เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] – บทที่ 442 ไม่ไว้หน้า

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

บทที่ 442 ไม่ไว้หน้า

บทที่ 442 ไม่ไว้หน้า

ถึงฉือเก๋อจะมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่สำหรับผู้อำนวยการหม่าก็ไม่ได้รู้ว่าโด่งดังมากขนาดนั้น และแม้เขาจะเป็นผู้มีความรู้ที่น่าเคารพยกย่องในเมืองหลวง แต่ว่านั้นก็ผ่านมาแล่วตั้งกี่ปีล่ะ?

เวลาเปลี่ยนอะไร ๆ ก็เปลี่ยน เขาไม่มีสถานะเหมือนในตอนนั้นอีกแล้ว แค่เรียกว่าคุณฉือด้วยความเคารพก็ถือว่าไว้หน้าเขามากพอแล้ว แล้วเด็กคนนี้ไม่รู้หรือไงว่าอาจารย์ตัวเองมีตำแหน่งยังไง?

สำหรับเสี่ยวเถียนแล้ว เธอไม่รู้ว่าผู้อำนวยการหม่าไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดยังไง หลังจากพูดจบก็มองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชาด้วยสายตาเย็นชา

ถึงจะไม่สามารถเดาได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่เธอรับรู้ได้โดยจิตใต้สำนึกว่าเขาต้องไม่ใช่คนรับมือง่ายแน่ ๆ

ผู้อำนวยการหม่าต่างไปจากคนของโรงงานไฟฟ้า

เวลาเขามองคนอื่น ๆ สายตาไม่ได้มีความเคารพนับถือ แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความโอหัง ในสถานการณ์ปกติ ผู้นำแบบนี้จะไม่ค่อยสะดวกพูดคุยกัน

บางทีเสร็จธุระเมื่อไรอาจจะบ่นตามมาอีกเป็นกระบุงก็ได้

“สิ่งที่เธอพูดก็มีเหตุผล ถ้าแบบนั้นรบกวนเธอพูดต่อหน้าเขาได้หรือเปล่า!”ผู้อำนวยการหูกล่าวอย่างสุภาพ

เขาและผู้อำนวยการหม่ารู้จักกันมาไม่ถึงปีสองปีหรอก หลังจากที่คบกันมาหลายปีก็รู้จักนิสัยใจคอกันเป็นอย่างดี มีหรือจะมองไม่ออกว่าอีกฝ่ายคิดอะไร

ผู้อำนวยการหูบ่นอุบในใจ

สหายหม่าก็จริง ๆ เลย นี่มันใช่เวลาทำตัวเป็นหัวหน้าเสียที่ไหนล่ะ

เวลาขอร้องให้คนอื่นช่วย ก็ต้องทำเหมือนว่ากำลังขอร้องด้วยสิ! แต่กลับทำตัวอย่างกับคนอื่นติดหนี้บุญคุณเสียได้ เห็นแบบนี้ท่าจะไม่ใช่เรื่องดีแล้ว

แต่ด้วยนิสัยของสหายหม่า คงจะพูดออกไปตอนนี้ไม่ได้หรอก

เสี่ยวเถียนยังประทับใจต่อผู้อำนวยการหูและหัวหน้าหลี่เหมือนเดิม ดังนั้นเพราะเห็นแก่พวกเขาหรอกนะ เสี่ยวเถียนเลยยินดีจะไปถามปู่ฉือให้ว่าอยากพบพวกเขาหรือเปล่าแล้วกัน

“พรุ่งนี้หนูจะไปถามให้ค่ะ แต่ไม่รับประกันนะคะว่าคุณปู่จะเห็นด้วย” เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะตามมา เธอจึงไม่ได้เอ่ยคำขาด

“ขอบคุณเธอมาก เรื่องนี้ต้องรบกวนเธอแล้วล่ะ พรุ่งนี้เย็น ๆ ฉันจะมาใหม่นะ”

หัวหน้าหลี่กลัวว่าถ้ายังอยู่ต่อจะเกิดปัญหาอื่นตามมา เลยรีบพูดอย่างรวดเร็วแล้วเตรียมจะจากไป

เสี่ยวเถียนเองก็ไม่คิดจะรั้งพวกเขาเอาไว้ เธอไม่มีเวลาแม้แต่จะมองหน้าผู้อำนวยการหม่าด้วยซ้ำ

อาหารมื้อนี้ราคาไม่ใช่น้อย ๆ เพราะทุกอย่างล้วนเป็นอาหารจานหลัก ราคาของมันจึงค่อนข้างสูง

ในตอนที่หัวหน้าหลี่จ่ายบิล เสี่ยวเถียนลดให้เขาห้าเปอร์เซ็นต์

“เสี่ยวเถียน เกรงใจเกินไปแล้ว เธอทำธุรกิจนะ ไม่จำเป็นต้องลดราคาเลย”

เทียบกับความสุภาพที่หัวหน้าหลี่มีแล้ว ผู้อำนวยการหม่ากลับรู้สึกไม่สบายใจแล้วเอาแต่พูดจาแสลงหู

“ราคามันสูงกว่าร้านอาหารของรัฐนะ ยังไงก็ควรจะมีส่วนลดอยู่แล้ว สหายหลี่ ผมคิดว่าถ้าใช้บิลของทางโรงงานจ่าย คุณก็คงไม่ได้ใจกว้างขนาดนั้นใช่ไหม?”

เสี่ยวเถียนลอบกลอกตามองบน

คนแบบนี้เอาตาไว้บนหัวหรือยังไงกัน?

หัวหน้าหลี่มีสีหน้าย่ำแย่มาก และก็เขาอดบ่นงึมงำไม่ได้ วันนี้โดนหมาบ้ากัดเสียแล้วสิ!

ผู้อำนวยการหม่าสำคัญตัวเองขนาดนี้เลยหรือ?

ส่วนผู้อำนวยการหูรู้สึกอับอายขายหน้ามาก จึงรีบจัดการให้มันเสร็จ ๆ “เรายังมีเรื่องต้องจัดการต่อที่โรงงานน่ะ ขอตัวก่อนนะ!”

เขารู้สึกว่ามันน่าแปลกใจเหลือเกิน สหายหม่าคนนี้เมื่อก่อนรับมือยากยังไง แต่ก็ไม่ได้มีท่าทางเหมือนตอนนี้เสียหน่อย

แล้ววันนี้ก็ยังทำตัวแปลก ๆ อีกด้วย

เปิดประตูทำธุรกิจทั้งที เสี่ยวเถียนไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนี้เลย เธอจึงยิ้มการค้าแล้วส่งพวกเขาออกไป

หัวหน้าหลี่จงใจเดินข้าง ๆ เด็กสาว

“เสี่ยวเถียน วันนี้ขอโทษด้วยนะ เธออย่าไปใส่ใจเขาเลย!”

เสี่ยวเถียนยิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะ!”

เราทำธุรกิจนะ จะเรื่องมากกับลูกค้าไม่ได้ใช่ไหมล่ะ? ว่าจบลูกค้ากลุ่มนี้ก็เดินมาถึงประตูทางทางออกแล้ว

เสี่ยวเถียนเหนื่อยเหลือเกิน เธอทนรอส่งผู้อำนวยการหม่าที่เหมือนปู่รองไม่ไหวแล้ว

ตอนนั้นเองที่เสี่ยวเถียนเห็นฉือเก๋อเดินเข้ามาในกรอบสายตา

มันทำให้เธอเกิดความลังเลขึ้นมา

ไม่รู้ว่าตนเองควรแนะนำฉือเก๋อหรือเปล่านะ เธอมีลางสังหรณ์ว่าถ้าทำเช่นนั้น ทุกอย่างอาจจะเป็นไปในทางที่ไม่ดีเท่าไร

ขณะที่กำลังลังเล ฉือเก๋อก็เอ่ยขึ้น

“เสี่ยวเถียน ไม่ทักทายกันหน่อยหรือไง แกล้งมึนหรือเปล่าเนี่ย?” ฉือเก๋อไม่ได้มองไปที่คนกลุ่มนี้

เพราะมันเป็นร้านอาหาร เลยมีลูกค้าเข้าออกตลอด อีกฝ่ายพูดขึ้นแล้ว เสี่ยวเถียนจึงแกล้งตีมึนต่อไปไม่ได้แล้ว

เธอก้าวออกไปด้วยรอยยิ้ม “คุณปู่พูดอะไรคะเนี่ย เด็กฉลาดแบบนี้จะมึนได้ยังไงกัน?”

“ไม่มึน ๆ” ชายชรายังปฏิบัติต่อเสี่ยวเถียนเหมือนเด็ก ๆ ตอนที่เขาพูดท่าทางดูเป็นกันเองเป็นอย่างมาก

ผู้อำนวยการหม่าเห็นความสนิทสนมระหว่างทั้งสอง แถมเสี่ยวเถียนยังเรียกว่าคุณปู่ฉือด้วย จึงเข้าใจในทันที

คนตรงหน้านี้จะต้องเป็นฉือเก๋อในตำนานแน่นอน

หัวหน้าหลี่ ผู้อำนวยการหู และคนอื่น ๆ สัมผัสได้ว่าคนตรงหน้าจะต้องเป็นคุณฉือที่พวกตนกำลังตามหาแน่นอน

ไม่คิดเลยว่าไม่ต้องใช้ความพยายามสักนิด

อีกอย่างความสัมพันธ์ของทั้งสองครอบครัวคงดีจริง ๆ เพราะอีกฝ่ายมาหาเสี่ยวเถียนถึงบ้าน แถมยังมีท่าทางเอ็นดูเสียขนาดนั้น

เห็นได้เลยว่าเสี่ยวเถียนเป็นที่ชื่นชอบของฉือเก๋อมาก

หัวหน้าหลี่รีบขยิบตาให้เด็กสาว ส่งสัญญาณบอกว่าให้ช่วยแนะนำที แต่ผู้อำนวยการหม่ารอไม่ได้อีกแล้ว เขามองไปที่ฉือเก๋อแล้วเอ่ยปากทันที

“คุณคือคุณฉือ ฉือเก๋อใช่ไหมครับ? ผมขอแนะนำตัวเองนะ ผมชื่อหม่าว่านกั๋วเป็นรองผู้อำนวยการของโรงงานผ้าไหมครับ”

ผู้อำนวยการหม่าก้าวออกไปแนะนำตัวทันทีไม่รอให้พลาดโอกาส แต่ว่าตอนที่แนะนำตัวท่าทางดูถือตัวไม่น้อย

ไม่แปลกใจเท่าไรที่หม่าว่านกั๋วจะถือตัว เพราะโรงงานผ้าไหมถือเป็นโรงงานขนาดใหญ่ในเมืองหลวง

ประเด็นคือปลายปีมานี้โรงงานผ้าไหมมีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับทางเยอรมนี แถมโรงงานของเรายังทำเงินในอัตราต่างประเทศให้กับประเทศได้จำนวนมหาศาลเลยด้วย

ไม่นับตำแหน่งผู้อำนวยการนะ แค่เป็นคนงานก็ถือว่ามีเกียรติแล้วเวลาเดินบนท้องถนน

แล้วฉือเก๋อเป็นใครล่ะ?

ฉือเก๋อเป็นคนมีความรู้ มีความสูงส่งอยู่ในสายเลือด อีกฝ่ายเพียงแค่เหลือบมองและไม่พูดอะไรสักคำ ก่อนพยักหน้าตามมารยาท

คนอย่างฉือเก๋อก็แบบนี้แหละ คุณเคารพฉัน ฉันเคารพคุณ คุณถือตัว แต่ฉันถือตัวยิ่งกว่า

ท่าทางของฉือเก๋อเกินกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้ด้วยซ้ำ

สีหน้าของหม่าว่านกั๋วบูดบึ้งหน้าเกลียดทันที

ตาแก่นี่มันจริง ๆ เลยนะ…

เขากำลังคิดว่าตาแก่นี่อาจจะอยู่ที่ตะวันตกเฉียงเหนือมานานเลยไม่รู้ว่าในเมืองหลวงมีโรงงานดี ๆ อยู่ ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาคิดว่าสิ่งที่ตัวเองคิดค่อนข้างมีเหตุผลนิดหน่อย เขากำลังขอร้องคนอื่นอยู่ก็ต้องทำท่าทางให้เหมือนหน่อย

เมื่อคิดเช่นนี้เขาก็ตัดสินใจที่จะกลั้นใจ

“คือแบบนี้ครับคุณฉือ ผมมีเรื่องอยากจะปรึกษา ทางโรงงานของเราจะมีการเจรจากับทางเยอรมนีในเร็ว ๆ นี้ แต่ล่ามของเราเกิดปัญหาชั่วคราว เลยไม่สามารถเข้าร่วมกับการเจรจาได้ จึงหวังว่าคุณจะช่วยผม”

ถึงแม้จะเป็นการขอร้องผู้อื่น แต่ท่าทางไม่เหมือนกำลังขอร้องเลย กลับกันมันเหมือนผู้บังคับบัญชากำลังแจกแจงงานให้ลูกน้องอยู่เลย

เสี่ยวเถียนตะลึง เขากำลังพูดอะไรอยู่เนี่ย?

ล่ามของตัวเองมีปัญหาแล้วมันเกี่ยวอะไรกับคนอื่น?

พนักงานของตัวเองมีเรื่องเลยต้องให้คนอื่นมาช่วย?

ทำอะไรเนี่ย?

หน้าหนาขนาดนี้เลยหรือ?

ผู้อำนวยการหูและคนอื่น ๆ จากโรงงานไฟฟ้าต่างตระหนกตกใจ

พวกเขาคิดว่าผู้อำนวยการหม่าไม่ชอบเสี่ยวเถียนเพราะอีกฝ่ายมีท่าทียโสโอหัง แต่ตอนนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะขนาดฉือเก๋อเขายังไม่แสดงท่าทีเคารพเลย

เขาทำอะไรเนี่ย?

เพราะคิดว่าตัวเองเป็นรองผู้อำนวยการหรือ? ถ้าไม่ใช่เพราะการศึกษาสูงกว่า ผู้อำนวยการหู เขาคงเอ่ยปากด่าไปแล้ว

คนแบบคุณฉือน่ะ ยังไม่ต้องพูดถึงรองผู้อำนวยการก็ได้ แค่ผู้อำนวยการ โอ๊ะ ไม่สิ ขนาดหัวหน้าแผนกระดับสูงยังให้ความเคารพเลย

ผู้อำนวยการหูตัดสินใจว่า จากนี้หากไม่จำเป็นอะไรจะอยู่ให้ห่างจากหม่าว่านกั๋วซะ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

Status: Ongoing
ซูเสี่ยวเถียนผู้มีชีวิตล้มลุกคลุกคลานได้ย้อนเวลามายังยุค 70 แล้วเกิดใหม่ในร่างเดิมครั้งเมื่ออายุ 7 ขวบ ผู้ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยพี่ชายสุดคลั่งรักเก้าคน โดยการทะลุมิติในครั้งนี้มีระบบวิเศษติดตัวมาด้วย คือ ‘ระบบอ่านหนังสือ’ ซึ่งมาพร้อมกับห้องสมุดส่วนตัว เธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีปัญหาใดที่หนังสือไม่อาจแก้ไขได้ แต่หากแก้ไขไม่ได้ล่ะ? ก็อ่านหนังสือเพิ่มอีกสักสองเล่มแล้วกัน! หากว่ายังไม่พอก็อ่านเพิ่มอีกสักหลายเล่มหน่อย เธอไม่เพียงแต่อ่านมันคนเดียวเท่านั้น แต่ยังโน้มน้าวพี่ชายสุดแสบทั้งเก้าให้อ่านหนังสือกับเธออีกด้วย ทั้งยังชักชวนให้ผู้เป็นบิดาและมารดาให้มาอ่านหนังสือด้วย แม้แต่คุณปู่และคุณย่าก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้!เมื่อทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับรางวัลเป็นของตอบแทน ยิ่งทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไร ก็จะได้รางวัลมากขึ้นเท่านั้น! ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการอ่านหนังสือจะทำให้เส้นทางชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท