บทที่ 403 สบายใจได้แล้ว
บทที่ 403 สบายใจได้แล้ว
“พี่ใหญ่ ผมเจ็บตา!”
คนที่ขี้ขลาดที่สุดชื่อเหล่าซู่ และเป็นพวกที่ไม่มีตัวตนที่สุดในกลุ่มด้วย เขาอยู่ด้านข้างก็จริงแต่ผลกระทบที่ได้รับไม่ใช่น้อย ๆ เพราะอยู่เยื้องออกไปจึงย่ำแย่ที่สุด
คนอื่น ๆ ก็ไม่ต่างอะไรกันมากนัก ผงพริกป่นที่พัดมาตามสายลมจำนวนมากเข้าจมูก ตา และปาก
ทุกคนคิดเป็นอย่างเดียวกันว่าเหมือนใบหน้ามันไม่ใช่ของตัวเอง
“ตาฉัน ตาฉัน!”
พวกเขากรีดร้องครั้งแล้วครั้งเล่า
โดยเฉพาะสองคนนั้นที่ยกมือขึ้นมาขยี้ตา แต่บนมือก็มีผงพริกป่นที่ติดอยู่ พอขยี้มันก็แย่เอาน่ะสิ!
ไอ้ตอนไม่โดนมันก็ไม่เท่าไรหรอก แต่พอโดนแล้วแสบตามากจนเกือบจะดิ้นพล่าน!
“พี่ใหญ่ เธอต้องเป็นปีศาจสาวแน่ ๆ เธอใช้วิชามาร!”
หนึ่งในนั้นตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
เสี่ยวเถียนได้ยินก็ยกยิ้มเย็น “ฉันยังคิดอยู่คนทั้งกลุ่มจะเก่งสักแค่ไหนกันเชียว แต่มีความสามารถแค่นี้เองหรือ? ฉันยังไม่ได้ขยับเลยสักนิด!”
น้ำเสียงกวนประสาทของเสี่ยวเถียนทำให้คนฟังเกือบสิ้นใจ
นี่มันคำพูดคำจาอะไรเนี่ย?
ยัยบ้าเอ๊ย กล้าดีอย่างไรมาพูดเรื่องแบบนี้!
“ยัยบ้าไร้ยางอาย ถ้าแกมีเหตุผลก็รีบปล่อยพวกเราไปซะ ไม่งั้นได้ร้องขอความเมตตาจากปู่แน่”
ชายไร้มารยาทคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา
เสี่ยวเถียนได้ยินก็ขมวดคิ้ว ทั้งยังไม่พอใจมากกว่าเดิมอีก ใบหน้าที่งดงามของเธอปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง
มาจนถึงขนาดนี้แล้ว ไอ้คนอ่อนแอยังกล้าพูดจาใหญ่โตอีกหรือ
“แกจะเป็นปู่ให้ใครน่ะ?”
“ยัยบ้าเอ๊ย ฉันกำลังพูดถึงแกไง!” ถึงเขาจะเจ็บตา ทั้งยังจามจนน้ำตาไหล ทว่าก็ยังไม่ยอมแพ้อยู่ดี
เสี่ยวเถียนเป็นคนที่ถ้าจะลงมือทำก็ทำเลย ไม่ค่อยพูด ตอนนี้เธอไม่ทนอีกต่อไป
เธอไม่ได้ใช้บะหมี่พริกป่น แต่มองไปที่อีกฝ่ายแล้วเตะเข้าอย่างแรง
ถึงโยนพริกใส่จะออกผลมาว่าชนะ ทว่ามันจะไปเจ๋งเท่าเตะเองตรง ๆ ได้อย่างไรล่ะ? แรงขาของเสี่ยวเถียนแข็งแกร่งกว่าผู้ชายเยอะมาก
ถึงจะใช้แรงไปแค่นิดหน่อย แต่คนที่ไม่ได้ป้องกันมันไว้จะไปทนได้อย่างไร?
ปากที่คิดจะสบถคำด่าไม่ทันได้เอ่ยอะไรก็ร้องดังอึกขึ้นมาเสียก่อน ก่อนที่ร่างชายคนนั้นจะโดนเตะกระเด็นออกไป
ตอนที่ร่วงลงมาก็ส่งเสียงร้องดังลั่น
คนอื่น ๆ ที่โดนพริกเข้าตาพยายามเดินไปรอบ ๆ เพื่อบรรเทาความปวดแสบปวดร้อน
พวกเขามองไม่เห็นเพื่อนที่โดนเสี่ยวเถียนเตะเลย แต่ได้ยินเสียงร้องอันน่าสังเวชและของหนัก ๆ ตกลงบนพื้นเท่านั้น
หัวหน้าอันธพาลพยายามลืมตา เขามองภาพที่พร่าเลือนก่อนจะเห็นว่าเหมือนกลุ่มเราจะหายไปคนนึง
ด้วยความตื่นตระหนก เขาตะโกนทันที “ยัยปีศาจ แกทำอะไรน่ะ? ยังไม่ปล่อยพี่น้องฉันอีกหรือ?”
เสี่ยวเถียนร้องจิ๊ ๆ “ไม่คิดเลยนะว่าจะเป็นพี่น้องกัน!”
ว่าจบก็ตวัดขาใส่หัวหน้าอันธพาลเข้าไปตรง ๆ
ร่างที่กำลังโงนเงนขณะกำลังจะลุกขึ้น จู่ ๆ ก็โดนวัตถุที่ไม่รู้จักกระแทกเข้าอย่างแรงโดยไม่ทันได้โต้ตอบ
และก็ได้ยินเสียงแตกของกระดูก หลังจากนั้นคนที่ถูกฟาดร้องลั่นราวกับเป็นหมูโดนเชือด
“โอ๊ย ๆ ขอโทษจริง ๆ นะ ฉันแม่นไปหน่อยน่ะ!”
ว่าจบ ชายคนที่สามก็โดนเตะปลิวออกไปอีกคน
คนที่แสบตาจนมองไม่เห็นอะไรเลย ได้ยินแต่เสียงของหนัก ๆ ตกลงบนพื้นทีละครั้ง ทีละครั้ง
ทั้งสามที่โดนเตะรู้ตัวแล้วว่าสถานการณ์ไม่ดีเสียแล้ว และมันแตกต่างไปจากที่พวกเขาจินตนาการไว้อย่างสิ้นเชิงเลย
ผู้ชายหกคนต่อกรกับเด็กผู้หญิงคนเดียว แค่ใช้นิ้วบี้ทีละคนก็จัดการเธอได้แล้ว
แต่ความจริงคือพวกเขาเหมือนกำลังโดนอัดกับพื้นเลย
“พี่ใหญ่ อาฮวาง เป็นยังไงกันบ้าง?”
หนึ่งในคนที่พยายามขยี้ตาอย่างแรงฝืนความเจ็บปวดและตะโกนออกมา เขาหาทิศทางของเสียงร้องพวกนั้นไม่เจอเลย
“หยุดตะโกนได้แล้ว ฉันจะส่งพวกแกไปอยู่ด้วยกันเอง!” เสี่ยวเถียนยิ้มเย็น แล้วก็เตะชายคนนั้นจนปลิว
คนทั้งสามนอนซ้อนกันเป็นกองเหมือนต่อตัว ไร้เรี่ยวแรงลุกขึ้นไม่ไหว แถมยังไม่คิดว่าจะมีอีกคนเข้ามาทับด้วย
เสี่ยวเถียนยิ้ม “ยังมีอีกสองคนนะ อยากจะเป็นพี่น้องที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันอีกไหมล่ะ?”
ในตอนนั้นหัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว นี่มันปีศาจประเภทไหนกันนะ?
มีพละกำลังมากล้นขนาดนี้ได้อย่างไร?
ถ้าได้เห็นคงไม่กลัวหรอก แต่นี่พวกเขามองไม่เห็นน่ะสิ ก็เลยยิ่งกลัวเด็กคนนี้
เห็นกันอยู่แท้ ๆ ว่าเป็นสาวน้อยอ่อนหวาน แต่ในจิตนาการเธอได้กลายเป็นสัตว์ประหลาดไปเสียแล้ว
แถมยังเป็นสัตว์ประหลาดที่กินอย่างตะกละตะกลามด้วย!
“แก แกเป็นคนหรือปีศาจกันแน่?”
คนตัวสูงถามเสียงสั่น กลัวว่าตนจะเป็นหนึ่งในคนที่โดนจับไปมัดรวมกันด้วย
เสี่ยวเถียนร้องเหอะ “โง่จริง ๆ ไม่รู้เลยหรือไงว่าตั้งแต่ก่อตั้งประเทศขึ้นมา ผีสางไม่ได้รับอนุญาตให้ปรากฏตัวน่ะ? ฉันก็ต้องเป็นคนอยู่แล้วสิ”
“แก…”
ชายที่ชื่อเหล่าซู่พูดไม่ออกสักนิด
ถ้าบอกว่าแพ้ผีก็ว่าไปอย่าง แต่นี่แพ้เด็กผู้หญิงแค่คนเดียว เขาไม่อยากจะเชื่อเลย
มนุษย์ก็แบบนี้แหละ เชื่อแต่ในสิ่งที่ตัวเองอยากจะเชื่อเท่านั้น
อย่างน้อยก็เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ตนรู้สึกดีขึ้นสักเล็กน้อย
“แกต้องเป็นสัตว์ประหลาดแน่ ๆ! เจ้าสัตว์ประหลาด ช่วยด้วย!” เขาตกใจจนกลัว และพยายามหนีจากปีศาจกินคนอย่างซูเสี่ยวเถียน
ท่าทางตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอดทำเอาเสี่ยวเถียนทนแทบไม่ไหวเกือบหัวเราะออกมา
“โถ่เอ๊ย ฉันคิดว่าเป็นผู้ชายเสียอีก นี่ขี้ขลาดกว่าฉันที่เป็นผู้หญิงอีกนะ!”
ตอนนั้นเสี่ยวเถียนอารมณ์ดีเหมือนแมวเล่นกับหนู
มีผู้ชายตั้งหกคน ถึงจะใช้พริกป่นสู้ แต่ก็ยังกังวล
ก่อนหน้านี้เธอกังวลใจจริง ๆ กระทั่งเป็นสี่ และเหลือแค่สอง เธอก็มั่นใจในตัวเองขึ้นมาก
“แกอย่าเข้ามานะ อย่าเข้ามานะ!” ชายที่พยายามหนีตะโกนอย่างตื่นตระหนก
“ฉันไม่เข้าไปหรอกน่า!” เสี่ยวเถียนว่าพร้อมหัวเราะคิกคัก น้ำเสียงอ่อนหวานและมีความสุข
เข้าไปทำอะไรล่ะ? เตะจนปลิวไม่สนุกหรอก!
อีกฝ่ายได้ฟังกลับเหมือนเสียงของปีศาจผ่านเข้าหูอย่างไรอย่างนั้น
“แกเป็นคนยังไงกันแน่!”
“ฉันมาเพื่อไถ่บาปคนอย่างพวกแกไงล่ะ?” เสี่ยวเถียนจงใจลดเสียงต่ำ
ไถ่บาป?
ประโยคนี้ทำเอาสองคนที่เหลือกลัวแทบตาย
พวกเขาไม่ต้องการ!
พวกเขาจะไถ่บาปได้อย่างไรในเมื่อทำเรื่องเลวร้ายไปมากขนาดนี้