บทที่ 384 เมตตาต่อผู้อื่น แล้วจะพบกับสิ่งดี ๆ เอง
บทที่ 384 เมตตาต่อผู้อื่น แล้วจะพบกับสิ่งดี ๆ เอง
คุณย่าซูไม่รู้ว่ามีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น หลังจากได้สูตรอาหารมาสองสูตรแกก็ง่วนอยู่แต่ในครัว
ใกล้จะเที่ยงแล้ว ครั้นมีแขกเข้าร้านแกถึงได้หยุดมือแล้วเตรียมต้อนรับพวกเขา
ลูกค้าในร้านเริ่มเยอะขึ้นเรื่อย ๆ พอถึงช่วงกินข้าวในตอนเที่ยง อัตราการเข้าร้านมีถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ แต่เสี่ยวเถียนกลับไม่พอใจเป็นอย่างมาก ทว่าเธอก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเกิดขึ้น งั้นก็ต้องปรับปรุงมันใหม่ ในช่วงเวลาสั้น ๆ ยังไม่เห็นผลอะไรเท่าไรหรอก
รักษาสภาพนี้เอาไว้แล้วกัน ถึงจะไม่ได้สร้างเงินให้มาก แต่อย่างน้อยก็ยังสร้างกำไรได้
คุณย่าเอาอาหารที่ฝึกฝนมาให้หลานชิมเพื่อปรับปรุงเป็นครั้งสุดท้าย
หญิงชราส่งอาหารสองจานที่เพิ่งทำเสร็จให้อย่างมีความสุข
“อันนี้เป็นจานที่ปรับปรุงใหม่จากข้อติก่อนหน้านี้ ถ้าพวกหลานชิมแล้วอร่อยก็จะได้ตัดสินใจเลย”
คุณย่าซูเต็มไปด้วยพลังอันเหลือล้น ดูสาวกว่าตอนใช้ชีวิตอยู่ในหงซินเสียอีก
เสี่ยวเถียนเองก็รู้สึกว่ามันน่าอัศจรรย์มาก ดูเหมือนจิตวิญญาณมนุษย์จะสำคัญจริง ๆ นะ
พวกโส่วเวินชิมไปหลายครั้งเลยในตอนเช้า ทว่าในคราวนี้กลับสังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลง
“คุณย่า จานนี้ดีกว่าตอนแรกขึ้นเยอะเลยครับ รสชาติอร่อยติดปาก”
โส่วเวินเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน
หญิงชราจ้องเขม็ง “แกอย่ามาสำบัดสำนวนกับฉันนะ ย่าแกไม่ได้เรียนมาสูง ไม่รู้หรอกนะว่าแกพูดอะไร ฉันถามว่าอร่อยหรือเปล่า!”
เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างไว “อร่อยครับย่า อร่อยมากจริง ๆ”
น้องคนอื่น ๆ ได้ยินพี่โดนดุก็ไม่กล้าแสดงความเห็นอะไรมาก แล้วพร้อมใจกันพยักหน้า “อร่อยจริง ๆ ครับย่า เอาจานนี้ใส่ในเมนูร้านเราได้เลย!”
ครั้นเห็นท่าทางของพี่ ๆ เสี่ยวเถียนก็หัวเราะออกมา ย่ายังเหมือนเดิมเลยจริง ๆ
“ได้ เดี๋ยวฉันจะเพิ่มสองจานนี้เข้าไป” คุณย่าซูรีบเดินไปอย่างมีความสุขมาก
คุณปู่ซูมองหลาน ๆ ก่อนจะเลิกคิ้วแล้วเดินจากไป
ก่อนหน้านี้ยายเฒ่าก็รับมือได้ยากอยู่แล้ว ทว่าตอนนี้บ้านเราทำเงินได้ก็ยิ่งรับมือยากกว่าเดิมอีก!
แต่แบบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ
หลังกินข้าวเสร็จ เด็ก ๆ ไม่ได้อยู่ในร้าน แต่ไปที่บ้านตู้ถงเหอแทน
ที่ร้านอาหารมีห้องไว้ใช้ชั่วคราวที่ชั้นบน ไม่สะดวกให้พวกเขาเรียนหนังสือ
ส่วนเสี่ยวเถียนกำลังคิดอยู่ว่าเมื่อไรจะหาเงินได้พอซื้อเรือนสี่ประสาน ถึงจะอยู่บ้านตู้จนชิน แต่การมีบ้านของตัวเองย่อมดีกว่าอยู่แล้ว แต่เงินสดทั้งหมดที่เธอมีอยู่ตอนนี้มันไม่พอซื้อเรือนสี่ประสาน
เงินหายากจริง ๆ นะ
เธอเริ่มคิดแล้วว่ามีวิธีอื่นในการหาเงินอีกไหม
แม้ตอนนี้เศรษฐกิจจะเริ่มพัฒนาแล้ว ทว่ามันก็ไม่ได้รุ่งเรืองเหมือนหลายสิบปีให้หลังที่มีวิธีหาเงินได้มากมาย
ขณะที่กำลังคิดเพลิน ๆ บุรุษไปรษณีย์ก็มา
เธอได้รับจดหมายฉบับหนึ่ง และเมื่อเปิดก็พบว่ามันถูกส่งมาจากสำนักพิมพ์
ที่แท้เรื่องสั้นสองเรื่องที่เขียนไว้ก่อนหน้านี้ได้รับการตีพิมพ์แล้ว และนี่คือตัวอย่างผลงานและค่าต้นฉบับของเธอ พอเห็นจำนวนเงินที่ได้รับ เสี่ยวเถียนก็คิดอีกครั้งว่าเงินหายากจริง ๆ
เหล่าพี่ชายพอรู้ว่างานที่น้องเล็กเขียนได้รับการเผยแพร่แล้วก็ดีใจกันมาก แทบจะยกตัวเสี่ยวเถียนลอยขึ้นฟ้า เป็นไปได้ด้วยหรือที่คนธรรมจะได้ลงหนังสือพิมพ์น่ะ? เป็นไปไม่ได้หรอก!
“เสี่ยวเถียนเก่งจริง ๆ เลย!” ซื่อเลี่ยงยกนิ้วโป้งให้น้องสาวตัวน้อย
“เธอคิดจะเหยียบพี่ ๆ ให้จมดินสินะ!” เสี่ยวชีพึมพำ
เป็นลูกบ้านเดียวกันแท้ ๆ ทำไมถึงแตกต่างกันขนาดนี้?
โดนน้องสาวที่กดดันอยู่ทุกวัน มันเครียดจริง ๆ นะ
เสี่ยวเถียนเอาแต่ยิ้มไม่พูดไม่จา
เธออยากหาเงินด้วยการเขียนเรื่องสั้น แต่ว่ามันก็ได้เงินน้อย ถึงจะตั้งใจเขียนก็ทำเงินได้แค่นิดเดียวเท่านั้น
พอพี่ ๆ สงบลง เสี่ยวเถียนก็เรียกพี่ใหญ่มาเรียนด้วยกัน
ส่วนคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้สนใจภาษาฝรั่งเศษก็แยกย้ายไปทำงานของตัวเอง
เสี่ยวเถียนเรียนมาจากระบบ การออกเสียงจึงแม่นยำและวิธีก็แปลกใหม่มาก พอผ่านช่วงบ่ายไป โส่วเวินรู้สึกฉลาดขึ้นมาและคิดได้อย่างทะลุปรุโปร่งสุด ๆ เนื้อหาที่ไม่เข้าใจวันนี้ก็ได้รู้แล้ว
โส่วเวินอ่านหนังสือด้วยความไม่เชื่อ ไม่อยากจะเชื่อเลยภาษาฝรั่งเศสจะเรียนแบบนี้ได้!
“เสี่ยวเถียนสอนดีจัง ครูที่โรงเรียนพี่สอนไม่ดีเท่าเลย!” โส่วเวินพูดด้วยความซาบซึ้ง
“พี่ใหญ่ ไว้พูดพี่ภาษาฝรั่งเศสได้คล่องเมื่อไร พวกเราค่อยเรียนภาษาอื่นเพิ่มนะ”
เพราะพี่ชายของเธอชอบภาษาจึงจะให้เรียนแค่ภาษาเดียวไม่ได้ รอเรียนภาษาฝรั่งเศสจนเก่งเมื่อไรค่อยเรียนภาษาอื่นเพิ่มเอาแล้วกัน ไม่แน่ว่าอีกไม่กี่ปีผ่านไปพี่ใหญ่อาจเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาก็ได้นะ!
พอคิดถึงความเป็นไปได้ เธอก็แทบซ่อนรอยยิ้มไว้ไม่ได้เลย เหมือนเธอกำลังมองเห็นอนาคตอันสดใสของพี่ชายเลย
ถึงโส่วเวินจะไม่รู้ว่าน้องยิ้มอะไร แต่ถ้าน้องมีความสุข เขาก็มีความสุขด้วย
“ได้สิ!” เขาตกลงทันที ทั้งยังแอบคิดว่าจะตั้งใจเพื่อให้น้องสาวมีความสุข
หลังจากที่กินข้าวเย็นเสร็จ เสี่ยวเถียนก็ใช้เวลาว่างจัดการเรื่องปัญหาที่พี่สามให้มา แล้วเรียบเรียงออกมาเป็นคำพูด
เธอทำยาวต่อเนื่องจนถึงเที่ยงคืน ก่อนจะได้เนื้อหาออกมายี่สิบกว่าหน้า
เช้าวันรุ่งขึ้น ซานกงเห็นกองกระดาษที่เสี่ยวเถียนยื่นให้ก็ตกใจมาก
“เสี่ยวเถียน ทำไว้ตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย?”
เมื่อวานตอนบ่ายน้องยังสอนภาษาฝรั่งเศสพี่ใหญ่อยู่เลย แล้วก็ใช้ช่วงเย็นเขียนข้อมูลพวกนี้ออกมาให้
“อันนี้คือเนื้อหาจากหนังสือบางเล่มที่หนูเคยอ่านเจอค่ะ พี่กับลุงเสิ่นเอาไปดูกันนะ อาจจะเป็นประโยชน์ค่ะ” เธอยิ้ม
ซานกงกอดมันไว้ มีความสุขเอามาก ๆ
“เสี่ยวเถียนเป็นดาวนำโชคบ้านเราจริง ๆ ฮ่า ๆ”
ตอนนั้นซื่อเลี่ยงเริ่มวาดภาพด้วยพู่กันกับหมึกดำแล้ว เพราะสัญญาไว้เมื่อวานว่าจะเข้าร่วมการแข่งขัน จึงตัดสินใจทำผลงานที่ตนพึงพอใจเพื่อไปแข่ง
อันที่จริงเขาเคยวาดภาพที่ตนชอบมาก่อนนะ แต่อาจารย์บอกว่ามันไม่ค่อยสวยเท่าไร ก็เลยโยนทิ้งไปเหมือนเศษกระดาษไร้ค่า
พอตอนนี้คิดถึงมันขึ้นมาก็อยากจะย้อนกลับไปตอนนั้นนัก ต่อให้เป็นแค่เศษกระดาษ แต่เอามาไว้ที่บ้านก็ยังดี
หลังจากที่เสี่ยวเถียนมั่นใจแล้วว่าพี่ชายสภาพจิตใจดีขึ้น เธอก็ไม่ได้สนใจแล้ว และหันไปตั้งใจสอนพี่ใหญ่แทน
สองสามีภรรยาตู้กินข้าวเช้าเสร็จก็ออกไปข้างนอก
เสี่ยวเถียนรู้เลยว่าพวกเขาต้องไปเพราะธุระของมหาวิทยาลัยแน่
เธอโชคดีมากที่มีคนให้ความช่วยเหลือเยอะขนาดนี้ ถ้ามีแค่บ้านเธอเข้าเมืองหลวงมากันเอง อาจจะต้องใช้วิธีการอื่นเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพด้วยซ้ำ
เมตตาต่อผู้อื่น แล้วจะพบกับสิ่งดี ๆ เอง!