บทที่ 376 เธอไม่มีทางสอบได้คะแนนแบบนี้หรอก
บทที่ 376 เธอไม่มีทางสอบได้คะแนนแบบนี้หรอก
หลังจากที่เสี่ยวปาและเสี่ยวจิ่วได้ยินคำพูดของน้องเล็ก พวกเขาก็มีความมั่นใจมากขึ้น
สิ่งที่เสี่ยวเถียนพูด เก้าในสิบจะเป็นจริง
ส่วนเสี่ยวลิ่วและเสี่ยวชีที่ได้ยินบทสนทนาของน้อง ๆ ก็อดหัวเราะไม่ได้ เด็กโง่สองคนนี้เชื่อทุกอย่างที่น้องเล็กพูดจริง ๆ
เพราะกำลังจมอยู่ในคำมั่นของน้องเล็ก จึงไม่เห็นแววตาล้อเลียนของพวกพี่ ๆ เลย
ตอนที่สามพี่น้องเดินเข้ามาในห้องเรียน เพื่อนร่วมชั้นส่วนใหญ่ได้มาถึงกันแล้ว จึงเหลือที่นั่งเพียงไม่กี่ที่เท่านั้น
เสี่ยวเถียนไม่ได้สนใจว่าใครยังไม่มา
เพราะเดิมทีก็คิดอยู่แล้วว่าเรื่องของคนอื่นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอสักนิด
เด็กหญิงถือกระเป๋าเดินเข้าไปยังที่นั่งของตัวเองตรงมุมสุดอย่างใจเย็นก่อนนั่งลง
สักพักตู้หย่งเฮ่อวิ่งเข้ามาหา
ความเร็วแบบที่ทำเสี่ยวเถียนพูดไม่ออกเลยจริง ๆ
หาคนคุยไม่ดีหรือไง?
สิ่งที่ตู้หย่งเฮ่อรู้คือ เขาจะมาคุยเรื่องโจทย์ แต่สิ่งที่ไม่รู้คือ กลัวจะทำให้พี่ชายของเสี่ยวเถียนคิดไปว่าตนมีแรงจูงใจซ่อนเร้นคิดมีความรักก่อนวัยอันควร
“ซูเสี่ยวเถียน เธอทำโจทย์ข้อนี้ได้ไหม? ช่วยฉันดูหน่อยสิ เมื่อคืนฉันคิดนานมากเลย แต่คิดไม่ออก”
“นักเรียนตู้ นายเปิดหนังสือคณิตศาสตร์แล้วดูตัวอย่างข้อสามที่หน้าสิบสองกับตัวอย่างข้อแรกหน้าสิบห้านะ สองข้อนี้จะทำให้เข้าใจเอง โจทย์ง่ายมากด้วย!” เสี่ยวเถียนตอบอย่างช่วยไม่ได้
ตอนนี้เธอมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในเนื้อหาของหนังสือเพื่อรับมือกับบทสนทนาที่จู่ ๆ ก็เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
เดิมทีการคุยแบบนี้และแก้ปัญหาให้ตรงจุดจะสะดวกที่สุด แต่เสี่ยวเถียนไม่อยากเสียเวลา เลยเลือกทำแบบนี้แทน หลังจากตู้หย่งเฮ่อได้การชี้นำ เขาก็ขอบคุณแล้วรีบกลับที่นั่งเพื่อไปอ่านต่อ
เสี่ยวปาเห็นดังนั้นจึงอดถามไม่ได้ “เสี่ยวเถียน เธอคงไม่ได้ท่องทั้งเล่มใช่ไหม?”
น่ากลัวไปหน่อยไหมแบบนี้?
เสี่ยวเถียนยิ้มและไม่พูดอะไร ท่องไม่ได้หรือ?
ความจำของเธอในตอนนี้ดีมาก ไม่ว่าจะท่องจำอะไรก็ไม่ต้องลงแรงเยอะ
ถึงขนาดอ่านงานจากภาษาต้นฉบับด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับหนังสือเล่มอื่น ๆ ล่ะ!
พอส่งอีกฝ่ายกลับไป เสี่ยวเถียนก็หยิบหนังสือเรียนขึ้นมาแล้วเปิดอ่านอย่างตั้งใจ อีกไม่กี่นาทีก็จะสอบแล้ว เวลาอ่านหนังสือใกล้ไม่พอแล้วเนี่ย
เธอหดหู่ใจนัก
“ซูเสี่ยวเถียน วันนี้มีสอบและเธอก็สอบได้อันดับแรกด้วยใช่ไหม? น่าอิจฉาจริง ๆ ที่ได้คะแนนดีขนาดนี้ แถมคุณครูก็ชอบเธอด้วย! ได้ยินมาว่ามีอาจารย์สอนพิเศษให้เธอด้วยนี่นา” ซ่งหลิงหลิงเดินตรงหน้าแล้วเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
เสี่ยวเถียนได้ยินแบบนั้นก็อึดอัดมาก ทำไมคำพูดของคนคนนี้ถึงดูไม่น่าฟังแบบนี้?
ตั้งแต่ซ่งหลิงหลิงมาถึงห้องนี้ ดูเหมือนจะยังไม่ได้คุยดี ๆ กับใครเลย และวันนี้ยิ้มด้วยได้ก็นับว่าหาได้ยากแล้ว แต่มันก็แค่ทำดีหวังผลเท่านั้น!
“เรื่องสอนพิเศษไม่มีอะไรให้พูดหรอกนะ เพราะนั่นก็เป็นครูของฉันอยู่แล้ว!” เสี่ยวเถียนเอ่ยอย่างเฉยเมย
ซ่งหลิงหลิงว่าต่อ “โชคดีจังเลยนะ ฉันอิจฉาเธอจริง ๆ ที่โชคดีขนาดนี้!”
ว่าจบ ซ่งหลิงหลิงก็เอาขวดน้ำที่ถือมาด้วยยื่นให้ “ซูเสี่ยวเถียน อยากดื่มน้ำหน่อยไหม? ฉันเอามาจากบ้านน่ะ ใส่ผงส้มไปเยอะเลยด้วย หวานมากเลยนะ!”
เสี่ยวเถียนมองด้วยสายตาเหลือเชื่อ เอาน้ำมาให้? หมายความว่าอย่างไรเนี่ย?
“ฉันไม่ดื่มหรอก!” หลังจากขบคิดอย่างระมัดระวังแล้ว เธอก็ปฏิเสธ
“โถ่ซูเสี่ยวเถียน เธอยังไม่เคยดื่มแบบมีผงส้มใช่ไหมล่ะ? ฉันได้ยินมาว่าบ้านเกิดของเธออยู่บนเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือ งั้นลองดื่มสักหน่อยซี่ ฉันไม่หัวเราะเยาะเธอแน่นอน” ซ่งหลิงหลิงเอ่ยอย่างกระตือรือร้น
“ฉันไม่สะดวกน่ะ!” เธอมองกระบอกน้ำแล้วเอ่ยเสียงเย็น
ถ้าซ่งหลิงหลิงไม่มีเจตนา เธอก็คงเชื่อไปแล้ว
หลังจากปฏิเสธกลับไป ซ่งหลิงหลิงก็ไม่ได้คะยั้นคะยอให้ดื่มน้ำต่อ แต่เข้าไปหาแล้วกระซิบเสียงต่ำแทน
“ซูเสี่ยวเถียน เธอไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือไงที่มาแทนตำแหน่งของโจวหรุ่ยซูน่ะ? ไม่รู้สึกผิดหรือไง?”
เสี่ยวเถียนมองอีกฝ่ายราวกับเหมือนเห็นคนโง่
สมองผู้หญิงคนนี้มีปัญหาหรือเปล่า?
หมายความอย่างไรที่บอกว่าเธอมาแทนที่โจวหรุ่ยซูน่ะ?
“เธอพูดว่าอะไรนะ?” เสี่ยวเถียนถามขณะเคาะนิ้วลงบนโต๊ะ
“ไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองทำอะไร แต่ไม่คิดว่าคนเขาจะรู้หน่อยหรือ?” ซ่งหลิงหลิงพูดจาดูแคลน
“โอ้? ไหนเล่าให้ฟังหน่อยสิ!” เสี่ยวเถียนยิ้มครึ่ง ๆ กลาง ๆ
“คะแนนที่เธอได้มามันไม่ใช่ของเธอใช่ไหมล่ะ? เพราะชื่อคนที่สอบได้อันดับหนึ่งมันคือโจวหรุ่ยซู!”
ซ่งหลิงหลิงแสร้งทำเป็นเจรจาแล้วยิ้มอย่างภาคภูมิใจให้ซูเสี่ยวเถียน
เธอจะมาดีก่อน จากนั้นก็ค่อยกดดันซะ อันที่จริงก็เพื่อสั่นคลอนหัวใจเสี่ยวเถียนที่กำลังจะสอบนั่นแหละ
เสี่ยวเถียนหัวเราะด้วยความโกรธ นี่มาเพื่อพูดเรื่องนี้หรือ?
“พี่แปด พี่เก้า ไปหาครูใหญ่ทีค่ะ มีเรื่องบางเรื่องที่ต้องให้ครูใหญ่มาอธิบายให้ซ่งหลิงหลิงฟัง!”
ถึงคราวที่ซ่งหลิงหลิงต้องตกใจแทน
นี่มันอะไรเนี่ย?
เธอฟังผิดหรือเปล่า?
เสี่ยวเถียนไม่ใช่แค่ไม่กลัวนะ แต่ยังเอ่ยปากหาครูใหญ่ด้วย?
มันง่ายขนาดนั้นเลยหรือ?
เป็นเด็กนักเรียนที่เพิ่งเข้าเรียนได้สองสัปดาห์เอง ต้องใจกล้าขนาดไหนถึงไปตามหาครูใหญ่ได้ ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วหรือ?
“ทำไมเธอต้องไปหาครูใหญ่ด้วยล่ะ?” ซ่งหลิงหลิงใช้เวลาสักพักกว่าจะตอบสนองได้
“ก็ปัญหาเรื่องโจวหรุ่ยซูกับฉันไง อยากให้ครูใหญ่อธิบายให้ฟังไหมล่ะ?” เสี่ยวเถียนเอ่ยอย่างใจเย็น
เสี่ยวปากับเสี่ยวจิ่วก็รีบไปตามครูใหญ่แล้วด้วย
ต้องบอกว่าพี่ชายทั้งสองเป็นคนซื่อสัตย์มาก และไม่เคยคิดอยู่แล้วว่าในฐานะที่ตนเป็นนักเรียน การรบกวนครูใหญ่ตามใจชอบจะเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง
“ซูเสี่ยวเถียน อย่าหยิ่งผยองไปหน่อยเลย คิดว่าฉันไม่รู้หรือว่าครูใหญ่หนุนหลังเธออยู่น่ะ ไม่งั้นจะสอบเข้าโรงเรียนได้ยังไงล่ะ?” ซ่งหลิงหลิงหน้าแดงด้วยความโกรธ
เสี่ยวเถียนคิดจะใช้ครูใหญ่มาข่มเธอสินะ!
ทำอย่างกับเธอจะกลัวอย่างนั้นแหละ?
“อ๋อ อย่างนั้นหรือ?” เสี่ยวเถียนประหลาดใจมาก “ครูใหญ่หนุนหลังฉันตั้งแต่เมื่อไรหรือ?”
ตอนที่คะแนนสอบโดนคนอื่นขโมยไป ครูใหญ่ไม่รู้อะไรด้วยซ้ำ แล้วคนแบบนี้จะสนับสนุนเธอเนี่ยนะ?
“แล้วไม่ใช่หรือไงล่ะ? มีใครไม่รู้บ้างว่าครูใหญ่ปฏิเสธคะแนนของโจวหรุ่ยซูไม่พอ ยังลงโทษรองครูใหญ่จินอีกด้วย ตอนนี้เขาถูกส่งไปทำงานเป็นครูที่หุบเขานู่นแล้ว”
เสี่ยวเถียนรู้สึกว่าตอนที่ซ่งหลิงหลิงพูด เธอรู้สึกเหมือนอีกฝ่ายขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความแค้นที่มีต่อเธอเลย
“ซ่งหลิงหลิง มันไม่ใช่หรือเปล่า? เรื่องนี้มีคนรู้กันเยอะแยะ เธอมาหลับหูหลับตาพูดได้ยังไง?”
คราวนี้เป็นตู้หย่งเฮ่อที่เอ่ยปาก
“ตู้หย่งเฮ่อ นายกับโจวหรุ่ยซูเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน แล้วไปช่วยคนอื่นแบบนี้ได้ยังไง?”
ซ่งหลิงหลิงรับไม่ได้ที่เด็กชายตรงหน้าไปช่วยซูเสี่ยวเถียน เธอตะโกนลั่นราวกับจะปลุกสติให้อีกฝ่ายตื่น
“โจวหรุ่ยซูเป็นคนยังไงฉันรู้ดีกว่าเธอนะ คะแนนแบบนั้นต่อให้ได้ข้อสอบมาก่อนก็ไม่มีทางสอบได้คะแนนเต็มหรอก!” ตู้หย่งเฮ่อพูดด้วยความยุติธรรม!