บทที่ 438 จะพอกินใช่ไหม
บทที่ 438 จะพอกินใช่ไหม
“พวกคุณอยากสั่งอาหารอะไรไหมคะ? หนูจะได้ไปเตรียมให้ ร้านอาหารนี้เป็นของบ้านเราเอง มีอาหารพอสำหรับทุกท่านค่ะ”
ทันทีที่ประโยคนั้นออกมากจากปากของเด็กหญิง พวกเขาก็จำได้ทันทีว่าเด็กหญิงเป็นเจ้าของร้านอาหาร
พวกเขาหลายคนมองหน้ากัน และเป็นหัวหน้าหลี่ที่พูดขึ้น
“เสี่ยวเถียน ร้านของเธอมีอาหารแนะนำอะไรบ้างหรือ เห็นว่าจะเสิร์ฟให้เราแปดจาน เป็นอาหารจานหลักหมดเลย!”
พวกเรามีกันตั้งแปดคน อาหารแปดจานจะเพียงพอหรือ
“เสี่ยวเถียน อาหารแปดจานจะพอให้พวกเรากินใช่ไหม?”
ซูเสี่ยวเถียนคลี่ยิ้ม “พอแน่นอนค่ะ ถึงแม้ว่าอาหารร้านเราจะราคาสูง แต่ให้ปริมาณเยอะค่ะ”
หัวหน้าหลี่พยักหน้า
“ไม่ทราบว่าพวกคุณแต่ละคนมีอะไรที่กินไม่ได้บ้างหรือเปล่าคะ? อย่างเช่น ผักชี พริก อะไรพวกนี้ค่ะ”
ทุกคนต่างส่ายหัว ขอแค่ได้กินอิ่มก็มีความสุขแล้ว จะยังเลือกมากอะไรอีกล่ะ?
อีกอย่างไอ้ผักชี พริกอะไรพวกนี้ก็แค่เครื่องเคียง ไม่อยากกินก็เขี่ยออกแค่นั้นเอง เราเองต่างก็เป็นคนที่ดิ้นรนหาอาหารและเสื้อผ้า แต่ก็ไม่ได้เห็นแก่ตัวขนาดนั้น
เสี่ยวเถียนยืนยันสิ่งที่พวกเขาชอบอีกครั้งก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับรอยยิ้ม
คล้อยหลังไป ผู้อำนวยการหูครุ่นคิดบางอย่างพลางเอ่ยถามขึ้น “หัวหน้าหลี่ ร้านนี้จะเสิร์ฟอาหารจานหลักแปดจานเลยหรือ?”
ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องเมนูนะ ถ้าใช้เนื้อหมูแปดจานก็ถือว่าใช้เนื้อเยอะมากเลยนะ
“ผู้อำนวยการหูไม่ต้องห่วงนะ ไม่มีปัญหาแน่นอนครับ” หัวหน้าหลี่ยิ้ม
“ที่ผมกล้าพาคุณมาที่นี่มันมีเหตุผลแน่นอนครับ”
ไม่รู้ว่าครอบครัวนี้มีพื้นเพแบบไหน ตั้งแต่เปิดร้านมายังไม่ขาดแคลนเนื้อเลย
ไม่ใช่แค่เนื้อหมูเท่านั้นนะ แม้แต่เนื้อแกะ เนื้อวัวก็ยังมี ได้ยินว่าบางครั้งเองมีปลากับกุ้งด้วย
ผู้อำนวยการหูไม่ค่อยเชื่อเท่าไร แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก เขาเปลี่ยนหัวข้อใหม่แล้วคุยกับคนข้าง ๆ แทน
“ผู้อำนวยการหม่า เรื่องของท่านกับความร่วมมือทางเยอรมันคืบหน้าไปถึงไหนแล้วครับ?”
“ใกล้จะได้เจรจากันแล้วล่ะ แต่ล่ามทางฝั่งผมเหมือนจะมีปัญหา ตอนนี้ผมกำลังรู้สึกเหมือนหมดหนทาง” ผู้อำนวยการหม่ากังวลใจมาก
ถ้าถึงเวลาแล้วล่ามกลับมาไม่ได้ การเจรจาทั้งหมดจะดำเนินต่อไปไม่ได้นะ เพราะผลกระทบของมันอาจทำให้การเจรจาของเราไม่สำเร็จ
“ไม่งั้นผมถามเสี่ยวเถียนให้แล้วกันครับว่าเธอรู้จักใครที่รู้ภาษาเยอรมันบ้างหรือเปล่า?” หัวหน้าหลี่ว่า
ก่อนจะนึกได้ว่าเสี่ยวเถียนเป็นเด็กที่โชคดีมากถึงได้มีอาจารย์ดี ๆ
รู้ภาษาฝรั่งเศสก็เพราะคุณฉือเก๋อสอน แล้วเธอจะไปหาคนที่รู้จักภาษาเยอรมันได้จากที่ไหน?
“สหายหลี่ คุณไว้ใจเด็กคนนี้เกินไปแล้ว เธอจะเข้าใจได้หลายภาษาเชียวหรือ?”
ผู้อำนวยการหูไม่เชื่อเท่าไรเลยเอ่ยแซวขึ้นมา
แม้แต่ผู้อำนวยการหม่าก็ไม่เชื่อเหมือนกัน ทั้งยังสงสัยในความสามารถด้านภาษาฝรั่งเศสของเสี่ยวเถียนด้วย
เป็นศิษย์ของฉือเก๋อแล้วยังไงล่ะ เด็กคนนี้เพิ่งจะอายุเท่าไรเอง จะเรียนได้เยอะแค่ไหนกัน?
หัวหน้าหลี่ดูเหมือนจะขี้โม้เกินไปหน่อยนะ
แต่ก็เข้าใจได้แหละ ถ้าเป็นเขาก็คงยกย่องเธอเหมือนกัน เพราะเข้าใจว่าเธอเกี่ยวข้องกับคุณฉือเก๋อไงล่ะ
ได้ยินว่าคุณฉือมีความสัมพันธ์กับคนนอกแผ่นดินใหญ่ด้วยนะ ไม่แน่ว่ามันอาจจะมีประโยชน์ในอนาคตก็ได้นะ
“คุณจะบอกว่าเด็กคนนั้นไม่มีทางเข้าใจได้หลายภาษาสินะครับ ผมคิดว่าเธออาจจะเรียนจากคุณฉือก็ได้นะ?”
หลังจากที่หัวหน้าหลี่เอ่ยจบ ผู้อำนวยการหูพลันคลี่ยิ้ม “ผมไม่ได้คิดถึงจุดนี้เลย อาจจะจริงก็ได้นะ”
ผู้อำนวยการหม่ามองหัวหน้าหลี่ จากนั้นก็พยักหน้า “คุณผู้พูด ได้ข่าวว่าคุณฉือเก๋อรู้ภาษาเยอรมันด้วย แต่ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า?”
ถ้าเชิญเขาออกหน้าได้ ปัญหาจะได้รับการแก้ไขแน่นอน
ไม่รู้ว่าศิษย์ลับ ๆ คนนี้เก่งกาจขนาดไหน ถ้าเชิญคุณฉือมาได้ก็คงจะดี
ตอนนั้นผู้อำนวยการหม่าลืมไปว่าตนกับเสี่ยวเถียนไม่ได้เกี่ยวอะไรกัน แล้วทำไมต้องขอให้เธอทำแบบนั้นด้วยล่ะ?
ในตอนที่เสี่ยวเถียนเดินออกไป ลูกค้าในร้านมีจำนวนเยอะขึ้น
เสี่ยวเถียนชอบภาพที่ร้านของตัวเองขายดิบขายดี
เพราะแบบนี้เราถึงเดินนำหน้าคนอื่นได้ไงล่ะ
เด็กสาวตัดสินใจเตรียมอาหารให้โต๊ะหัวหน้าหลี่
อย่างที่บอก นั่นคืออาหารจานหลัก
มีแปดจาน จานละหนึ่งเมนูเลย!
ไม่มีอาหารจานผัก มีแต่เนื้อล้วน ๆ รับรองว่าอิ่มท้องแน่นอน
ถ้าอาหารพวกนี้เสิร์ฟในยุคหลัง ๆ จะไม่มีใครกินแน่นอน
เพราะบางคนไม่ชอบอะไรเลี่ยน ๆ
เพราะท้องของคนยุคนี้ไม่ค่อยมีไขมัน เลยกินอาหารมื้อนี้ได้
หลังจากตระเตรียมอาหารจนเสร็จ เสี่ยวเถียนขบคิดอีกครั้งแล้วกลับไปที่ห้องส่วนตัว
ทันทีที่ไปถึงก็ได้ยินบทสนทนาที่ว่าอยากจะให้เธอช่วยไปเชิญฉือเก๋อมา
ซูเสี่ยวเถียนเกิดอาการสงสัย วันนี้เขามากินข้าวแทนที่จะดื่มสุราใช่ไหมล่ะ?
ถ้าอย่างนั้นก็ต้องระวังหน่อยแล้ว เธอตัดสินใจรออีกสักพักแล้วค่อยเข้าไปเสิร์ฟอาหารด้วยตัวเองดีกว่า
แต่พอคิดถึงลูกค้าที่ยิ่งเยอะขึ้นเรื่อย ๆ เธอควรเสิร์ฟหาอาหารให้พวกเขาเสียที ดังนั้นจึงไม่คิดให้เสียเวลา หลังจากเคาะประตูก็เดินเข้าไป
“เสี่ยวเถียน ทำไมถึงกลับเข้ามาล่ะ?” หัวหน้าหลี่รีบถาม
“หนูเตรียมอาหารเสร็จแล้วค่ะ เลยจะแนะนำอาหารแต่ละจานให้พวกคุณได้รู้จักค่ะ” เธอตอบอย่างเป็นกันเอง
หัวหน้าหลี่ยิ้ม “แค่มาเสิร์ฟเฉย ๆ ก็พอแล้ว ทำไมต้องลำบากด้วยล่ะ?”
เด็กสาว “ต้องทำให้พวกคุณพึงพอใจด้วยสิคะ”
“ถ้าอย่างนั้นบอกฉันหน่อยสิว่าวันนี้เตรียมอะไรให้เราบ้าง?” ผู้อำนวยการหูถามด้วยความสนใจ
เสี่ยวเถียนเอ่ยสิ่งที่เตรียมเอาไว้ อาหารทั้งแปดจาน เป็นอาหารจานเย็นสองจาน และอาหารจานร้อนอีกหกจาน หลัก ๆ จะเป็นเนื้อหมู และยังมีแกะตุ๋น เนื้อวัวสันนอกตุ๋นมะเขือเทศ และซุปแกะ
หัวหน้าหลี่พึงพอใจกับอาหารที่เสี่ยวเถียนเสิร์ฟมาก
อันที่จริงสีหน้าของพวกเขาประหลาดใจมาก
มันมีอาหารที่เนื้อเยอะขนาดนี้เชียวหรือ? แต่ถึงจะเป็นเนื้อหมูหลัก ๆ แต่มันดูดีมากนะ
แค่ฟังชื่ออาหารก็น่ากินแล้ว
“เสี่ยวเถียน บอกตรง ๆ นะ อาหารบนโต๊ะนี้แทบจะทำให้ผู้คนร้องไห้แล้ว” หัวหน้าหลี่เอ่ยชม
เด็กคนนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ แม้แต่อาหารที่เสิร์ฟก็ยังทำให้คนชอบได้เลย
“แต่มันเลี่ยนไปหน่อยนะ งั้นผมสั่งอาหารจานผักอีกสองจานแล้วกัน เป็นหัวไชเท้าผัดเปรี้ยวหวานกับปวยเล้งผัดถั่วเหลืองนะ”
ใบหน้าของเสี่ยวเถียนยังคงปรากฏรอยยิ้มเช่นเดิม ไม่ว่าพวกเขาจะคิดยังไง เธอจะต้องระมัดระวังให้มาก
“ไม่ต้องมาเสิร์ฟเองนะ แล้วก็คิดรวมเข้าไปด้วย อุตส่าห์ได้ทำธุรกิจทั้งที!” หัวหน้าหลี่รีบกล่าว
พวกเรามากจากโรงงานไฟฟ้า หาเงินได้เป็นกอบเป็นกำอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาเรื่องเงินค่าอาหารหรอก อีกอย่างเสี่ยวเถียนก็พูดถูก มื้อนี้ค่อนข้างเลี่ยนไปหน่อย ควรมีผักมากินสักสองจานคงจะดีนะ
เด็กสาวยิ้มโดยที่ไม่ได้พูดอะไร อีกฝ่ายยืนยันจะจ่ายเงินแล้ว เธอก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ
กระทั่งคล้อยหลังจากไป ผู้อำนวยการหูมองร่างที่หายไปอย่างครุ่นคิด
“ร้านนี้ดีจริง ๆ เลยนะ เสิร์ฟอาหารหลายจานได้ในคราวเดียวด้วย ไม่ธรรมดาเลย”
สิ่งที่หายากมากที่สุดในยุคนี้ไม่ใช่ฝีมือ แต่เป็นวัตถุดิบ
ต่อให้ฝีมือดีแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีวัตถุดิบก็ไร้ประโยชน์
น่าทึ่งจริง ๆ ที่หออีหมิงสามารถเสิร์ฟได้หลายเมนูในคราวเดียว
“ผู้อำนวยการหูครับ รสชาติอาหารของเขาดีด้วยนะ ถ้าวันนี้คุณลองแล้วรสชาติดี จากนี้มันจะกลายเป็นสถานที่ดี ๆ ในการพบปะของโรงงานเราในอนาคตเลยนะครับ” หัวหน้าหลี่แนะนำอีกครั้ง
และนี่คือจุดประสงค์หลักที่พาพวกเขามาที่นี่
เขาชอบซูเสี่ยวเถียนมาก และหวังว่าจะช่วยเธอได้สักหน่อย จึงคิดวิธีนี้ขึ้นมา