บทที่ 391 รู้ภาษาฝรั่งเศสจริง ๆ นะ
บทที่ 391 รู้ภาษาฝรั่งเศสจริง ๆ นะ
มือที่ถือถ้วยชาของฉือเก๋อสั่นระริก โรงงานไฟฟ้าตงเฟิง?
โรงงานใหญ่นะนั่น
จะเป็นไปได้อย่างไรที่เด็กอย่างเสี่ยวเถียนจะได้แปลเอกสารความร่วมมือกับฝรั่งเศสให้พวกเขา? ช้าก่อน นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญเสียหน่อย ประเด็นคือสิ่งที่สอนเสี่ยวเถียนไม่มีทักษะภาษาฝรั่งเศสไม่ใช่หรือไง?
แล้วเสี่ยวเถียนเคยเรียนภาษาฝรั่งเศสที่หงซินหรือ?
ฉือเก๋อไม่สงสัยว่าเธอรู้ฝรั่งเศสได้อย่างไร เพราะเด็กคนนี้ไม่เคยโกหก ถ้าหลานบอกว่าแปลงานก็คือแปลจริง ๆ
“เด็กดี หนูเริ่มเรียนตั้งแต่เมื่อไรน่ะ?”
ถ้าเป็นคนอื่น เสี่ยวเถียนคงบอกว่าเพราะเป็นศิษย์ฉือเก๋อ แต่ต่อหน้าเจ้าตัวจะพูดได้อย่างไรกัน?
เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “คุณปู่ เหมือนว่าหนูจะเข้าใจด้านภาษาได้ดีกว่าคนอื่นค่ะ ไม่นานมานี้หนูเจอหนังสือฝรั่งเศสอยู่หลายเล่มเลย!”
ฉือเก๋อไม่เชื่อ ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเห็นเด็กฉลาดเสียหน่อย
ผู้ที่จะเชี่ยวชาญได้ด้วยการอ่านหนังสืออย่างเดียวไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นสัตว์ประหลาด!
เขามองด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ ทำเอาขนแขนเธอลุกชัน
“คุณปู่ฉือ ทำไมมองหนูแบบนั้นคะ?”
“เสี่ยวเถียน ภาษามันไม่ใช่แค่ว่าอ่านแล้วก็เข้าใจนะ”
เสี่ยวเถียนรู้อยู่แล้ว เธอไม่ได้จำศัพท์แทบเป็นแทบตายเท่านั้น แต่ยังรู้และอ่านได้อย่างไหลลื่น
“พอดีเลย วันนี้ปู่เอาหนังสือเอามาด้วย อ่านให้ฟังหน่อยสิ!”
เสี่ยวเถียนหยิบหนังสือจากมือชายชราด้วยความระแวง มันคือหนังสือ ‘Les Misérables (เหยื่ออธรรม)’ ของวิคเตอร์ ฮิวโก
เสี่ยวเถียนเคยอ่านที่ร้านหนังสือ แต่เล่มในมือมันต่างไปจากเล่มภาษาจีนเล่มนั้น เพราะในมือมันคือภาษาฝรั่งเศส
“คุณปู่ฉือ หนังสือต้นฉบับเรื่อง ‘Les Misérables’ เป็นหนังสือล้ำค่าของปู่ใช่ไหมคะ?”
เสี่ยวเถียนยังไม่ได้อ่านเนื้อหา แต่พูดประโยคนี้เป็นภาษาฝรั่งเศสด้วยความคล่องแคล่วและไหลลื่น
คนอื่น ๆ ไม่เข้าใจสิ่งที่เสี่ยวเถียนเอ่ย แต่ฉือเก๋อกลับเข้าใจเป็นอย่างดี
แค่ประโยคเดียวก็บอกได้เลยว่าเสี่ยวเถียนรู้จริง ไม่ใช่แค่นั้นนะ เธอยังออกเสียงและอ่านได้อย่างถูกต้อง
“เสี่ยวเถียน หลานพูดภาษาฝรั่งเศสได้ดีมากเลยนะ” ฉือเก๋อพูดจากใจจริง เขาไม่ได้สงสัยมากนักกับคำตอบของหลาน เพราะก่อนหน้านี้เสี่ยวเถียนก็รู้อักษรจีนไวมาก
“ขอบคุณที่ชมค่ะคุณปู่ บางครั้งหนูก็แปลลำบากเหมือนกัน ต้องเทียบกับพจนานุกรมบ่อยมาก ไม่รู้ว่าถูกหรือเปล่า” เสี่ยวเถียนพูดจาเป็นฉาก ๆ ไม่ได้หยุดเลย
ถ้าจะบอกว่าสมบูรณ์แบบก็ไม่เกินจริง
อย่างที่คาด ใบหน้าของฉือเก๋อปรากฏรอยยิ้มขึ้น “เด็กคนนี้! ถ้าไม่เข้าใจอะไรก็ถามปู่ได้ ปู่จะช่วยหนูเอง”
เสี่ยวเถียนพยักหน้าทันทีเมื่อได้ยินขอเสนอนั้น
“เสี่ยวเถียน ได้ค่าจ้างงานนี้เท่าไรล่ะ?” ฉือเก๋อถาม
ที่ถามแบบนี้เป็นเพราะเขารู้จักเด็กคนนี้ดี
เธอสนใจแต่เงิน ถ้าไม่เสนอค่าจ้างก็ไม่มีวันทำงานหนักขนาดนี้หรอก
“พันหยวนค่ะปู่!” เสี่ยวเถียนยื่นนิ้วออกมานับให้ดูทีละนิ้ว
พันหยวน!
ถ้วยชาในมือปู่ซูร่วงลงพื้นเสียงดังลั่น
เขาได้ยินว่าอะไรนะ?
เสี่ยวเถียนเพิ่งบอกว่าถ้าแปลงานนี้จะได้เงินพันหยวน?
จริงหรือ?
“ราคาดีเลยนะ” ฉือเก๋อพยักหน้า “ถึงจะเหนื่อยแต่ก็คุ้มกับเงินที่ได้ ไม่ขาดทุนแน่นอน!”
ในขณะที่คุณย่าซูทำซุปไก่ และพวกโส่วเวินก็กลับมา พอเห็นใบหน้าซีดเซียวของน้อง พวกเขาก็ตกใจมาก
“เกิดอะไรขึ้นน่ะเสี่ยวเถียน? ไม่สบายหรือ?” ซื่อเลี่ยงปรี่เข้าไปหาแล้วถามด้วยความร้อนใจ
แต่เสี่ยวเถียนกลับรีบส่ายหัวปฏิเสธ
คุณปู่ซูเอ่ยว่า “เด็กคนนี้บอกว่าเหนื่อยกับการแปลงานน่ะ ถึงจะได้เงิน แต่มันมันก็ทำร้ายร่างกายอยู่นะ ปู่ว่าจากนี้ไปอย่าให้เสี่ยวเถียนทำอีกเลย!”
โส่วเวินได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจได้ทันที
เขารู้ว่ามันไม่ได้ทำกันง่าย ๆ แต่ก็ไม่คิดว่าจะยากขนาดนี้
“เสี่ยวเถียน ไม่งั้นเราหยุดแปลดีไหม?” พี่ใหญ่ถามอย่างลังเล
เสี่ยวเถียนมองพี่ชายด้วยความรังเกียจ
พี่ใหญ่ทำแบบนี้ได้อย่างไรเนี่ย?
“พี่ใหญ่ หนูแปลไปครึ่งนึงแล้วนะ พี่ให้หนูหยุดตอนนี้ก็มีแต่จะเสียเปรียบน่ะสิ!” ล้อกันเล่นแล้ว จะให้ทิ้งงานมูลค่าพันหยวนเนี่ยนะ?
ไม่มีทางเสียหรอก!
“เสี่ยวเถียน รอพี่ใหญ่หางานทำได้จะเอาเงินให้เอง เธอตั้งใจเรียนก็พอนะ!”
ตอนนั้นโส่วเวินคิดไว้แล้วว่าจะตัดสินใจทำงานที่โรงงานแห่งนี้ให้ไวที่สุด ต้องมีเงินเดือนเท่านั้น เสี่ยวเถียนถึงจะเลิกกังวลเรื่องเงินได้
แต่น้องกลับส่ายหัวอย่างแน่วแน่ “พี่ใหญ่ พี่ควรตั้งใจเรียนซี่ อีกสองปีจะจบแล้ว เวลาเรียนน้อยลงไปเรื่อย ๆ แล้วนะ!”
ประโยคนี้ดังขึ้นอย่างชัดเจน! มันทำให้โส่วเวินพูดไม่ออก
โส่วเวินพูดไม่ออก
“โส่วเวิน นี่คือหนังสือที่ปู่เอามาให้ ตั้งใจอ่านดูนะ อ่านงานต้นฉบับจะเป็นประโยชน์ต่อเธอมากเลย!” ฉือเก๋อชี้ไปทางหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะ
ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณแล้วหยิบหนังสือใส่ลงในกระเป๋า
“คุณปู่ ผมจะตั้งใจเรียนให้หนักครับ ช่วงนี้ภาษาฝรั่งเศสผมก็ดีขึ้นมากเหมือนกัน” โส่วเวินรีบออกตัว
“ในเมื่อเธอก้าวหน้า งั้นวันหยุดนี้ก็ช่วยน้องอ่านเอกสารหน่อย อันไหนช่วยแปลก็ได้ก็ช่วยนะ!” ฉือเก๋อออกคำสั่งอย่างเป็นกันเอง
อีกฝ่ายรีบรับคำ จะปฏิเสธได้อย่างไรล่ะ? เพราะเขาแนะนำงานนี้ให้น้องทำนี่
ตอนนี้เสี่ยวเถียนเหนื่อยก็เพราะเขานี่แหละ!
เดิมที่เด็กสาวคิดจะปฏิเสธ แต่หลังจากนึก ๆ ดูก็คิดว่ามันไม่เลวทีเดียว
“งั้นลำบากพี่ช่วยหนูแล้วนะ!” เสี่ยวเถียนยิ้มสดใส
คนในครอบครัวกินข้าวเย็น ก่อนเด็ก ๆ จะไปบ้านตู้
แน่นอนว่าโส่วเวินก็ไปช่วยน้องแปลด้วย
ต้องบอกจริง ๆ เลยว่า ช่วยกันทำสองคนดีกว่าคนเดียวอีก
สองพี่น้องทำงานอย่างหนักหน่วงอยู่สองวัน ในที่สุดก็แปลเสร็จสมบูรณ์ เร็วกว่าที่คิดไว้ตั้งสามวัน
โส่วเวินยิ้มขณะมองงานแปลกองหนา
“เสี่ยวเถียน หลังจากนี้เรารับงานแบบนี้เพิ่มขึ้นอีกก็ดีนะ พี่ว่าเป็นประโยชน์ต่อการเรียนของพี่มากเลย”
เสี่ยวเถียนเม้มปาก “ถ้าไม่ให้เงิน หนูไม่รับนะ!”
เธอก็แค่ชอบเงินเอง
ความทะเยอทะยานของโส่วเวินหายวับไปกับตา
เขากำลังคิดเรื่องเรียน แต่น้องคิดเรื่องหาเงิน แตกต่างอะไรกันขนาดนี้?
เสี่ยวเถียนรีบคิดบัญชี เธอมีความสุขมากและเริ่มวางแผนสำหรับอนาคต
ไม่รู้ว่าย่าบุญธรรมไปถามเรื่องบ้านมาหรือเปล่า หลังจากจ่ายเงิน ในมือก็คงเหลือไม่เท่าไรแล้ว
ซื้อบ้านสักหลังแล้วก็ย้ายคนที่บ้านไปอยู่ นั่นเป็นทางที่ดีที่สุดแล้ว
ถ้าอยู่ใกล้ ๆ ก็ยิ่งดีด้วย
เพราะในอนาคต เรือนสี่ประสานจะมีค่ามาก ๆ
เธอกำลังคิดว่าเลิกเรียนพรุ่งนี้จะไปเดินเล่นดูก่อนดีไหม เผื่อจะเจอบ้านที่ถูกใจสักหลัง
ม้าไม่มีทางอ้วนหรอกถ้าไม่มีอาหารพิเศษให้*[1] ถึงการหาเงินจากงานแปลจะไม่ได้ช้า แต่มันจะไปเร็วขนาดนั้นได้อย่างไรล่ะ?
งั้นเราก็ทำธุรกิจให้มันร่ำรวยไปเลยสิ!
*[1] ไม่คิดขวนขวาย เอาแต่พึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์