ต่อ
ส่วนครูอวี่เป็นคนซื่อสัตย์ เขาหิวแล้ว เขาจะอยู่ต่อ!
ไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น!
เสี่ยวเถียนเป็นฝ่ายสั่งอาหารมา
พูดตามตรง อาหารร้านหออีหมิงค่อนข้างวุ่นวายมาก เพราะมีอาหารหลากหลายประเภท
ร้านแบบนี้หากอยู่ในช่วงสิบปีให้หลัง มันดึงดูดลูกค้าได้ยากมาก
แต่ด้วยสภาพแวดล้อมทางสังคมในตอนนี้ ไม่มีใครสนใจหรอกว่ามันเป็นอาหารอะไร
อร่อยล้ำค่า รสชาติบ้าน ๆ หลัก ๆ คือขอแค่อิ่มท้อง
มีแค่กินอิ่มเท่านั้นที่จะพูดถึงเรื่องของรสชาติได้ ถึงวัตถุดิบจะขาดแคลน แต่ถ้าไม่เรื่องมากก็จะไม่หิวโหยแน่นอน
เหมือนกับร้านอาหารตระกูลติง แค่อร่อยก็ดึงดูดคนได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงอาหารนะ ไม่ว่าจานนั้นจะเป็นอาหารอะไรก็ไม่สำคัญเลย
คุณย่าซูมีฝีมือการทำอาหารที่ดีมาก ทั้งยังเป็นคนที่มีพรสวรรค์ด้วย เรียกได้ว่าขอแค่มีสูตรก็ทำได้อร่อยหมด
เสี่ยวเถียนจัดหาวัตถุดิบรวมไปถึงสูตรอาหารที่ตัวเองชอบให้แกเยอะแยะไปหมด
ในสูตรที่ให้ไปมีอาหารหูหนาน อาหารเสฉวน อาหารทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือ แล้วก็มีอาหารหวยหยางด้วย
สรุปแล้วอาหารของร้านหออีหมิงในตอนนี้ผสมผสานจากทั่วทุกสารทิศ
เดิมทีผู้อำนวยการหลี่คิดจะลองชิมก่อนสักมื้อ แต่ไม่คิดว่าทักษะการทำอาหารของร้านที่เพิ่งเปิดใหม่จะดีขนาดนี้
และไม่คิดอีกว่าอาหารทั้งสี่จานที่มีจานเนื้อและจานผักอย่างละสองจานจะมีกลิ่นหอมและสีสันที่น่าตื่นตกใจขนาดนี้
แค่ได้กลิ่นเฉย ๆ ยังไม่ทันได้กินก็น้ำลายสอแล้ว มันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย
รสชาติแบบนี้อร่อยแน่นอน!
อาหารทั้งสี่จานที่เสี่ยวเถียนสั่งมามีหมูตุ๋นน้ำแดงที่ฉุดรั้งความตะกละของทุกคนไว้ไม่ได้ ชิ้นเนื้อมันเยิ้มนี่แหละจะเป็นอาวุธอันแหลมคมที่พร้อมสนองความตะกละของพวกเรา
แล้วก็มีหัวปลาราดพริกที่เป็นอาหารหูหนาน
เสี่ยวเถียนชอบเมนูนี้มาก ๆ และคุณย่าก็ปรับเปลี่ยนสูตรมันอีกเล็กน้อยด้วย จึงอร่อยมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังมีไข่ผัดมะเขือเทศกับซุปผักกาด
อาหารสี่อย่างเสิร์ฟพร้อมกับข้าวขาวเม็ดใสน่ากินสุด ๆ
คุณปู่ซูเป็นคนเสิร์ฟอาหารด้วยตัวเอง หลังจากที่แกเอามาวางก็ไม่ได้กล่าวคำขอบคุณอะไรอีก เพียงแค่เชื้อเชิญให้แขกทั้งสองกินข้าวเท่านั้น
ถึงครูอวี่จะหิวมากแค่ไหน แต่ผู้อำนวยการก็ยังนั่งอยู่ตรงข้าม เขาเลยต้องระงับความอยากอาหารและรอให้อีกฝ่ายหยิบตะเกียบก่อน
เดิมทีเสี่ยวเถียนคิดว่าอีกฝ่ายจะกินหมูตุ๋นน้ำแดงก่อนเสียอีก
ใครจะคิดเล่าว่าอาหารจานแรกของผู้อำนวยการพุ่งเป้าไปจะเป็นหัวปลาราดพริก หรือว่าเขาจะชอบอาหารรสชาติจัดจ้าน?
หลังจากที่ผู้อำนวยการหลี่ใช้ตะเกียบคีบปลาแล้ว ครูอวี่ก็ไม่เกรงใจ รีบพุ่งตะเกียบไปที่หมูตุ๋นน้ำแดงก่อนเป็นอย่างแรก และคีบเนื้อหมูมันเยิ้มเข้าปากคำใหญ่
มันฉ่ำเต็มปาก เนื้อนุ่มอร่อย รสชาติอร่อยเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ พร้อมกับข้าวคำโต อร่อยเหลือเกิน!
ครูอวี่เป็นคนที่ขอแค่กินอิ่มไม่คิดกินของดีก็อดเหลือบมองไม่ได้
เขาคิดว่าทักษะการทำอาหารของร้านอาหารหออีหมิงดีมาก แม้แต่ข้าวสวยก็ยังอร่อยกว่าที่อื่น! สีหน้าของผู้อำนวยการมีความสุขยิ่งกว่านี้อีก แต่ใช้ตะเกียบคีบคำแรกเข้าปากน้ำตาก็ไหล!
เสี่ยวเถียนเบิกตากว้าง นึกว่าตนตาฝาด
“ผู้อำนวยการหลี่กินเผ็ดไม่ได้หรือครับ? ถ้างั้นกินหมูตุ๋นน้ำแดงได้นะ อร่อยมากเลยครับ!” ครูอวี่ชวนให้อีกฝ่ายกินหมูตุ๋น
ถึงแม้จะรู้สึกลังเล แต่ก็ยังตัดสินใจยอมแพ้แล้วยกให้อีกฝ่ายได้กินแทน!
ผู้อำนวยการหลี่เมินครูอวี่ แต่จ้องไปที่คุณปู่ซู
“คุณซู คุณเป็นคนหูหนานหรือครับ?”
รสชาติของหัวปลาราดพริกคือของแท้ชัด ๆ หลายปีที่อยู่เมืองหลวงมา เขาไม่เคยกินรสชาติแบบนี้เลย!