สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด – บทที่ 6 ตอนที่ 70

บทที่ 6 ตอนที่ 70

ตามที่เฉิงอี้หรานดู นายทุนเบื้องหลังบริษัทเฟยอวิ๋น เอนเทอร์เทนเมนต์จะต้องมีทุนหนามากอย่างแน่นอน

เช่นนั้นถึงบ้านของคุณจงผู้นี้จะไม่ใหญ่โตหรูหราเหมือนพระราชวัง แต่อย่างน้อยก็ต้องเป็นแนวคฤหาสน์ส่วนตัว

ทว่าในความเป็นจริง ที่นี่กลับดูเรียบง่ายกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก

แน่นอน ถึงเรียบง่ายแต่ก็ไม่ใช่สถานที่ซึ่งพนักงานกินเงินเดือนธรรมดาจะซื้อได้

เฉิงอวิ๋นหยุดอยู่ที่หน้าประตู มองเฉิงอี้หรานอย่างสนใจ ครั้งนี้เฉิงอวิ๋นพาเฉิงอี้หรานมาด้วย และไม่ได้เรียกคนขับรถมาส่ง แต่เฉิงอวิ๋นขับรถมาเอง

เฉิงอวิ๋นพูดอย่างแปลกใจว่า “จริงสิ วางกีตาร์ของนายเอาไว้ในรถเถอะ นายเข้าไปแบบนี้ดูไม่ดีเท่าไร”

เขาพบว่าเฉิงอี้หรานยังคงแบกกีตาร์อยู่ จึงอดแปลกใจไม่ได้

แต่ก็ไม่ได้แปลกใจมากนัก เพราะมีนักดนตรีบางคนไม่ยอมให้เครื่องดนตรีห่างกาย ตอนที่เขาอยู่ในเมืองหลวงก็พบเจอกับนักวาดภาพและนักเขียนอักษรมากมายที่ไม่ยอมให้พู่กันห่างมือเช่นกัน

“ไม่จำเป็นหรอกครับ ผมถือไว้ดีแล้ว” เฉิงอี้หรานพยายามทำให้ตัวเองดูปกติ “วางไว้แล้วผมไม่ค่อยชิน”

“งั้นก็เอาเถอะ” เฉิงอวิ๋นไม่ได้พูดอะไรต่อ

ด้วยจงลั่วเฉินให้ความสำคัญกับเฉิงอี้หราน เฉิงอวิ๋นจึงไม่คิดจะทำเรื่องให้เกิดความบาดหมางกับเขา

อีกอย่าง เพลงของเฉิงอี้หรานก็เพราะจริงๆ! แม้แต่คนไม่สนใจดนตรีอย่างเฉิงอวิ๋นก็แทบจะเป็นแฟนเพลงของเขาแล้ว

ดังนั้นเขาจึงปฏิบัติกับเฉิงอี้หรานอย่างมีมารยาทและเกรงใจ

“งั้นพวกเราไปกันเถอะ คุณจงรอแล้ว” เฉิงอวิ๋นเงยหน้าขึ้น เห็นเงาคนกำลังมองลงมาผ่านกระจกบนชั้นสองของบ้าน

เป็นจงลั่วเฉินจริงๆ เฉิงอี้หรานรู้สึกเหมือนว่าเขากำลังลอบพิจารณาตัวเองอยู่…จึงเริ่มหนักใจเล็กน้อย

หลังจากผ่านประตูเข้าไปในบ้านแล้ว เฉิงอี้หรานถึงพบว่า เมื่อมองดูบ้านนี้อย่างละเอียด ก็ไม่ได้เรียบง่ายเหมือนตอนดูครั้งแรก

โดยเฉพาะบนผนังด้านหนึ่งของบ้านถูกไม้เลื้อยปกคลุมและมีตะไคร่น้ำเกาะ ให้ความรู้สึกของบ้านเก่ากระจายออกมาในทันที

“บ้านหลังนี้ไม่เลวเลยใช่ไหม?” เฉิงอวิ๋นหัวเราะ

เฉิงอี้หรานพยักหน้า ยิ่งยืนอยู่ที่นี่นานก็ยิ่งรู้สึกสงบ “ไม่เลวจริงๆ ครับ”

“ได้ยินมาว่าเจ้าของเดิมเป็นอาจารย์มหา’ลัย แต่เสียชีวิตไปแล้ว”

เฉิงอวิ๋นยักไหล่ “คนในครอบครัวของเขายกบ้านหลังนี้ให้บริษัทตัวแทนขายที่ดินจัดการออกขาย ตอนแรกฉันก็คิดว่าที่นี่เคยมีคนตายคงไม่ดีแน่ แต่คุณจงบอกว่าชอบถึงได้ซื้อมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อนนี้เอง”

เฉิงอวิ๋นพิจารณาดูบ้านหลังนี้แวบหนึ่ง ทันใดนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “จริงสิ ที่นี่มีห้องใต้ดินด้วย ก่อนหน้านี้คงเป็นห้องทำงาน แต่คุณชาย…คุณเฉิงบอกให้เปลี่ยนเป็นห้องเก็บเหล้า ถ้ามีโอกาสจะพานายไปดูสักหน่อย ในนั้นมีเหล้าอยู่เยอะเลย!”

ตอนนี้เฉิงอี้หรานยืนอยู่ในห้องรับรองแขก เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นจงลั่วเฉินกำลังเดินลงบันไดมา

จงลั่วเฉินจับราวบันไดค่อยๆ เดินลงมาทีละก้าว เหมือนจักรพรรดิที่กำลังกวาดตามองสรรพสิ่ง

แต่สายตาของเขาไม่ได้ออกจากร่างของเฉิงอี้หรานเลย

ทันใดนั้นเฉิงอี้หรานก็รู้สึกทั้งแปลกและคุ้นเคย…เขารู้สึกว่ามีกลิ่นอายบางอย่างบนตัวของจงลั่วเฉินที่ดูคล้ายกับพ่อค้าลึกลับคนนั้น

เขาดูไม่เหมือนคนมีอารมณ์และความปรารถนา

คนคนนี้คงไม่ใช่คนในคืนวันนั้น…แต่เฉิงอี้หรานก็รีบปฏิเสธความคิดนี้ในทันที อย่างแรก เสียงของสองคนนี้ไม่เหมือนกัน…เฉิงอี้หรานพบว่าเขาแทบจะไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเสียงของพ่อค้าลึกลับคนนั้นเหลืออยู่เลย เพียงแค่รู้สึกว่าไม่เหมือนก็เท่านั้น

อีกอย่างคือรูปร่างแตกต่าง…เขาพยายามครุ่นคิด แต่เขากลับพบว่าเขานึกไม่ออกเลยว่าพ่อค้าลึกลับคนนั้นมีรูปร่างอย่างไร

แต่ความรู้สึกแบบนี้…มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เฉิงอี้หรานขมวดคิ้วขึ้น

“มาแล้ว”

ใบหน้าไร้ความรู้สึกของจงลั่วเฉินปรากฏรอยยิ้มบางๆ มุมที่สมบูรณ์แบบทำให้ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขายิ่งดูน่าหลงใหลยิ่งขึ้น

“คุณจง ผมพาอี้หรานมาแล้วครับ” เฉิงอวิ๋นก้าวขึ้นมาข้างหน้า

“อืม” จงลั่วเฉินพยักหน้า แต่ก็เอ่ยขึ้นในทันใดว่า “เฉิงอวิ๋น ฉันยังไม่ได้กินข้าว นายขับรถออกไปซื้อของกินกลับมาหน่อยสิ”

เฉิงอวิ๋นรีบถามทันทีว่า “อยากกินอะไรครับ?”

“แล้วแต่นายเถอะ” จงลั่วเฉินพูด

เฉิงอวิ๋นพยักหน้า ไม่พูดอะไรอีก หันกลับไปมองเฉิงอี้หรานครู่หนึ่งแล้วก็ออกจากประตูไป…เขารู้ว่าคุณชายรองคิดจะให้เขาออกไปเท่านั้น

แน่นอน อาหารที่ควรซื้อก็ต้องซื้อกลับมา อีกทั้งยังต้องขับรถออกไปซื้อด้วย ไม่งั้นจะกลายเป็นคนสนิทได้อย่างไร?

“คิดไม่ถึงว่าคุณชายรองจะให้ความสำคัญกับเฉิงอี้หรานขนาดนี้”

เฉิงอวิ๋นขับรถไปพร้อมกับสูบบุหรี่

ก่อนจากไป เขายังล้วงโทรศัพท์ออกมาจากเสื้อ…นี่ไม่ใช่โทรศัพท์เครื่องที่เขาใช้เป็นประจำ แต่เป็นโทรศัพท์ที่เขาใช้โทรหาเฉพาะบุคคล

“สวัสดีครับ คุณหนูสาม คุณชายรองกับเฉิงอี้หรานกำลังคุยกันเป็นการส่วนตัว แต่ผมไม่รู้ว่าพวกเขาจะพูดคุยเรื่องอะไรกัน…”

รถขับไปอย่างนิ่มนวล

เฉิงอี้หรานคิดไม่ถึงว่าโอกาสจะมาเร็วเช่นนี้

หลังจากเฉิงอวิ๋นจากไปแล้ว จงลั่วเฉินก็ไม่พูดพร่ำเพรื่อพาเขาไปยังห้องเก็บเหล้าใต้ดิน

บนชั้นวางมีไวน์แดงที่เฉิงอี้หรานอ่านชื่อไม่ออกอยู่เต็มไปหมด

จงลั่วเฉินนั่งอยู่กลางโซฟารูปวงแหวน ก่อนรินเหล้าด้วยตัวเอง “ชิมดู ฉลองสักหน่อย เมื่อคืนวานคุณแสดงได้ดีทีเดียว”

“คุณจง คุณหาผม…มีเรื่องอะไรเหรอครับ?” เฉิงอี้หรานลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยถาม

เขาพบว่าประตูห้องเก็บเหล้าใต้ดินปิดอัตโนมัติแล้ว ก่อนเข้ามา เขาพบว่าห้องเก็บเหล้าใต้ดินนี้มีประตูหนักสองบาน ประตูหนักบานแรกเป็นประตูเหล็กขนาดใหญ่ที่มีระบบล็อกแบบอิเล็กทรอนิกส์

“พูดเรื่องของคุณบนโลกออนไลน์มามากแล้ว” จงลั่วเฉินยิ้มและเอ่ยว่า “พวกเรามาคุยเรื่องอื่นกันเถอะ…ให้ผมดูกีตาร์ด้ามนี้ของคุณหน่อยได้ไหม?”

“ไม่มีอะไรน่าดูหรอกครับ ก็แค่กีตาร์เก่าเท่านั้น” เฉิงอี้หรานรู้สึกหวั่นใจขึ้นในทันที เขาไม่แน่ใจว่าสายตาของตัวเองจะทรยศหรือเปล่า

“งั้นเหรอ”

จงลั่วเฉินไม่ได้บังคับหรือรู้สึกผิดหวังอะไร เพียงแต่หัวเราะและเอ่ยว่า “ครั้งก่อนพบเจอคุณตอนกินข้าว คุณก็แบกมันไว้ ครั้งนี้ก็แบกมาอีก ผมยังคิดว่ามันมีความหมายพิเศษกับคุณมากเสียอีก ก็เลยเริ่มสนใจนิดหน่อยน่ะครับ”

ชะล่าใจเกินไปแล้ว!

คำพูดของจงลั่วเฉินทำให้เฉิงอี้หรานรู้สึกถึงจุดผิดปกติทันที และตระหนักว่าตัวเองละเลยปัญหานี้มาตลอด!

ถึงจะเป็นคนที่ชอบดนตรีขนาดไหน ก็ไม่มีใครแบกกีตาร์ทั้งวันไม่ยอมให้ห่างกายเหมือนเขา

นี่เป็นเรื่องประหลาดเกินไปจริงๆ! เมื่อเวลาผ่านไปนานแล้วก็ยากจะเลี่ยงไม่ให้คนสังเกตได้…

แต่หากกีตาร์ด้ามนี้ไม่อยู่ในสายตาของเขาแล้ว เขาก็สงบใจได้ยาก…

“นิดหน่อยน่ะครับ” เฉิงอี้หรานพยักหน้าเบาๆ หลบสายตาไปทางอื่น “แต่เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้วเท่านั้น”

“ที่นี่มีทางออกเดียว” ทันใดนั้นจงลั่วเฉินก็พูดขึ้นมา “อีกทั้งยังใช้เสียงสั่ง มีเพียงผมเท่านั้นที่เปิดได้”

เฉิงอี้หรานชะงัก ทันใดนั้นหัวใจก็เต้นแรงขึ้น!

นายทุนผู้อยู่เบื้องหลังของบริษัทเฟยอวิ๋นผู้นี้คิดจะทำอะไรกันแน่

จงลั่วเฉินจิบไวน์แดงและเอ่ยว่า “ไม่ต้องตกใจไป ความหมายที่ผมพูดเมื่อครู่ก็คือ…เนื้อหาที่พวกเราพูดคุยกันในนี้จะไม่มีใครรู้ แน่นอน…”

เขาหรี่ตาลง จ้องเฉิงอี้หรานเอ่ยว่า “แน่นอน! ที่ผมพูดหมายถึงคนธรรมดา…ส่วนอื่นๆ นั้นยากจะบอกได้”

เฉิงอี้หรานหัวใจเต้นแรง เขาได้ยินบางอย่างในคำพูดของคุณจงผู้นี้…ค่อยๆ แทงเข้าไปในส่วนลึกของหัวใจเขา

เฉิงอี้หรานเอ่ยต่อ “คุณจง ผมไม่เข้าใจที่คุณพูด”

จงลั่วเฉินพูดอย่างจริงจังว่า “ที่ผมอยากพูดก็คือ…เฉิงอี้หราน คุณเคยคิดไหม ว่าบางทีคุณกับผมอาจจะเป็นคนประเภทเดียวกัน”

ประเภทเดียวกัน?

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

มีตำนานเล่าขานกันว่า เมื่อคุณมีความปรารถนาอันแรงกล้า สถานที่แห่งหนึ่งจะปรากฏสู่สายตาของคุณ

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่แค่ตำนานเล่าขาน แต่มันมีอยู่จริง…ที่นี่

เมื่อคุณได้ก้าวเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ ไม่ว่าความปรารถนาของคุณจะเป็นอะไร ที่แห่งนี้พร้อมจะบันดาลให้มันเป็นจริง

แต่เราไม่ได้ให้คุณเปล่าๆ ทุกความปรารถนาย่อมมีสิ่งแลกเปลี่ยน ถ้าคุณไม่รู้จะแลกกับสิ่งไหน เราก็มีตัวเลือกให้คุณ…ความสุข อิสรภาพ หรืออายุขัย?

คุณพร้อมจะแลกเปลี่ยนกับเราแล้วหรือยัง?

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ดยินดีต้อนรับ…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท