บทที่ 432 แกกลับไปก่อนเถอะ
บทที่ 432 แกกลับไปก่อนเถอะ
คุณปู่ซูยังคงนิ่งเงียบ
ทว่าความรู้สึกภายในใจยังคงตื่นตัว เป็นผู้นำแท้ ๆ แต่ร้องไห้แบบนี้จะดีหรือ?
ถ้าพวกลูกน้องมาเห็นเข้า จะไม่รู้สึดขบขันเอาหรือยังไง?
ทำไมถึงไร้ประโยชน์อยู่เรื่อยเลยนะ?
ไม่ได้การแล้ว กลับไปยังไงก็ต้องบอก เป็นเจ้าคนนายคนต้องทำตัวเป็นผู้นำสิ
“พี่ซู พูดอะไรสักอย่างทีเถอะค่ะ”
ฟ่านชูฟางมองคุณปู่ซูที่ยังเงียบ จากนั้นก็มองสามีของตนที่กำลังร้องไห้อย่างหนัก แล้วเอ่ยขอร้อง สุขภาพของเหล่าตงไม่ดี ขืนยังปล่อยเอาไว้แบบนี้ กลับไปอาจจะได้ไปโรงพยาบาลเอาน่ะสิ
คุณปู่ซูทนไม่ไหวจึงได้แต่พยักหน้า
เขายื่นมือออกไปตบหลังผู้เป็นน้องเบา ๆ เพื่อปลอบโยน
การกระทำนั้นทำให้ต่งหยวนจงรู้สึกสูญเสียไปทันที
เขาเงยหน้ามองคุณปู่ซู ก่อนจะโผเข้าสวมกอดแล้วหลั่งน้ำตาออกมา ท่าทางเหมือนจะอัดอั้นตันใจมามาก!
เสี่ยวเถียนตกตะลึง เกิดอะไรขึ้นน่ะ?
นี่คือท่านผู้นำคนสำคัญที่เธอรู้จักหรือ?
เอาเถอะ มันก็ต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว! เพราะต่งหยวนจงเป็นผู้นำ จึงไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา!
ทุก ๆ คนมองไปยังที่เดียวกันด้วยแววตาไม่อยากจะเชื่อ
แม้แต่ฟ่านชูฟางก็ยังไม่เชื่อเลยว่าสามีจะเป็นเช่นนี้ เนิ่นนานหลายปีมานี้ เขามีอารมณ์รุนแรงมาตลอด แต่ไม่มีครั้งไหนที่ทำตัวเหมือนเด็ก ๆ เลย
เด็ก ๆ ยิ่งสับสนงงงวย ที่บ้านสอนว่ายังไงนะ?
สอนว่าลูกผู้ชายไม่ควรร้องไห้ออกมาง่าย ๆ ใช่ไหม?
พวกเขาต้องไม่ร้องไห้ออกมาง่าย ๆ สิ
แล้วคุณปู่ต่งอายุเท่าไร แถมยังเป็นท่านผู้นำที่ยิ่งใหญ่ แต่กลับร้องไห้งอแงแบบนี้
หรือว่าเป็นเพราะคับข้องใจเลยร้องไห้ออกมา!
เด็ก ๆ คิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้น!
“ไม่ต้องร้อง ๆ โตแล้วนะ จะร้องไห้ไปทำไมเนี่ย!”
คุณปู่ซูปลอบใจต่งหยวนจงที่กำลังเสียศูนย์ แต่เขาเป็นคนที่พูดไม่เก่งเลยปลอบใจไม่เป็น
“พี่ซูครับ พี่ซู พี่เป็นพี่ชายแท้ ๆ ของผม พี่ไม่ต้องการผมไม่ได้นะ!”
ต่งหยวนจงในตอนนี้ไม่ต่างไปจากสุนัขที่โดนเจ้าของทิ้ง
ตอนนั้นเสี่ยวเถียนเบนความสนใจไปที่เสี่ยวหยวน
เธอคิดมาตลอดว่า มันแปลกมากที่เสี่ยวหยวนดูมีท่าทางเฉยเมย!
พูดตามหลักเหตุผลแล้ว คนที่อยู่ข้างกายต่งหยวนจง อย่างน้อยก็ต้องฉลาดและมีไหวพริบบ้าง แต่เสี่ยวหยวนกลับเป็นคนหัวแข็ง มันเหมาะแล้วหรือที่จะมีคนแบบนี้อยู่ข้างกาย?
แต่ถ้าเขาไม่เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกก็สมเหตุสมผลอยู่
แล้วอะไรที่ทำให้เขากลายเป็นแบบนี้ล่ะ?
เสี่ยวหยวนเห็นเด็กสาวจ้องมองมาที่ตนเอง เขาก็ยิ่งโกรธเคือง
ทั้งหมดเป็นความผิดของเด็กคนนี้ ถ้าไม่มีมันเป็นตัวนำแล้วขอวินิจฉัยอาการของหัวหน้า มันก็คงไม่ยุ่งยากแบบนี้หรอก
ครอบครัวเจ้านายของเขามีแพทย์ดี ๆ อย่างหมออู๋คอยดูแลอยู่แล้ว แล้วทำไมมันถึงกลายเป็นนังเด็กไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วย?
เขาจ้องเด็กสาวด้วยแววตาชั่วร้าย!
เสี่ยวเถียนหันไปทางอื่น ไม่อยากจะมองคนโง่เขลาแบบนี้
ตัวเองทำผิดยังจะโทษคนอื่นอีก ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
เสี่ยวเถียนไม่อยากทะเลาะด้วย เธอไม่อยากรบกวนผู้เฒ่าอายุรวมกันเกินร้อยทั้งสองหรอกนะ
ตอนนี้เหมือนเสี่ยวเถียนกำลังดูละครอยู่เลย สนุกไม่ไหวแล้ว
ก่อนหน้านี้มองไม่ออกจริง ๆ ว่าความรู้สึกของคุณปู่ต่งที่มีต่อปู่ของเธอจะลึกซึ้งขนาดนี้ จะว่าไปแล้ว ตอนนั้นคุณปู่ให้ข้าวแก่เขาไปกี่ชามกันนะ?
บุญคุณน้อยนิดคุ้มค่าพอให้จดจำไปตลอดชีวิตเลยหรือ?
ฉับพลันนั้นเธอก็นึกบางอย่างที่สำคัญขึ้นได้ เรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนนี้ มันไม่เคยเกิดขึ้นในชาติที่แล้วมาก่อน
ดูเหมือนว่า ชาติก่อนต่งหยวนจงจะเคยช่วยบ้านเธอไว้ด้วย แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก หลังจากนั้นก็ขาดการติดต่อกันหรือเปล่านะ?
ถ้าพฤติกรรมในตอนนี้ไม่ได้เสแสร้ง แต่มันออกมาจากใจจริง ๆ แล้วทำไมชาติก่อนถึงไม่เห็นเป็นแบบนี้บ้างเลยล่ะ?
หรือชาติที่แล้วมันมีอะไรที่เกิดขึ้นแต่เธอไม่รู้กันนะ?
เรื่องราวพวกนี้มันถูกกำหนดไว้แล้ว หาเหตุผลไม่ได้หรอก แล้วเธอเองก็กลับไปไม่ได้ด้วย
หลังจากคิดไปคิดมาก็หาเหตุผลไม่ได้เสียที เธอเลยล้มเลิกความคิดนี้ซะ
ในที่สุด ต่งหยวนจงก็หยุดร้องไห้เสียที
ฟ่านชูฟางหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าแล้ววางบนมือสามี ต่งหยวนจงไม่อายที่จะหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาก่อนจะนั่งลง
คุณปู่ซูถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นสีหน้าต่งหยวนจงดีขึ้น
“หัวหน้า…”
คุณปู่ซูเอ่ยอย่างระมัดระวัง แต่ก็โดนขัดจังหวะ
“พี่ซู พี่เป็นพี่ชายของผม อย่าเรียกผมว่าท่านหัวหน้าอีก มันลำบากใจครับ!”
ต่งหยวนจงพูดด้วยความจริงใจ
“ต่อจากนี้พี่เรียกผมแบบเป็นพี่เป็นน้องกันได้เลย แค่หยวนจงก็ได้ แต่อย่าเรียกว่าหัวหน้า ท่านผู้นำอะไรแบบนั้นอีก!”
คุณปู่ซูลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็พยักหน้า
“งั้นฉันจะไม่สุภาพแล้วนะ!” คุณปู่ซูเอ่ยอย่างเชื่องช้า
แต่ไม่ว่ายังไงเรื่องนี้ก็ยังแปลกอยู่ดี อีกฝ่ายคือหัวหน้าใหญ่นะ จะให้เรียกแค่ชื่อเฉย ๆ ได้ยังไง?
ถ้าคนอื่นรู้เข้าจะไม่พูดเอาหรือว่าบ้านเราไม่รู้จักกฎเกณฑ์น่ะ?
แต่ต่งหยวนจงไม่อยากให้เขาเรียกแบบนั้น
ขณะที่บรรยากาศกำลังเข้มข้น เสี่ยวหยวนโผล่เข้ามาในฉากอีกครั้ง
“หัวหน้าครับ ถึงเวลาต้องกลับแล้ว หมออู๋บอกว่าท่านต้องกลับก่อนสองทุ่มนะครับ!”
เสี่ยวหยวนคิดว่าถ้าตนทำหน้าที่คงจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ที่แย่ก็คือผิดสถานการณ์
“แกเป็นบอดีการ์ดของฉันนะ!” ต่งหยวนจงหงุดหงิด
เมื่อก่อนก็มีแววอยู่นะ แล้วดูตอนนี้สิ แววมันหายไปไหนหมด?
กลายเป็นไอ้โง่คนหนึ่ง!
“แต่หมออู๋…”
“เสี่ยวหยวน พรุ่งนี้ฉันจะย้ายแกไปตำแหน่งอื่น ถ้าฟังหมออู๋มากขนาดนั้นก็ไปเรียนหมอกับเขาตั้งแต่พรุ่งนี้เลย!”
การแสดงออกของต่งหยวนจงในตอนนี้แตกต่างจากคนโง่งมก่อนหน้านี้มาก นี่แหละคือต่งหยวนจงที่ควรจะเป็น
เด็กหนุ่มตะลึงงัน หมายความว่ายังไง?
ก่อนหน้านี้เขาบอกจะไล่เขาออกไป ก็เลยคิดว่าพูดเฉย ๆ เพื่อเอาใจคนบ้านซู แต่ตอนนี้คนบ้านนั้นไม่ได้เอ่ยอะไรถึงเขาเลย แล้วทำไมเจ้านายถึงยังจะไล่เขาไปอีก?
“หัวหน้า ผม…”
เสี่ยวหยวนอยากพูดต่อ แต่ก็โดนขัดจังหวะทันที
เขาไม่ต้องการคนข้างกายที่เอาแต่ฟังคำพูดของคนอื่น ต่อให้เป็นคำพูดของหมอก็ตาม!
“ไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้น คนบ้านซูเป็นคนสำคัญของฉัน!”
เขาไม่ได้พูดจารุนแรง แต่น้ำเสียงกลับหนักแน่น
ตระกูลซูคือคนสำคัญที่สุด เสี่ยวหยวนไม่คิดว่าเจ้านายจะพูดเช่นนี้เลย
คนบ้านซูแล้วทำไม?
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบหรอกนะ
แต่อีกฝ่ายเป็นคนที่มาจากชนบทและไม่เคยเห็นโลกมาก่อน
หัวหน้าไม่กลัวคนอื่นหัวเราะเยาะเอาหรือที่รู้จักคนพวกนี้น่ะ?
แต่เสี่ยวหยวนไม่กล้าเอ่ยออกมา
“หัวหน้าครับ ผม ผม…” เขาอยากจะบอกว่าตนผิดไปแล้ว
แต่คงรักษาหน้าไว้ไม่ได้แล้วล่ะ ถ้าให้ขอโทษคนอื่น ๆ ก็ว่าไปอย่าง แต่กับคนบ้านซู เขาพูดไม่ออก
ไม่ได้มีตำแหน่งอะไรก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ทำการค้าขาย ไม่รู้หรือว่าคนพวกนี้มันเป็นพวกชนชั้นล่างน่ะ?
“เสี่ยวหยวน แกกลับไปก่อนเถอะ!” ต่งหยวนจงกลัวจริง ๆ ว่าจะตบหน้าเด็กคนนี้
ถึงยังไงก็เป็นลูกของลูกน้องเก่า เขาจึงยินยอม
ต่อให้เสี่ยวหยวนไม่เต็มใจก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก ได้แต่ถอยหลังออกไป
เสี่ยวเถียนเฝ้ามองอีกฝ่ายอย่างครุ่นคิด
ความทรงจำของชาติก่อนมันไม่ได้เยอะนัก และความทรงจำเกี่ยวกับต่งหยวนจงก็ไม่เยอะ
แต่ด้วยอะไรบางอย่าง มันทำให้เธอรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติบอดีการ์ดคนนี้
เธอพูดได้ไม่เต็มปาก แค่รู้สึกก็เท่านั้น
หลังจากเสี่ยวหยวนออกไป สีหน้าของซูชวนดีขึ้นมาก
“พี่ซู พี่ดูสิ ผมไล่เสี่ยวหยวนไอ้เด็กตาไร้แววไปแล้ว พี่อย่าโกรธผมเลยนะ!” ต่งหยวนจงเอ่ย ท่าทางน่ารักไม่เหมือนเมื่อครู่เลย
ชายชราไม่ได้ว่าอะไรสักคำ อันที่จริงกำลังคิดอยู่ว่าควรอยู่ห่างจากน้องชายคนนี้หรือไม่
ถ้าอยู่ห่าง ๆ ต่งหยวนจงคงทนไม่ได้
แต่ถ้าไม่ ก็จะมีอีกหลายคนที่คิดแบบเสี่ยวหยวน และต่อไปจะมีคำซุบซิบนินทาแน่นอน แล้วเขาจะทนได้หรือ?