บทที่ 420 ซื้อของ
บทที่ 420 ซื้อของ
สองสามีภรรยาซูเห็นด้วยกับซูเสี่ยวเถียนมาก ถึงบ้านเราจะมีวัตถุดิบเยอะมากมาย แต่ในเมื่อจะต้อนรับท่านผู้นำ กลับยังรู้สึกว่ามีของบางอย่างขาดไป
พวกเขาไม่สงสัยเลยว่าเสี่ยวเถียนไปหาของสดใหม่และดี ๆ แบบนี้มาจากไหน
ใครใช้ให้หลานอยู่ภายใต้การดูแลของราชามังกรล่ะ ใครใช้ให้หลานเจอแต่ของดี ๆ เวลาออกไปข้างนอกล่ะ?
“ได้จ้ะ เอาเป็นว่าตกลงกันตามนี้นะ” หญิงชรายิ้ม “หลานหาวัตถุดิบได้แล้วค่อยมาสอนย่าทำอาหารใหม่จาน ๆ ด้วยนะ”
เสี่ยวเถียนอยากจะบอกเหลือเกินว่าย่ารู้จักอาหารเยอะมากแล้วจริง ๆ มากกว่าร้านอาหารของรัฐในเมืองหลวงเสียอีก
แต่เมื่อเห็นย่ามีความสุข ซูเสี่ยวเถียนเองก็เต็มใจให้ความร่วมมือ
“ได้ค่ะคุณย่า”
“หลานรัก ย่าต้องขอบคุณหนูแล้วล่ะ!” แกแทบจะพุ่งเข้าไปหอมหลานแล้ว
“เสี่ยวเถียน แล้วหลานจะไปซื้อของเมื่อไรล่ะ?”
“เดี๋ยวไปตอนนี้ค่ะย่า”
เธอมองเวลา ตอนนี้ยังหัววันอยู่ พอให้ออกไปได้สักรอบหนึ่ง
แต่คุณปู่ซูกลับรีบห้ามเอาไว้ “พาพวกพี่เขาไปด้วยล่ะ!”
ซูเสี่ยวเถียนได้ฟังก็รู้สึกสงสัย ต้องพาพวกเขาไปด้วยหรือ? ถ้าพาพี่ ๆ ไปด้วยแล้วเธอจะแอบแลกแต้มอย่างไรล่ะ?
ถ้าพาพี่ไปด้วยคงซื้อของดี ๆ ไม่ได้หรอก ไปเดินตลาดสักวันใช่ว่าจะซื้อของดี ๆ ได้เสียหน่อย
เพราะมันเป็นตลาดในเมือง ไม่ใช่บนเขาที่หงซินเสียหน่อย
“คุณย่า คุณปู่ หนูไปคนเดียวก็พอค่ะ เดินแถวบ้านเรานี่แหละ เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว!” เสี่ยวเถียนวิ่งปร๋อพร้อมกับพูดไปด้วย
ความเร็วของเธอไวมาก ก้าวสามฉับก็วิ่งหายไปแล้ว
ตลกแล้ว ถ้าไม่รีบ เดี๋ยวพี่ ๆ ก็ตามมาทันเอาน่ะสิ
“เร็วเหลือเกิน ไอ้เด็กพวกนี้รอหาอะไรอยู่?”
คุณปู่ซูมองเสี่ยวเถียนออกไปกับตาตัวเอง แต่หลานชายยังยืนบื้ออยู่ตรงหน้า เขาก็รู้สึกโมโหขึ้นมาทันที
ทำไมไอ้เด็กพวกนี้มันโง่นัก?
แค่เสียงเดียว เสี่ยวจิ่วกับคนอื่น ๆ ถึงค่อยตอบสนองได้ พอมองไปอีกครั้งน้องเล็กก็วิ่งหายไปแล้ว
“รอพี่ด้วยสิ!” เสี่ยวจิ่วร้องลั่นแล้ววิ่งตามออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเสี่ยวปา เสี่ยวชี และคนอื่น ๆ ก็วิ่งตามออกไป
ตอนพี่ ๆ ยืนอยู่ข้างนอก พวกเขายืนบื้ออยู่แบบนั้น น้องหายไปไหนแล้ว?
เจ้าเด็กคนนี้วิ่งเร็วเกินไปหรือเปล่าเนี่ย?
พวกเขายืนอยู่ตรงนั้น
“พี่หก พี่ว่าน้องจะไปไหนครับ?” เสี่ยวจิ่วถาม
“น่าจะไปตลาดหรือเปล่า? ไปดูกันเถอะ!”
ไม่ไกลจากร้านมีตลาดอยู่ที่หนึ่ง คนมาตั้งร้านกันตั้งแต่เช้าถึงเย็น แต่ก็ไม่ได้มีของดี ๆ อะไรมากมาย
เด็กบ้านซูเคยฝึกฝนกันมาแล้ว ความเร็วของพวกเขาเลยค่อนข้างมาก แต่เมื่อเขาตามไปถึงตลาดกลับไม่เป็นเสี่ยวเถียนของพวกเขาเลย
“พี่หก พวกเรามาผิดทางหรือเปล่า?” เสี่ยวปาถามอย่างสงสัย
ตลาดแห่งนี้หลากหลายมาก มีโซนของขายชีวิตประจำวันบางส่วนด้วย เสี่ยวเถียนไม่น่ามาที่นี่หรือเปล่า? เพราะเธอบอกจะมาหาวัตถุดิบดี ๆ แล้วที่นี่มันระดับเดียวกับมาตรฐานของเสี่ยวเถียนหรือ?
เสี่ยวเถียนไม่ได้ไปตลาดผัก ตอนนี้เธอกำลังอยู่ในตรอกเล็ก ๆ ข้างร้านอาหาร
ตรงนี้มีตรอกที่เป็นจุดบอดอยู่ หลังจากที่เจอก็ถือว่ามันเป็นฐานลับของเธอแล้ว และวันนี้เธอก็มาที่นี่อีกแล้ว
เธอเรียกหน้าอินเทอร์เฟซร้านขึ้นมา แล้วเริ่มเลือกวัตถุดิบที่ต้องการ
ในร้านค้าของระบบมีสิ่งของเยอะแยะมากมาย และเสี่ยวเถียนก็เลือกอย่างระมัดระวัง ถึงปลิงทะเลกับหอยเป๋าฮื้อมีรสชาติอร่อย แต่ในเมืองหลวงยังไม่มีคนนำมาขาย เธอจะเสกมันออกมาจากอากาศไม่ได้
ส่วนกุ้งเป็นของหายาก ในตลาดมีขายไม่เท่าไรเอง
ฤดูกาลนี้มีปูด้วยนะ เสี่ยวเถียนจึงตัดสินใจเลือกมันมา
ปลากะพงจากธรรมชาติดีที่สุดแล้ว เธอเอามาหนึ่งตัว
แล้วก็มีเนื้อหมูคุณภาพดีด้วย มีสามชั้น สันใน แล้วก็ซี่โครง เสี่ยวเถียนไม่ยอมพลาดมันแล้วกดซื้อมาทันที
เนื้อมีเยอะพอแล้ว เสี่ยวเถียนยังสั่งตะกร้าผักมาด้วย
เธอเดินกลับร้านพร้อมกับตะกร้าสองใบในเวลาที่ผ่านไปแค่สี่นาทีเท่านั้น
เด็กสาวมองมันด้วยแววตาพึงพอใจ พอที่จะรับรองอาหารอย่างหรูหราสำหรับแขกในวันพรุ่งนี้ด้วย
ถ้าพูดแบบเกรงใจหน่อย ในตลาดไม่มีของดีเท่าของในตะกร้าของเธอหรอก
ตอนเสี่ยวเถียนกลับมา เธอไม่เห็นพวกพี่ ๆ พวกเขาน่าจะตามเธอไปใช่ไหมนะ? เธอรู้สึกละอายใจเล็กน้อยเพราะพวกเขาตามไปปกป้องเธอ แต่เธอกลับหนีและทำให้เขาต้องวิ่งอย่างเหนื่อยเปล่า
ในร้านมีลูกค้าอยู่หลายโต๊ะเลย คุณปู่กำลังต้อนรับพวกเขาอยู่
เสี่ยวเถียนตะโกน “คุณปู่ หนูกลับมาแล้วจ้า!”
ชายชราหันมาเห็นหลานสาวกลับมาพร้อมตะกร้าใบใหญ่ แต่เมื่อไม่เห็นหลานชาย ใบหน้าพลันเปลี่ยนสีทันที
เขารีบรุดหน้าไปช่วยหลานสาวตัวน้อยถือของ “ไอ้เด็กเวรพวกนั้นมันไปไหน? ทำไมไม่กลับมาพร้อมกับหลาน?”
เสี่ยวเถียนไม่คิดว่าปู่จะพูดแบบนี้ เธอทำให้พี่ ๆ ลำบากแล้ว ดังนั้นจึงได้แต่ลอบขอโทษพวกเขาเงียบ ๆ
“คุณปู่ หนูวิ่งเร็วจนพวกเขาตามไม่ทันน่ะค่ะ”
สิ้นเสียงของเธอ แววตาของคุณปู่ก็คุกรุ่นไปด้วยความโกรธจัด
“เด็กไร้ประโยชน์ แม้แต่เด็กคนเดียวยังตามไม่ทัน”
โชคดีที่เสี่ยวเถียนออกไปแล้วไม่ได้เจอคนไม่ดี ในเมืองหลวงแท้ ๆ ทำไมไม่ปลอดภัยแบบนี้!
ไอ้เด็กพวกนั้นนับวันยิ่งพึ่งพาไม่ได้เลยสินะ? เป็นลูกผู้ชายแท้ ๆ แต่กลับไม่มีความแข็งแกร่งเอาเสียเลย มีกันตั้งเยอะ แต่ตามน้องไม่ทัน ไม่รู้ว่าอายกันบ้างไหมที่กินข้าวเป็นอาหารน่ะ
คุณปู่ซูยังมีร่างกายแข็งแรง เขาถือตะกร้าหนัก ๆ ได้ทั้ง ๆ ที่อยู่ในอารมณ์คุกรุ่น
เสี่ยวเถียนจึงรีบแก้ต่างให้เหล่าพี่ชาย “คุณปู่อย่าโทษพี่เลยนะคะ ปู่ก็รู้ว่าหนูว่องไวมาก”
ได้ยินคำพูดของหลาน เขาก็อารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังรู้สึกโกรธอยู่ดี
เด็กคนนี้มีประโยชน์กว่าเจ้าพวกนั้นอีก เรียนเก่งไม่พอ ยังเก่งเรื่องศิลปะการต่อสู่ด้วย ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นพี่ชายที่ปกป้องน้อง หรือน้องปกป้องพี่กันแน่
ลูกค้าโต๊ะหนึ่งในร้านมองสองปู่หลานอยู่บ่อยครั้ง
“แกมองอะไรน่ะ?” คนฝั่งตรงข้ามถามอย่างสงสัย
“ทำไมฉันได้กลิ่นปู?”
“ได้กลิ่นผิดหรือเปล่า?”
“คิดอย่างนั้นเหมือนกัน!” ลูกค้าคนนั้นพูดเสียงดัง “คุณลุง ร้านคุณมีปูหรือเปล่า?”
มีหรือที่ชายชราจะรู้ว่าของในตะกร้ามีอะไรบ้าง เขารู้แค่ว่าร้านเราไม่มีเมนูอาหารที่มีปูจึงส่ายหัว “ไม่มีหรอก! ฉันได้ยินว่าปูแพงมาก ร้านเล็ก ๆ แบบนี้ไม่มีหรอกนะ”
ลูกค้าคนนั้นเสียใจเล็กน้อย และได้แต่แอบบนพึมพำในใจ
มีใครในเมืองที่ไม่รู้ว่าหออีหมิงเป็นร้านที่มีวัตถุดิบครบถ้วนและรสชาติดีที่สุดน่ะ?
บอกว่าไม่มีปูเพราะปูราคาแพง แล้วเนื้อกวางไม่แพงหรือไง? ที่ร้านนี้ก็มีไม่ใช่หรือ?
“ฉันว่าแกได้กลิ่นผิดแล้วล่ะ ร้านอาหารรัฐยังไม่มีเลย แล้วร้านแบบนี้จะไปมีได้ยังไง?”
“แต่ฉันได้กลิ่นปูชัด ๆ เลยนะ มันจะไม่ใช่ได้ยังไง?” ลูกค้าคนนั้นยังยืนกรานในสิ่งที่ตนได้กลิ่น