บทที่ 439 สลายหายไป
บทที่ 439 สลายหายไป
สถานที่พบปะของเราในตอนนี้คือร้านอาหารของรัฐ แต่มันหายากมากที่จะมีร้านดี ๆ แถมรสชาติก็เกินจะทนไหว
“ลองก่อนแล้วค่อยพูดเถอะ!” ผู้อำนวยการหูเป็นคนระมัดระวัง จึงยังไม่ได้ตอบตกลงในทันที
หัวหน้าหลี่รู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่มีทางตกลงอยู่แล้ว ถึงยังไงก็ต้องให้โอกาสกันหน่อย แต่จะคว้าได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับคนบ้านซูแล้ว
เสี่ยวเถียนกลับมายังห้องครัวเพื่อสั่งอาหาร ส่วนคุณย่าซูกับแม่ของเธอก็กำลังยุ่งหัวหมุน แล้วป้าอีกสองคนที่จ้างมาก็กำลังยุ่งอย่างขะมักเขม้นเหมือนกัน
แล้วก็ป้าอีกสองคนที่จ้างมากำลังช่วยเหมือนกัน
“คุณย่า มีลูกค้าสั่งอาหารเพิ่มค่ะ” เสี่ยวเถียนรีบแจ้งเมนูอาหารทันที
หญิงชราตกใจมากเมื่อรู้ว่าลูกค้าสั่งอาหารหลายอย่างในคราวเดียว
“ลูกค้ารายใหญ่คนนี้มาจากไหนเนี่ย ทำไมสั่งอาหารเยอะแยะแบบนี้!”
“หัวหน้าหลี่จากโรงงานไฟฟ้าตงเฟิงค่ะ พวกเขาไม่ได้ขาดเหลือเงินอะไรเลยอยากกินอะไรอร่อย ๆ ลำบากคุณย่าแล้วค่ะ และเราก็อาจจะทำธุรกิจได้อีกนะคะ”
เสี่ยวเถียนเปรย โรงงานใหญ่ขนาดนี้ต้องมีที่พบปะประจำกับลูกค้าอยู่แล้ว
และเสี่ยวเถียนเองก็คิดจะผูกมิตรกับลูกค้ารายใหญ่แบบนี้ด้วย แต่เธอก็รู้ดีว่ามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
นับว่าวันนี้ถือเป็นโอกาส เสี่ยวเถียนจะต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้ให้ได้
หญิงชราได้ฟังหลานสาวพูดขึ้นมาก็พลันตื่นเต้น
“ย่าเข้าใจแล้ว ย่าจะขยันขันแข็งแล้วกัน จะได้ทำอาหารที่พวกเขาอยากกิน”
หาได้ยากมากที่คุณย่าซูอายุมากขนาดนี้แล้วจะยังขยันขันแข็งแบบนี้
เมื่อเห็นในครัวยุ่งวุ่นวายขนาดนี้ ซูเสี่ยวเถียนก็อาสายื่นมือเข้าไปช่วย
อาหารหลายอย่างนี้ดูเหมือนว่าจะทำยาก แต่เรามีของสำเร็จรูปเตรียมไว้อยู่แล้ว
อาหารที่ใช้เวลาเยอะที่สุดกำลังเตรียมอยู่ เสี่ยวเถียนจึงกล้าที่จะแนะนำให้ และในไม่ช้าอาหารทยอยเสร็จทีละจาน เสี่ยวเถียนก็ยกออกมาเสิร์ฟด้วยตัวเองอีกครั้ง
เมื่อเห็นเช่นนั้น พวกหัวหน้าหลี่ประหลาดใจมาก
หรือเธอจะเป็นพนักงานของร้านนี้จริง ๆ?
“เสี่ยวเถียน ไม่เห็นต้องทำด้วยตัวเองเลย!” หัวหน้าหลี่ไม่รีรอเอ่ยความในใจออกไปทันที
เด็กสาวยิ้ม “หัวหน้าหลี่ ที่นี่คือธุรกิจของครอบครัวหนูค่ะ วันนี้หนูไม่มีอะไรต้องทำอยู่แล้ว เลยมาช่วยค่ะ!”
“เป็นเด็กที่รู้ความจังเลยนะ ให้ฉันทำเองไหม?”
หัวหน้าหลี่คิดว่าสองมือคู่นั้นควรใช้แปลเอกสารดีกว่ามาทำงานแรงงานเสียอีก
ผู้อำนวยการหูพูดไม่ออกยามเห็นท่าทางเอาใจใส่เช่นนั้น
เขารู้ว่าชายผู้นี้เป็นคนแบบไหน แต่ไม่เคยเห็นอีกฝ่ายเป็นเช่นนี้มาก่อนเลย
นี่พยายามเอาหน้าหรือ?
“ในร้านเรามีพนักงานค่ะ แต่หนูแค่อยากมาบริการพวกคุณโดยเฉพาะค่ะ” เสี่ยวเถียนรีบอธิบาย
เธอจะบอกว่าตัวเองอยากมาฟังในสิ่งที่พวกเขาคุยกันสินะ?
ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก!
แต่การที่เธอพูดแบบนี้ก็ทำให้พวกหัวหน้าหลี่รู้สึกไปแล้วว่าพวกตนได้รับเกียรติเป็นอย่างมาก
“เสี่ยวเถียน เธอก็มานั่งกินข้าวด้วยกันสิ” หัวหน้าหลี่รีบเอ่ย “ส่วนเรื่องเสิร์ฟอาหาร ให้พนักงานเขาทำเถอะ!”
“พวกคุณกินกันเลยค่ะ หนูยังต้องไปช่วยงานต่อ! วันนี้วันหยุด ลูกค้าเยอะมากเลย”
เป็นเรื่องจริงอย่างที่ว่า ตอนผู้อำนวยการหูออกไปห้องน้ำก็เห็นลูกค้าเต็มร้านเลย เรียกได้ว่าโต๊ะเต็มทุกโต๊ะ
ก่อนหน้านี้ก็ไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมหออีหมิงถึงมีลูกค้าเยอะนัก แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว
อาหารของพวกเขาบอกได้เลยว่าเต็มไปด้วยสีสัน กลิ่นหอม รสชาติดีทีเดียว
ด้วยฝีมือแบบนี้ การมาเปิดร้านในเมืองหลวงถือได้ว่าสู้ได้แน่นอน
อาหารหลายสิบจานนำมาเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว เสี่ยวเถียนไม่ได้ยินคนพวกนี้พูดถึงฉือเก๋ออีกแล้ว
เธอเสียใจมาก
แต่ในไม่ช้าก็โล่งใจที่คนพวกนี้โดนอาหารดึงดูด รออีกสักพักจะต้องพูดเรื่องก่อนหน้านี้ขึ้นมาอีกแน่นอน
ไม่ต้องรีบหรอก อยู่เฉย ๆ ดีกว่า รอให้อีกฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก็พอแล้ว
เมื่อสบายใจแล้ว เธอก็ออกไปรับลูกค้าต่อ
ผู้อำนวยการหูและผู้อำนวยการหม่ารู้สึกเหมือนได้เปิดหูเปิดตา และตอนนี้ก็โดนอาหารบนโต๊ะดึงดูดความสนใจไปเสียแล้ว
ทุกคนยุ่งอยู่กับการกิน กลัวว่าถ้าช้ากว่านี้จะโดนคนอื่นแย่งไป
อันที่จริงลืมไปเสียด้วยซ้ำว่าพวกเขาอยู่ในตำแหน่งอะไรกัน ใครเร็วใครได้ ไม่คิดด้วยว่าควรให้ผู้อำนวยการกินก่อนหรือเปล่า
โต๊ะอาหารที่มีชายหลายสิบคนต่างกินอาหารด้วยความเร็วแสง
ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงตั้งแต่เสิร์ฟกระทั่งกินเสร็จ
เสี่ยวเถียนกลับมาอีกครั้ง แต่สิ่งที่เหลือมีแต่น้ำซุป
เด็กหญิงได้แต่ตะลึงงัน เกิดอะไรขึ้นเนี่ย? ข้าวเพิ่งจะมา ทำไมกับข้าวหมดแล้ว?
หัวหน้าหลี่ลูบท้อง เขาอิ่มมาก แต่ไม่รู้ทำไมถึงอยากกินอีก!
สายตาเบนไปทางผู้อำนวยการหู
ผู้อำนวยการหู “สั่งเพิ่มอีกสี่จานที! สาวน้อย มีอะไรอยากแนะนำให้อีกไหม?”
เสี่ยวเถียนไม่รู้จะตอบยังไง
อาหารจานผักก็แล้ว ถ้าทำอีกจะได้กินตอนไหนล่ะ?
แต่ลูกค้าสั่งแล้ว เธอจะไม่รับไว้ก็ไม่ได้
“ถ้าทำตอนนี้อาจจะนานเกินไปนะคะ วันนี้ครัวเราเตรียมซี่โครงหมูตุ๋นกับขาหมูตุ๋นเอาไว้ จะรีบเอามาเสิร์ฟทันทีค่ะ แล้วก็เพิ่มเป็นหมูส้มกับเนื้อต้มค่ะ คุณเห็นด้วยไหมคะ?”
ตอนนั้นผู้อำนวยการหูกำลังเพลิดเพลินกับอาหาร เลยไม่ได้สนใจฟังเท่าไร
เขาโบกมือ “เอามาเถอะ จะได้กินกับข้าวพอดีเลย!”
เสี่ยวเถียนออกจากห้องไปด้วยความไม่อยากเชื่อ ทำไมตะกละกันขนาดนี้? กินไวกว่าคนที่หงซินอีกหรือ?
ได้ยินว่าโรงงานนี้ร่ำรวยมาก ยังไม่ต้องพูดถึงคนเป็นหัวหน้านะ แค่พนักงานก็รวยแล้ว
เอาเถอะ ขนาดเธอทำแบบพาร์ตไทม์ ยังเปลี่ยนจากคนจนเป็นคนรวยเลย
แล้วดูพวกเขาสิ ทำไมทำตัวเหมือนไม่ได้กินข้าวเลย?
ถ้าหัวหน้าหลี่รู้สิ่งที่เสี่ยวเถียนคิด เขาคงจะบอกว่า ไม่ใช่ว่าเราไม่เคยกินข้าวหรอก แต่เพราะอาหารของหออีหมิงมันอร่อยต่างหาก เลยหยุดกินไม่ได้
เอาซี่โครงหมูกับหมูตุ๋นออกมาจัดจานเป็นอันเรียบร้อย ส่วนหมูส้มที่เหลือก็ต้มในหม้อ ใช้เวลาไม่นานเท่าไร
สิ่งที่ยากคือเนื้อต้ม ต้องใช้มีดหั่นด้วยความไวเท่านั้น
ฝีมือเสี่ยวเถียนไม่ถึง จึงให้คุณย่าเป็นคนจัดการ
เธอเอาซี่โครงหมูตุ๋นกับขาหมูไปเสิร์ฟก่อน พอกลับมาอีกครั้งกลิ่นของเนื้อสัตว์ลอยฟุ้งเต็มห้องครัว
เมื่อหมูสามชั้นอยู่ภายใต้มีดของคุณย่า มันถูกแล่อย่างดีและบางอย่างกับปีกจักจั่น ก่อนนำมาวางบนจาน
ต้องบอกว่าคุณย่าซูเป็นคนที่เก่งจริง ๆ แค่วางไว้บนจานเฉย ๆ แต่พอเป็นแกที่จัดการกลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
เสี่ยวเถียนเอ่ยด้วยความตื่นเต้น “ฝีมือย่าไม่มีใครเทียบได้เลยค่ะ”
ในยุคนี้คนไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการจัดจานเท่าไร ความสามารถของคุณย่าซูจึงหาได้ยากมาก
หญิงชรามองหลานสาว “พูดได้ดี!”
เด็กสาวหัวเราะ แล้วนำจานหมูส้มไปเสิร์ฟหลังจากที่จัดเสร็จ
อาหารสี่จานถูกนำเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นพวกผู้อำนวยการหูรู้สึกอิ่มแล้ว
แต่เนื้อพวกนั้นดูน่าอร่อยมากเลย แม้แต่ข้าวยังอร่อยเลย ทำยังไงดี?
สุดท้ายคือพวกเขากินจนเกลี้ยง แม้แต่ข้าวก็ยังไม่เหลือสักเม็ด
พวกเขามองจานอันว่างเปล่าแล้วรู้สึกอับอายนัก
เราต่างก็เป็นคนมีหน้ามีตาแท้ ๆ ทำไมทำตัวเหมือนคนไม่เคยเห็นโลกแบบนี้ล่ะ?
ถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปได้โดนคนหัวเราะเยาะตายแน่!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่กำลังคิดว่าจะขอให้เสี่ยวเถียนช่วย พวกเขาอายเหลือเกิน
แต่ถึงจะน่าอาย สิ่งที่ควรจะพูดก็ต้องพูดออกไป!