บทที่ 412 อันธพาลบุกถึงบ้าน
บทที่ 412 อันธพาลบุกถึงบ้าน
ผนังนี้เสี่ยวเถียนเป็นคนออกแบบเอง มันมีเสน่ห์ความเป็นโบราณผสมผสานเล็กน้อย มีกลิ่นอายของความเป็นมรดกทางวัฒนธรรม
รูปแบบโบราณทำให้คนมองรู้สึกสบายใจ ส่วนคุณปู่คุณย่าซูไม่เข้าใจ แต่หลานสาวบอกไว้ว่า
ผนังแบบนี้เป็นแบบเฉพาะและมันดึงดูดลูกค้าได้ พวกเขาจึงทำตามนั้น ปรากฏว่าความคิดของเสี่ยวเถียนดีมาก เวลาลูกค้าเข้ามาในร้านก็จะเห็นว่าร้านเราขายอะไร ไม่ต้องแนะนำทีละรายการ
และเพื่อความสะดวก เราไม่ได้เอามันไปติดไว้บนผนังเฉย ๆ แต่ทำเป็นแผ่นไม้ที่สวยงามเป็นพิเศษ ขอแค่ในร้านมีอาหาร ก็จะเขียนมันลงไปในแผ่นไม้บาง ๆ แผ่นนี้
เวลาลูกค้ามาจะได้เห็นอย่างชัดเจน
กิจการของเรานับวันยิ่งดีขึ้นเรื่อย ๆ คนเข้าคนออกนับไม่ถ้วน และก็มีคนชมผนังนี้เช่นกัน บางคนที่คุ้นเคยกันดีก็จะบอกว่ารอวันที่ผนังอันนี้เต็มไปด้วยเมนูอาหารในสักวันหนึ่งด้วย
และทุกครั้งที่มีคนพูดแบบนี้ คุณปู่ซูจะพูดเป็นนัย ๆ ว่า ถ้าเรารักษาสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ไว้ได้ก็คงจะดีมาก
อันที่จริงเขาก็ตั้งตารอเหมือนกันว่าหออีหมิงจะดีขึ้นเรื่อย ๆ และผนังก็จะเต็มไปด้วยเมนูอาหาร
และเจ้าของลายมือก็คือซื่อเลี่ยง
เขาจริงจังกับเรื่องนี้มาก ๆ และทุกครั้งที่เขียนจะล้างมือให้สะอาด
เสี่ยวเถียนหัวเราะ เคร่งขรึมกว่าตอนที่หยิบพู่กันมาวาดรูปอีก
วันนี้ก็ได้เขาเป็นคนเขียน หลังจากล้างมือเสร็จก็เขียนชื่อเมนูอาหารทั้งสองออกมา
ซื่อเลี่ยงวาดรูปเก่ง ฝีมือพู่กันของเขาก็ดีมาก มีความสามารถมากจริง ๆ
“พี่รองแขวนเร็วเข้าค่ะ” เสี่ยวเถียนปรบมือ “ลายมือพี่รองดีขึ้นเรื่อย ๆ เลย สวยมาก!”
คำชมของเสี่ยวเถียนเกือบทำให้ซื่อเลี่ยงลอยขึ้นไปบนอากาศ
เขาหยิบแผ่นป้ายขึ้นมาอย่างมีความสุขและก้าวขึ้นไปแขวนไว้บนผนัง ก่อนจะมองไปรอบ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าแขวนถูกต้องถึงค่อยโล่งใจ
เสี่ยวเถียนกำลังจะเอ่ยชม ทว่าก็ได้ยินเสียงโครมครามดังออกมาจากข้างนอก
“เกิดอะไรขึ้นข้างนอกน่ะ? เขาทะเลาะกันหรือ?” เธอถลึงตาโตถาม
“เดี๋็ยวพี่ไปดูเอง!” ขณะที่เสี่ยวจิ่วกำลังจะวิ่งเข้าไป ใครจะรู้เล่าว่าเพียงแค่สองก้าวก็มีคนหลายคนพรั่งพรู่เข้ามา
เสี่ยวเถียนร้องตะโกน “พี่เก้า กลับมา!”
เธอเห็นพวกอันธพาล
คล้ายกับพวกคนก่อนหน้านี้ด้วย
เธอคิดได้อย่างฉับพลันว่าพวกนั้นต้องมาหาเรื่องแน่ ๆ
เสี่ยวจิ่วเป็นเด็กฉลาดเฉลียว เมื่อได้ยินเสียงของน้องก็รู้ได้ทันทีว่ามีเรื่องผิดปกติ จึงหมุนตัววิ่งกลับเข้ามา
ซื่อเลี่ยงโดดลงจากเก้าอี้ ก่อนจะยืนอยู่เบื้องหน้าน้องทั้งสอง
เขาเป็นพี่ชาย ต้องปกป้องน้อง ๆ เอาไว้
โส่วเวินและซานกงก็เช่นเดียวกัน
คุณปู่ซูรีบออกมายืนต่อหน้าหลาน ๆ
“ทุกท่านเข้ามานั่งข้างในก่อนสิ!” คุณปู่ซูพูดอย่างจริงใจพร้อมรอยยิ้ม
แต่เห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้มาหาเรื่องแท้ ๆ และหนึ่งในนั้นมองชายชราด้วยสายตาชั่วร้าย
“ตาแก่ พวกแกไม่รู้หรือว่าไปล่วงเกินคนที่ไม่สมควรเข้าแล้วน่ะ?”
“ตาแก่ไม่รู้หรอก!” คุณปู่ซูตอบอย่างหนักแน่น ไม่มีร่องรอยของความกลัวบนใบหน้าเลย
มีกันแค่หกคน เขามั่นใจว่าหลาน ๆ เอาอยู่
อีกฝ่ายก็ไม่คิดว่าชายชราจะพูดเช่นนี้ออกมา
“ตาแก่ แกรนหาที่ตายเองนะ!”
“กล้าที่ไหนเล่า ตาแก่อย่างฉันยังใช้ชีวิตไม่คุ้มเลย ไม่อยากตายหรอก!”
พอได้ยินคำตอบ พวกอันธพาลก็โมโหทันทีและหมายจะพุ่งเข้ามาต่อย
“เดี๋ยวก่อน ๆ พี่ชาย บ้านเราไปทำอะไรไม่ดีหรือ ถึงทำให้พวกพี่ ๆ มาหาถึงที่นี่น่ะ?”
โส่วเวินกลัวปู่จะโดนลูกหลง จึงรีบก้าวออกไปปกป้องท่านเอาไว้
“ไปทำให้คนเขาขุ่นเคืองโดยไม่รู้ตัวน่ะซี่ ฉันขอแนะนำนะ พวกแกรีบปิดประตูเก็บข้าวของแล้วกลับไปปลูกข้าวที่บ้านแกซะ เมืองหลวงไม่ใช่ที่ของพวกแก”
โส่วเวินขมวดคิ้ว นี่คือการแข่งขันทางธุรกิจหรือ?
“พี่ชาย บ้านเราก็ทำธุรกิจอยู่ดี ๆ นะ ไม่ได้ไปทำให้ใครเขาขุ่นเคือง ตอนนี้ประเทศก็อนุมัติกิจการของพวกเราแล้วด้วย ซึ่งพวกเราเองก็ยินดีตอบสนองต่อคำเรียกร้องของพวกเขา ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว!”
โส่วเวินพูดเสียงดังฟังชัด
ทว่าอีกฝ่ายกลับมาที่นี่เพื่อเป้าหมายอื่น ไม่มีทางฟังคำของโส่วเวินอีกแล้ว
“หยุดพูดไร้สาระสักที ถ้าวันนี้พวกแกไม่ปิดร้าน จากนี้ไปจะบุกมาทำลายทุกวันเลย เจอครั้งไหนจะทำร้ายพวกแกทุกครั้ง”
“เจอครั้งไหนจะทำร้ายพวกแกทุกครั้ง? งั้นก็เริ่มเลยสิ!” เสี่ยวเถียนเริ่มทนไม่ไหวแล้ว
คนพวกนี้ไม่คิดจะเปิดโอกาสให้พวกเขาอธิบายอยู่แล้ว ไอ้คนประเภทนี้ลงมือใส่ไปตรง ๆ เลย
อีกฝ่ายกำลังคุยกับพี่ใหญ่ พอได้ยินเสียงใสแจ๋วของเด็กหญิงก็ตกใจกัน
แต่พอมองไปรอบ ๆ กลับไม่พบเสี่ยวเถียนที่โดนพี่ ๆ ขวางเอาไว้
“ใครกัน? ยืนขึ้นมาแล้วพูดซะ! ทำตัวลับ ๆ ล่อ เป็นวีรบุรุษอะไรกัน!”
“ไม่มีทางที่สาวน้อยจะเป็นวีรบุรุษอะไรนั่นอยู่แล้ว ทำให้พวกพี่ต้องผิดหวังแล้วล่ะ!” เสี่ยวเถียนโผล่ออกมาจากหลังพี่ ๆ
พี่ชายตัวสูง เลยไม่แปลกที่จะทำให้เธอดูตัวเล็ก
และไม่คิดเลยว่าจะมีเด็กเดินออกมาจริง ๆ พวกอันธพาลมองหน้ากัน ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“เธอเป็นเด็กผู้หญิงนะ ออกไปเล่นที่อื่นเถอะ ที่นี่ไม่มีเรื่องให้เธอคุยด้วยหรอก!” หนึ่งในอันธพาลร้อนรน
เสี่ยวเถียนยิ้ม หัวเราะอย่างไม่มีพิษภัย
“ถ้าพูดแบบนั้น หนูไปเล่นที่อื่นก็ได้ค่ะ แต่พวกพี่คงจะไม่ตีหนูใช่ไหม?” เสี่ยวเถียนทำท่าไร้เดียงสา
พวกอันธพาลอยากจะบอกนักว่าไม่ได้ตั้งใจจะลงมือกับเธอจริง ๆ
แต่พูดตอนนี้ก็ไม่เหมาะ
“รีบ ๆ ถอยออกไปเลย เพราะกำปั้นของฉันมันไม่มีตาหรอกนะ!” หนึ่งในนั้นโบกกำปั้นใส่เสี่ยวเถียนอย่างเหลืออด
แม้กำปั้นจะไม่ได้เหวี่ยงออกไป แต่สำหรับพี่ ๆ แล้วการที่เสี่ยวเถียนโดนขู่เป็นสิ่งที่ยอมไม่ได้
ล้อกันเล่นแล้ว น้องโดนรังแกต่อหน้านะ ในฐานะพี่ชายจะยังมีหน้ามองน้องสาวอีกหรือ
พวกพี่ ๆ มองหน้ากัน จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่พวกอันธพาล
เร็วมากถึงขนาดที่ผู้ใหญ่ทั้งสามของบ้านไม่ทันได้ตอบสนอง
พวกวัยรุ่นที่เคยใช้ชีวิตอย่างสงบก็ได้บ้าคลั่งขึ้นมา และเพราะกลัวว่าจะเผลอทำลายข้าวของในร้านเสียหาย เด็กโตจึงคอยจับแต่ละคนเอาไว้ ส่วนเสี่ยวปาและเสี่ยวจิ่วช่วยกับจับอีกคนหนึ่งแล้วโยนออกไปข้างนอกด้วยกัน
ด้วยความพยายามของพี่น้องทั้งแปดของบ้านก็ได้โยนอันธพาลทั้งเจ็ดออกไปที่ถนน
“คิดจะสู้กับพวกเราสินะ? ลุกขึ้นสิ มาฝึกกันเลย!” ซื่อเลี่ยงตั้งท่าเตรียมสู้
ตลกหรือเปล่า ไอ้พวกไร้ประโยชน์ยังคิดจะสู้กับพวกเราอีกหรือ?
พอดีเลย ไม่ได้มีคนฝึกด้วยมานานแล้วด้วย วันนี้มีกระสอบทรายโผล่มาหลายใบ ดีจริง ๆ
ส่วนคนอื่น ๆ ก็คิดเช่นเดี่ยวกับพี่รอง
อันธพาลทั้งเจ็ดตกใจ
นี่มันอะไรกัน?
มาทุบร้านเขา แต่ทำไมถึงโดนโยนออกมา?
ไอ้สารเลวพวกนี้ กินอะไรถึงได้โตมาแบบนี้กัน? ทำไมแรงเยอะขนาดนั้น?
เสี่ยวเถียนเดินตามหลังพี่ มองคนที่นอนโง่อยู่บนพื้นเหมือนกับว่าไม่รู้จะลุกขึ้นอย่างไร ก่อนจะหัวเราะ!
“ทำอะไรกันอยู่น่ะ?” จู่ ๆ เสี่ยวเถียนก็ได้ยินเสียงอันคุ้นเคย