บทที่ 375 แผนพัฒนาห้าปี
บทที่ 375 แผนพัฒนาห้าปี
ซ่งหลิงหลิงได้ยินมาว่าโจวหรุ่ยซูพลาดโอกาสที่จะได้เข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมอันดับเจ็ดเพราะซูเสี่ยวเถียน ยิ่งไปกว่านั้นคือ พ่อของเธอยังโดนไล่ออกและโดนสอบสวนอยู่ ตอนนี้ถูกส่งตัวไปที่ชนบทแล้ว
ถึงโจวหรุ่ยซูจะหาที่เรียนได้ภายใต้การจัดการของตระกูลโจวและตระกูลว่าน ทว่าสถานการณ์ปัจจุบันก็ไม่สู้ดีนัก
เธอโดนทั้งสองตระกูลรังเกียจ และตอนนี้ก็โดนโยนเข้าโรงเรียนด้วย
พวกเขาคิดว่าเป็นเพราะเธอ เลยทำให้เบื้องบนขุ่นเคืองตระกูลโจวและตระกูลว่าน
ในตอนที่เซ่งหลิงหลิงได้พบกับโจวหรุ่ยซูก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังว่าง และความเกลียดชังที่มีต่อซูเสี่ยวเถียนก็อยู่ในจุดที่ไม่สามารถเพิ่มไปได้มากกว่านี้อีกแล้วด้วย
เสี่ยวเถียนไม่รู้เรื่องราวพวกนี้หรอก เพราะวัน ๆ เอาแต่อ่านหนังสือและตั้งใจเรียนมาก
เพราะมีแรงจูงใจแบบนี้ นักเรียนในห้อง 18 จึงมีแรงจูงใจกันมาก
กลุ่มเด็กวัยสิบเอ็ดถึงสิบสองปีกระตือรือร้นในการเรียนมากกว่านักเรียนที่อายุมากกว่าในชั้นเรียนอื่น ๆ อีก ครูฮวางเห็นอย่างนั้นก็มีความสุขมาก
ลึก ๆ ในใจเขาคิดว่าตนเองแค่นอนเฉย ๆ ก็ชนะได้
และความชื่นชอบที่มีต่อซูเสี่ยวเถียนก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ
ก่อนจะมีการสอบย่อยครั้งแรกของห้องเรา ในที่สุดเสี่ยวเถียนก็อ่านหนังสือภาษาต่างประเทศในมือจบ เธอใช้พลังงานไปเยอะมากกับการอ่านหนังสือเล่มนี้ แต่สิ่งที่เก็บเกี่ยวมาได้ก็เยอะมากเช่นกัน
ตอนที่เก็บมันกลับไป เธอรู้สึกว่าร่างกายเบาหวิว
จากนั้นก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบ
[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ด้วยค่ะ คุณได้รับทักษะใหม่ ‘การผสมผสานวัฒนธรรม’]
อะไรนะ?
เธอแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลย
นี่คือกระตุ้นให้ได้ทักษะนี้หรือ?
การผสมผสานวัฒนธรรมมันคืออะไรเนี่ย? มีเรื่องแปลก ๆ แบบนี้ด้วยหรือ?
เธอรีบเรียกอินเทอร์เฟซของระบบขึ้นมา และทันทีที่เห็นทักษะนี้ก็สั่นสะท้านไปทั้งร่าง เป็นทักษะที่เกินจริงมาก ความสามารถในการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศของเธอเพิ่มขึ้นถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์
ห้าสิบเปอร์เซ็นต์เลยนะ เป็นจำนวนที่ไม่กล้าจินตนาการเลย
เสี่ยวเถียนคิดว่าถ้าเธอพึ่งพาทักษะ เธอจะบินได้แน่นอน
“แอนนา เป็นทักษะที่หายากมากจริง ๆ!”
ถึงจะไม่ได้คิดจะเป็นนักแปล แต่การมีความเชี่ยวชาญในด้านภาษาต่างประเทศนั้นมันหมายความว่าเธอสามารถอ่านเนื้อหาต้นฉบับได้
อ่านต้นฉบับ เรียนรู้จากสิ่งที่เป็นต้นฉบับเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเรียนรู้เลย
เพราะไม่ว่าจะหนังสือเล่มไหน ถ้าแปลออกมาแล้วมันจะมีความแตกต่างกันอยู่เสมอ
[ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรใช่ไหมคะ? ขอแค่โฮสต์ตั้งใจให้พอ ยังมีเซอร์ไพรส์รอคุณอยู่อีกค่ะ!]
ในน้ำเสียงของแอนนามีความร่าเริง แต่เสียงที่พูดนั้นมันราบเรียบ
เสี่ยวเถียนพูดไม่ออก เธอยังตั้งใจไม่พอหรือ?
แต่ละวันใช้เวลาเรียนไปตั้งเท่าไร? ขยันและจริงจังกว่าเด็กที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยในยุคปัจจุบันอีก
ถ้านี่ไม่ถือว่าตั้งใจ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องทำอย่างไรถึงจะเรียกว่าตั้งใจ
“แอนนาบอกฉันที ฉันต้องตั้งใจยังไง?”
[ระบบขอเตือนโฮสต์ว่า การเปลี่ยนแปลงแค่ตัวโฮสต์คนเดียวไม่สามารถกระตุ้นศักยภาพของระบบให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ได้ค่ะ ต้องเปลี่ยนสภาพแวดล้อมรอบข้างด้วยถึงจะยืนหยัดได้ค่ะ]
“การเปลี่ยนแปลงแค่ตัวโฮสต์คนเดียวไม่สามารถกระตุ้นศักยภาพของระบบได้? ให้เปลี่ยนสภาพแวดล้อม?”
หมายความว่าอย่างไรเนี่ย?
[โฮสต์จำได้ไหมคะว่าผลตอบแทนส่วนใหญ่ของโฮสต์มาจากไหน!] น้ำเสียงดูถูกเหยียดหยามของแอนนาทำให้เสี่ยวเถียนหดหู่ใจมาก
นี่โดนระบบรังเกียจหรือเนี่ย?
แต่เพราะการเตือนตรง ๆ แบบนี้ทำให้เสี่ยวเถียนเข้าใจในทันที
เปลี่ยนแค่ตัวเอง ที่จริงมันก็ไม่ได้ทำให้ได้อะไรมากมายด้วยนั่นแหละ
สิ่งที่ทำเธอได้รับผลตอบแทนมากที่สุดคือ การเปลี่ยนแปลงพวกพี่ ๆ
ตั้งแต่ที่พี่ ๆ เริ่มเรียนหนังสือ กระทั่งชอบที่จะเรียน และประสบความสำเร็จในตอนสุดท้าย เธอได้ผลประโยชน์กลับมาเยอะแยะทุกครั้ง
และจำนวนแต้มที่มากกว่าสี่หมื่นคะแนนในร้านค้าก็ได้มาจากพี่ ๆ ซึ่งที่เธอหาเองมันไม่ได้มากจริง ๆ นั่นแหละ
ตอนนี้พี่ ๆ ก็เก่งแล้วนะ แล้วจะเปลี่ยนอย่างไรดีล่ะ?
เสี่ยวเถียนคิดว่าเทียบกับชาติที่แล้วนั่น ชะตาลิขิตของพวกพี่ ๆ เปลี่ยนอย่างสิ้นเชิงเลย
เธอกุมขมับ รอบนี้แม้แต่แอนนายังไม่เตือนเธอเลย
เธอคิดหนักอยู่พักหนึ่งก่อนจะตระหนักว่าตนเข้าใจผิด
ถึงชีวิตพี่ ๆ จะเปลี่ยนไปจากชีวิตที่แล้วก็ตาม
แต่ชีวิตของพี่ ๆ ในครั้งนี้และครั้งก่อนก็แตกต่างกันจริง ๆ อีกทั้งพื้นฐานความรู้ของพวกพี่ ๆ ก็ทำได้ดีกว่าเดิมด้วย
เธอคิดออกแล้ว
ถ้าแบบนี้เธอจะเปลี่ยนสถานะของพี่ ๆ ในตอนนี้ซะ
เธอตัดสินใจว่าจะทำแผนพัฒนาให้พี่ ๆ ในช่วงห้าปีข้างหน้าทันที
ถูกต้อง มันคือแผนพัฒนาห้าปี
ถ้าต้องทำ ก็ต้องทำให้ยิ่งใหญ่สักหน่อย!
ในอีกห้าปีข้างหน้า พี่ใหญ่ พี่รอง และพี่สามจะต้องประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ให้ได้
ระบบแอนนาเหมือนจะรับรู้ได้ถึงความคิดของโฮสต์ จึงเอ่ยออกมาในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะ
[แอนนาจะรอการพัฒนาไปอีกขั้นของโฮสต์นะคะ!]
เสี่ยวเถียนเป็นคนพูดแล้วก็ต้องทำ
หยิบปากกาและกระดาษออกมา ก่อนจะทำจุดแข็งและความพิเศษของพี่ ๆ อย่างตั้งใจ จากนั้นก็เลือกความสนใจของเขา
เธอค่อย ๆ กำหนดอนาคตที่เป็นไปได้ของพี่ ๆ โดยคำนึงถึงโอกาสการพัฒนาด้วยว่าจะมีแบบไหนบ้าง
ถึงจะรู้ชัดอยู่แล้วว่าชีวิตคนเราไม่ได้ง่ายที่จะวางแผนให้ได้ชัดเจนแบบนั้น แต่การมีทิศทางก็ยังดีกว่าไม่มีเลย
เธอสามารถให้คำแนะนำที่เหมาะกับพี่ ๆ ได้ แต่ไม่มีอิทธิพลในความปรารถนาของพวกเขา
เธอตั้งใจเขียนอย่างจริงจัง กระทั่งอวี่รุ่ยหยวนที่กำลังเดินผ่านมาเห็นพอดี มุมปากหญิงชรามีรอยยิ้ม
เด็กคนนี้ตั้งใจมาตลอดเลย
สวรรค์ย่อมตอบแทนคนขยันหมั่นเพียร พระเจ้าจะไม่ให้คนขยันต้องผิดหวังหรอกนะ
หลังจากกลับมาถึงบ้าน อวี่รุ่ยหยวนพูดเรื่องนี้กับสามีด้วยความซาบซึ้งมาก
“โชคดีของเราแล้วที่มีหลานคนนี้!”
ใครบ้างจะไม่หวังให้ลูกหลานโดดเด่นน่ะ?
“ฉันคิดว่าพรุ่งนี้ไปซื้อเสื้อผ้าให้หลานที่ห้างเสียหน่อย ตาเฒ่าคิดว่ายังไง?”
“ถ้าเธอว่าดีก็ทำเถอะ เสี่ยวเถียนไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอกนะ!”
หญิงชรามองสามีด้วยแววตาว่างเปล่า และพูดอย่างไม่ชอบใจ “ตาเฒ่าแบบคุณเนี่ย ไม่เข้าใจความคิดของเด็กผู้หญิงเสียเลย!”
มีเด็กผู้หญิงคนไหนบ้างที่ไม่อยากมีเสื้อผ้าสวย ๆ ใส่น่ะ?
แต่ตู้ถงเหอกลับโน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหู “ฉันเข้าใจแค่ความคิดเธอก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องเข้าใจอย่างอื่นหรอก!”
หญิงชราหน้าแดงแล้วตีสามีเบา ๆ ก่อนจะหัวเราะออกมา!
วันต่อมา ห้องเรียนพิเศษที่ 18 มีการสอบย่อยเป็นครั้งแรก
การสอบย่อยนี้ห้องเรียนอื่น ๆ ในชั้นมัธยมปลายปีที่ 1 ไม่ได้เข้าร่วมด้วย
ซึ่งข้อสอบออกโดยครูที่สอนห้องนี้โดยเฉพาะ จุดประสงค์คือเข้าใจระดับของเด็กห้องนี้อย่างแท้จริง
การรู้ระดับของนักเรียนเท่านั้นที่จะทำให้สามารถวางแผนการสอนตามเป้าหมายในวันข้างหน้าได้
ส่วนฝั่งเสี่ยวเถียนนั้น ความรู้ระดับมัธยมเธอรู้ทุกแขนงแล้ว และมีบางครั้งที่คิดว่าตนน่าจะหาที่อ่านหนังสือบ้างนะ
และในฐานะที่เป็นนักเรียน เธอเคารพการสอบเป็นอย่างมาก
ถึงจะเป็นการสอบย่อยครั้งแรก แต่ก็เผชิญกับมันด้วยความตั้งใจมาก ๆ เลยล่ะ
ตอนที่เดินอยู่ก็ยังให้กำลังใจพี่ ๆ ตลอดทางเลยด้วย
คะแนนของพี่ชายทั้งสองทำได้ไม่เลว ต้องบอกว่ายังดีอยู่
แต่ขาดความมั่นใจก็เท่านั้น!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเผชิญหน้าเด็กในเมืองหลวง ถึงภายนอกจะดูดี แต่ภายในกลับมั่นใจในตัวเองต่ำมาก
“เสี่ยวเถียน เธอว่าพวกพี่จะสอบได้คะแนนดีไหม? พี่ว่าถึงเพื่อนร่วมห้องเราอายุไม่เยอะ แต่สอบได้คะแนนดีทีเดียว” เสี่ยวปาลังเล
เสี่ยวจิ่วก็เสริมแรง “ใช่ ๆ ถึงพี่จะไม่ชอบตู้หย่งเฮ่อ แต่เขาเรียนเก่งมาก ๆ เลย”
“เสี่ยวเถียน บอกทีว่าพี่กับเสี่ยวจิ่วจะทำได้เหมือนตอนสอบเข้าไหม?”
ผู้เป็นน้องรีบตอบทันที “ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ? สองอาทิตย์มานี้พี่ ๆ ตั้งใจเรียนกันมาก ความรู้ที่พี่มีก็ครอบคลุมกว่าเดิมด้วย หนูว่าสอบรอบนี้พวกพี่พัฒนากว่าเดิมแน่นอนค่ะ!”
ให้กำลังใจพี่ ๆ ดีกว่าทำร้ายพวกเขาอีกนะ