บทที่ 395 เสพติดการล่าสมบัติ
บทที่ 395 เสพติดการล่าสมบัติ
ซูเสี่ยวเถียนยิ้มสดใส “หนูเจอที่ถนนโบราณค่ะ”
สองสามีภรรยาตู้มองหน้ากัน ตั้งแต่เมื่อไรหรือที่เราหาของแบบนี้ได้ที่ถนนโบราณ?
“หลานซื้อมากจากแผงลอยหรือ?” ในที่สุดตู้ถงเหอก็ถามหลังจากสับสนอยู่ครู่หนึ่ง
ร้านแผงลอยก็มีของแท้ ๆ อยู่บ้างนะ แต่ต้องสายตาดี ๆ ถึงจะมองออก
“ไม่ค่ะ หนูไปซื้อที่ร้านเล็ก ๆ ข้างนอกมา อันนี้สามหยวน อันนี้ห้าหยวน ส่วนอันนี้สองหยวน”
เธอแสดงของที่สนใจมากออกมา ดวงตาเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ปิดไม่มิด
ถูกมากเลยนะ รวมแล้วก็สิบหยวนเอง ถ้าเอาไปขายจะได้เท่าไรกันนะ?
อวี่รุ่ยหยวนหยิบเครื่องเคลือบสามสีตัวม้าจากสามี มือเธอสั่นมาก นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้เห็นของที่แสนล้ำค่าเช่นนี้น่ะ?
หลังจากสังเกตอย่างระมัดระวัง ก็มั่นใจแล้วว่าของที่หลานเอากลับมาไม่ใช่แค่เครื่องปั้นธรรมดา และไม่ใช่ของปลอมด้วย แต่มันคือเครื่องเคลือบสามสีตัวม้าของจริง!
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่มันไร้ค่าแบบนี้ ทว่าจู่ ๆ ก็ปรากฏอยู่ในแผงลอยที่ถนนโบราณเนี่ยนะ? ถ้าเจ้าของร้านมีของดีแบบนี้ เขาจะไม่เก็บไว้หรือขายต่อหรอกหรือ?
แล้วคนขายไม่ได้สังเกตหรืออย่างไร?
อวี่รุ่ยหยวนลืมไปว่ามันผ่านมาหลายปีแล้ว และคนที่มีแววตาดี ๆ ก็เหลือไม่เท่าไร ไม่รู้ว่าไปอยู่ไหนกันหมด
เด็กคนนี้คือปาฏิหาริย์จริง ๆ
“เสี่ยวเถียน หลานซื้อของชิ้นนี้มาด้วยราคาห้าหยวนเองหรือ?” หญิงชราไม่อยากจะเชื่อ
มูลค่าของมันสูงลิบลิ่วจนสามารถใช้เป็นมรดกตกทอดของตระกูลได้เลยนะ
“ใช่แล้วค่ะ ราคาห้าหยวนเอง หนูซื้อมาเพราะว่าอยากรวย!”
อวี่รุ่ยหยวนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ คิดว่าจะรวยสินะ แล้วก็รวยจริง ๆ!
“หลานรู้ไหมว่ามันคือเครื่องเคลือบสามสีตัวม้าน่ะ?” ตู้ถงเหอถาม
เขายังแปลกใจที่เสี่ยวเถียนรู้เรื่องของเก่า
เพราะตอนแรกที่เห็นก็ไม่ได้รู้ในทันที สีหน้าของหญิงชราดูซับซ้อน
เธอรู้ว่าเสี่ยวเถียนฉลาด แต่เด็กคนนี้รู้เรื่องของเก่าและหาของมีค่าท่ามกลางสิ่งของชิ้นอื่น ๆ ที่ไร้ค่าได้อย่างไร เธอไม่อยากจะเชื่อเลย
เธอสงสัยจริง ๆ เสี่ยวเถียนหาม้าปั้นที่กระจัดกระจายได้อย่างไร โอ๊ะ! ไม่สิ มันคือเครื่องเคลือบสามสีต่างหาก แล้วหลานสาวของเธอก็ซื้อกลับมาเนี่ยนะ?
แถมยังซื้อมาในราคาแค่ห้าหยวนเอง รู้ไหมว่าราคาจริง ๆ ของมันเท่าไรน่ะ?
“หนูรู้ค่ะ!” เธอตอบอย่างเคร่งขรึม
มันคงจะแปลกถ้าไม่รู้จัก ถ้าไม่รู้จักจะซื้อมาในราคาห้าหยวนหรือ?
เธอไม่ได้โง่นะ!
หลังจากตอบออกไปแล้ว ความสงสัยในใจของย่าก็หายวับในทันตา
เด็กคนนี้รู้อะไรเยอะกว่าคนทั่วไป และเธอรู้มาตั้งนานแล้ว
“คุณย่า ย่าบอกได้ไหมคะว่าถ้าหนูเอาไปขายแลกเงิน จะได้มาในราคาเท่าไร?”
เธอยังคิดจะเอาของพวกนี้ไปแลกเป็นเงินสดอยู่นะ เพราะเธอขาดเงินอยู่
ถ้าหาเงินซื้อบ้านได้ในระยะเวลาสั้น ๆ หลังจากนี้อีกหลายพันปีก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว เพราะเราจะหลายเป็นเศรษฐีร้อยล้าน
อาจจะกลายเป็นมหาเศรษฐีเลยก็ได้
สองสามีภรรยาตู้ตกใจมากที่เสี่ยวเถียนบอกว่าจะเอามันไปขาย
“เสี่ยวเถียน มันคือเครื่องเคลือบสามสีเลยนะ หลังจากนี้อีกหลายปีมันจะมีราคาแพงมากนะ” อวี่รุ่ยหยวนคิดว่าหลานยังเด็กจึงเริ่มเกลี้ยกล่อม
แต่เด็กสาวพยักหน้า “หนูรู้ค่ะ แต่ของพวกนี้มันเก็บลำบาก เอาไปขายดีกว่า จะได้มีเงินซื้อบ้านด้วย”
อีกฝ่ายเอ่ยต่อ “หลานเก็บเงินสองหมื่นมาแล้วไม่ใช่หรือ? มันก็พอที่จะซื้อเรือนสี่ประสานแล้วนะ”
เสี่ยวเถียนส่ายหัว “คุณย่า มีเรือนสี่ประสานยิ่งเยอะยิ่งดีค่ะ ถ้าหนูมีเงินแสนสองแสน หนูจะเอามาซื้อเรือนสี่ประสานให้หมดเลย!”
อวี่รุ่ยหยวนตกใจมาก
ถึงสมาชิกบ้านซูจะเยอะ แค่ก็ไม่มีประโยชน์ถ้าซื้อบ้านเยอะขนาดนั้น
อีกอย่างพอเด็ก ๆ โตขึ้นก็ใช่ว่าจะรู้เสียหน่อยว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหน เสี่ยวเถียนคิดเยอะเกินไปหรือเปล่า?
“เสี่ยวเถียน มีบ้านเยอะมันไม่ได้มีประโยชน์อะไรนะ ถ้าไม่ระวัง บ้านว่าง ๆ จะโดนยึดเอา ให้คนอื่นอยู่ก็ไม่น่าเสียเปรียบหรือเปล่า”
อวี่รุ่ยหยวนพูดอย่างจริงจัง ถึงสถานการณ์ในตอนนี้กับก่อนหน้านี้จะไม่เหมือนกัน แต่ก็ไม่แน่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอยู่ดีนี่นา
แล้วถ้ามันเกิดขึ้นมาล่ะ?
เกิดโดนยึดบ้านขึ้นมา แรงจะร้องไห้เสียไม่มีเลยนะ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณย่า บ้านหนูมีคนเยอะ พี่ ๆ แต่งงานมีลูกเมื่อไรก็ไม่กลัวเรื่องบ้านน้อยแล้ว”
ตู้ถงเหอหัวเราะ เด็กคนนี้คิดจะเตรียมเรือนสี่ประสานไว้ให้พี่ ๆ ใช้ตอนแต่งงานเรอะ?
“เด็กคนนี้ เป็นคนขี้กังวัลเหลือเกิน เรื่องของพี่ ๆ ก็ให้พวกเขาจัดการเองเถอะ หลานดูแลตัวเองก็พอ!” ชายชรายิ้มอย่างอบอุ่น
เขารักเสี่ยวเถียนไม่ต่างไปจากปู่แท้ ๆ ของเธอเลย
“คุณปู่ ถ้าปู่มีเงินก็ซื้อบ้านได้นะคะ อีกไม่กี่ปีราคาของมันจะสูงขึ้นแน่นอน”
อีกฝ่ายไม่ได้จริงจังมากนัก ราคาบ้านขึ้นแล้วอย่างไรล่ะ?
ถ้ามีเงินในมือ เอาไปทำอย่างอื่นดีกว่า อีกอย่างต่อให้ไม่ได้ลงทุนอะไร ก็ใช้เงินกับชีวิตประจำวันก็ได้
“เสี่ยวเถียน ปู่ย่าบุญธรรมของหลานแก่แล้ว แถมยังมีหลานแค่คนเดียวด้วย เรื่องหาเงินอะไรนั่นตอนนี้ไม่คิดแล้วล่ะ”
ทรัพย์สินของสองสามีภรรยาตู้ก็มีมากพอที่จะทิ้งไว้ให้เสี่ยวเถียนใช้ชีวิตได้สุขสบายไปทั้งชีวิต
“ครอบครัวเรามีเรือนสี่ประสาน ถ้าหลานชอบมัน จากนี้ไปก็จะเป็นของหลานแล้ว!” อวี่รุ่ยหยวนว่าต่อ “เงินในมือหลานซื้อได้เรือนนึงนะ ถ้าเหลือก็เอาไปเปิดร้านหรือทำอย่างอื่นเพื่อหาเงินก็ได้”
ช่วงแรก ๆ ที่พวกเขาทำธุรกิจ เรามีความเข้าใจด้านนี้น้อยมาก จึงพยายามเกลี้ยกล่อมหลานสาว
ไม่ว่ายุคสมัยไหน นักธุรกิจก็หาเงินได้เร็วกว่าคนอื่นเสมอ
ทว่าเสี่ยวเถียนไม่เห็นด้วย
นักธุรกิจทำเงินได้อย่างเร็วก็จริง และการเปิดร้านก็เป็นวิธีที่ดีเช่นกัน แต่ด้วยสมาชิกในบ้าน แถมเราก็เปิดร้านอาหารแล้ว ฐานะทางบ้านจากนี้น่าจะดีขึ้น ถึงตอนนั้นก็อาจจะทำเป็นแฟรนไชส์ก็ได้นะ
แต่ตอนนี้บ้านเรายังไม่สามารถทำได้
แต่เรือนสี่ประสานมันไม่เหมือนกับอย่างอื่น ถ้าซื้อมันไว้แล้วรอมูลค่ามันเพิ่มขึ้น ก็ไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว
และเงินที่ได้ก็ไม่น้อยไปกว่าการเปิดร้านเลย
“คุณปู่คุณย่า บ้านของพวกท่านก็คือของพวกท่านค่ะ หนูไม่อยากได้มันมาเฉย ๆ” เธอส่ายหัวอย่างแน่วแน่
ทั้งสองมองหลานที่ดื้อรั้น ไม่มีทางเลือกอื่นจริง ๆ
“เสี่ยวเถียน ไม่งั้นของพวกนี้ให้ปู่ย่าบุญธรรมช่วยจัดการดีไหม?” ตู้ถงเหอเสนอ ส่วนภรรยาก็เข้าใจในทันที
“ใช่แล้วล่ะ เสี่ยวเถียนยังเด็ก น่าจะทำอะไรไม่สะดวกเหมือนเรานะ”
เสี่ยวเถียนกำลังฟัง มันจะเป็นเช่นนั้นหรือ?
ถึงจะยังเด็ก แต่ถ้าให้ปู่ย่าบุญธรรมไปมันจะไม่เหมือนกันนะ
“แบบนั้นจะทำให้ปู่ย่าลำบากนะคะ รอหนูหาของดี ๆ อันอื่นมาให้ทีหลังแล้วกันค่ะ”
เมื่อได้ยินคำตอบก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เด็กคนนี้เสพติดการล่าสมบัติไปแล้วหรือ?