เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] – บทที่ 452 นี่คือโอกาส (1)

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

บทที่ 452 นี่คือโอกาส (1)

บทที่ 452 นี่คือโอกาส (1)

ขณะที่คุณปู่และคุณย่าซูกำลังคิดว่าทำไมต่งหยวนจงถึงอยู่ร่วมกับคนอื่น ทหารคนนั้นก็กลับมา

คราวนี้สายตาของทหารไม่มีแววถือตัวอีกต่อไป สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเคารพบ้านซูมากยิ่งขึ้น

เสี่ยวเถียนสามารถพบปัญหานี้ได้อย่างรวดเร็ว

“สวัสดีครับ เมื่อครู่ผมโทรไปที่บ้านหัวหน้าต่งแล้ว ท่านบอกว่าจะส่งคนมารับพวกคุณครับ” น้ำเสียงของเขามีความประจบสอพลอกว่าเดิม

ตลกแล้ว คนที่จะยืนเฝ้าประตูได้จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาและมีการสังเกตด้วย

ส่วนคนที่สามารถทำให้หัวหน้าต่งส่งคนมารับได้แทนที่จะให้ยามหน้าประตูพาเข้าไป ก็คงไม่คนธรรมดาอย่างแน่นอน

คนพวกนี้จะต้องเป็นญาติคนสำคัญของตระกูลต่งแน่

อาจจะเป็นพี่น้องของหัวหน้าต่งอะไรแบบนั้นก็ได้

“ขอบคุณค่ะ! สหาย!” เสี่ยวเถียนยิ้มขอบคุณ

ที่จริงเธอก็อยากรู้เหมือนกันว่าปู่รองส่งใครมารับ?

บอดีการ์ดคนที่มาหาครั้งล่าสุดหรือเปล่า? เด็กหนุ่มคนนั้นชื่ออะไรนะ?

โอ๊ะ! ชื่อถงซิงอัน

ผู้อาวุโสทั้งสองมองหน้ากัน ให้คนมารับหรือ มาถึงหน้าประตูแล้ว เราเดินเข้าไปเลยก็ไม่ได้หรือ?

มีอยู่เรือนเดียว จะทำให้พวกเขาลงทางได้อย่างไร? แต่พวกเขาฉลาดพอที่จะไม่พูดออกไป

เสี่ยวเถียนและพี่ ๆ ที่ยืนอยู่ในท่าทางสบาย ๆ แม้จะดูไม่มีระเบียบ แต่ก็ไม่ได้ทำโดยเจตนา

คุณปู่คุณย่าเห็นสีหน้าสงบนิ่งของหลานก็ไม่ได้รู้สึกร้อนรนอีก

“ตาเฒ่า ทำไมกฎระเบียบตระกูลใหญ่โตแบบนี้ถึงเยอะนัก?”

เพราะไม่ได้รีบอะไร คุณย่าซูจึงเอ่ยถามหลังจากรออยู่พักหนึ่ง

ชายชรามองอย่างมีความหมาย “เพราะว่าเป็นตระกูลใหญ่โตไงถึงได้มีกฎเยอะ ยังจะถามอีก!”

หญิงชราจ้องมองสามีปราดหนึ่ง

เออ ถามเพราะเหงาเนี่ย!

ถ้ารู้ก่อนหน้านี้ก็คงไม่ถามออกมาหรอก

ในขณะที่ทั้งสองกำลังสบตา ตอนนั้นเองก็มีคนคนหนึ่งเดินผ่านเข้ามาในกรอบสายตา

ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือผู้อำนวยการหูจากโรงงานไฟฟ้า

ผู้อำนวยการหูเดินผ่านมาโดยบังเอิญก่อนจะเห็นคนกลุ่มนี้ และรู้สึกคุ้นตาเลยมองอยู่หลายครั้ง

ตอนแรกคิดว่าตาฝาดไป แต่ใครจะรู้ว่าเป็นคนบ้านซูจริง ๆ

ก่อนหน้านั้นได้ยินว่าพวกเขาเปิดร้านอาหารและมาจากฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ ถึงจะรู้ว่าเป็นสหายของฉือเก๋อ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก

แต่ตอนนี้เห็นพวกเขายืนอยู่ที่ประตูใหญ่

และคนที่อาศัยอยู่ลานบ้านขนาดกว้างนี้คือผู้อำนวยการโรงงานไฟฟ้าของพวกเรา ตำแหน่งที่ปีนขึ้นไปไม่ถึง

คนบ้านซูเกี่ยวข้องกับคนในลานแห่งนี้หรือ?

เพราะดูท่าทางของทหารเหล่านี้เหมือนจะเคารพคนบ้านนี้มากเลย! ถึงจะอยู่ไกล แต่ก็ยังเห็นได้ชัด

คนที่เฝ้ายามหน้าประตูตรงหน้าเหมือนจะดูถือตัวกว่าคนอื่น ๆ ไม่ใช่ว่าจะเคารพทุกคน

หรือนอกจากเปิดร้านอาหารแล้ว ยังมีสถานะอื่น ๆ อีกด้วย?

พอคิดถึงความเป็นไปได้ ผู้อำนวยการหูอดเช็ดเหงื่อเย็น ๆ ที่ผุดซึมออกจากหน้าผากไม่ได้

แม่เจ้า! โชคดีที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ไปทำให้พวกเขาขุ่นเคือง

ถ้าเขาทำตัวเหมือนสหายหม่า ได้จบเห่แน่!

ในตอนที่กำลังแอบดีใจ จู่ ๆ ก็มีคนเดินเข้ามาตบไหล่โดยไม่รู้ตัว ผู้อำนวยการหูสะดุ้งก่อนหันไปหา แล้วก็พบว่าเป็นคนรู้จักกัน

ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นรองผู้อำนวยการอีกท่านของโรงงานผ้าไหมชื่อหลี่ว์หรูหยา

“สหายหู มองอะไรอยู่น่ะ? มาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่หน้าประตูเขา!”

เห็นอีกฝ่ายตกใจ ผู้อำนวยการหลี่ว์อดแซวเล่นไม่ได้

ผู้อำนวยการหูยิ้มเขิน “เห็นคนรู้จักน่ะ”

หลี่ว์หรูหยามองไปรอบ ๆ ก่อนจะเห็นคนแก่สองคนกับพวกเด็ก ๆ แต่เขาไม่รู้จัก และสหายก็ไม่ได้บอกว่าเป็นใคร ส่วนตัวเขาก็ไม่ได้ถามอะไรมาก

“ไปด้วยกันไหมสหายหู?”

เขาเอ่ยทัก ก่อนอีกฝ่ายจะตอบตกลง

โรงงานของเราอยู่ทางเดียวกัน จึงเดินไปด้วยกันได้

ขณะที่กำลังเข็นจักรยาน หลี่ว์หรูหยาก็ถอนหายใจ

“ผู้อำนวยการหลี่ว์ นี่เพิ่งตอนเช้าเอง ทำไมถอนหายใจแล้วล่ะ นี่ไม่ใช่นิสัยคุณเลยนะ!” ผู้อำนวยการหูเอ่ยถาม

“พูดไปก็น่าเป็นห่วง เหลือเวลาอีกหนึ่งสัปดาห์ พ่อค้าชาวเยอรมันก็จะมากันแล้ว แต่ยังไม่เจอนักแปลที่เหมาะสมเลย หัวผู้อำนวยการแทบหงอกหมดแล้ว!”

ผู้อำนวยการหูไม่พอใจ

หมายความว่ายังไงที่ผู้อำนวยการจะหัวหงอกเพราะเรื่องนี้?

ชายคนนั้นหัวหงอกไปตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือไง? แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องนี้

สิ่งที่เขาคิดคือ ก็มีนักแปลมาหาถึงหน้าประตูบ้าน แต่ตัวเองปฏิเสธไม่ใช่หรือไง?

การจะหาคนที่เหมาะกว่านี้จากทั้งเมืองมันไม่ง่ายนะ

“ผ่านมาตั้งสัปดาห์นึงแล้วนะ ฉันคิดว่าผู้อำนวยการหม่าของพวกคุณจะพบนักแปลที่เหมาะแล้วเสียอีก”

ผู้อำนวยการหูกล่าวด้วยความย่ามใจเล็กน้อย

แต่ผู้อำนวยการหลี่ว์กลับผงะไปชั่วครู่และถามว่า “ผ่านมาตั้งสัปดาห์นึงคืออะไรน่ะ?”

ผู้อำนวยการหูรีบโบกมือทันที “ไม่มีอะไร ๆ!”

แต่เขาไม่ใช่คนโง่ มีหรือจะมองไม่ออกว่าอีกฝ่ายต้องรู้อะไรมาแน่ ๆ

“สหายหู อย่าทำตัวไร้เหตุผลน่า บอกมา พวกเราสนิทกันมาหลายปี ปิดบังกันแบบนี้มันหมายความว่ายังไง?”

ผู้อำนวยการหลี่ว์พูดตรงประเด็นมาก แล้วเขาจะทำอะไรได้อีกล่ะ? สุดท้ายก็ต้องเล่าออกไป

พอได้ยินว่าผู้อำนวยการหม่าได้เจอฉือเก๋อ แต่ดันทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคือง หลี่ว์หรูหยาก็โมโหจัด

ผู้อำนวยการหม่าอยู่ตำแหน่งนี้มานาน พึ่งพาตัวเองจนกระทั่งเป็นรองผู้อำนวยการคนแรก อายุอานามก็ไม่น้อย อีกสองสามปีก็เกษียณแล้วด้วย แต่อำนาจไม่ได้น้อยลงเลย

ยังไม่ต้องพูดถึงคนอื่นนะ ขนาดเขาเป็นรองผู้อำรวยการคนที่สองก็ยังไม่ปฏิบัติดีต่อกันเลย

ไม่คิดเลยว่าต่อให้อยู่ข้างนอกก็ยังทำตัวเลอะเทอะมากอำนาจอีก

คุณฉือไม่ใช่คนธรรมดา แต่เขาไปทำตัวมีอำนาจใส่อีกฝ่าย ตลกหรือเปล่าเนี่ย!

“โอกาสแบบนี้จะพลาดไปได้ยังไงนะ จริง ๆ เลย!…”

ผู้อำนวยการหลี่ว์เป็นคนฉลาด เขาพูดแต่สิ่งที่จำเป็น และถึงผู้อำนวยการหูจะไม่ได้พูดชัด เขาก็ฟังเข้าใจอยู่ดีว่า ตอนที่พบฉือเก๋อ คนข้าง ๆ ก็อยู่ด้วย

ไม่แน่ว่าที่ได้พบคุณฉืออาจเป็นเพราะผู้อำนวยการหูก็ได้

เพราะงั้นแทนที่จะบ่น เราหาทางขอความช่วยเหลือไม่ดีกว่าหรือ

“สหายหู มีวิธีติดต่อกับคุณฉือเก๋อไหม!”

ผู้อำนวยการหูส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เขาก็อยากจะสนิทกับอีกฝ่าย

แต่น่าเสียดายที่คุณฉือไม่ได้มีท่าทีแบบนั้นแต่แรก

สถานะของคุณฉือสูงส่งจนเขาก้าวผ่านเข้าไปไม่ได้

เมื่อเห็นผู้อำนวยการหูส่ายหัว ผู้อำนวยการหลี่ว์ก็รู้สึกผิดหวัง

“สหายหู ช่วยแนะนำหน่อยได้ไหมว่าจะไปตามหาเขาได้ที่ไหน?”

“ในคนกลุ่มนั้นที่ฉันเห็น มีเด็กผู้หญิงชุดสีแดงด้วย คนนั้นคือศิษย์ของคุณฉือ ได้ยินว่าเป็นศิษย์ลับ ๆ น่ะ!”

ผู้อำนวยการหลี่ว์เหมือนจะได้ยินว่าฉือเก๋อรับศิษย์ลับ ๆ ไว้คนหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าเป็นคนแบบไหน และเขาก็ไม่เคยพบเจอด้วย

แล้วสหายหูบอกว่าอะไรนะ? เด็กคนนั้นที่เพิ่งเดินจากมาเนี่ยนะ ศิษย์ลับของฉือเก๋อ?

“สหายหูพูดจริงหรือ?” เขาแทบไม่อยากจะเชื่อเลยแม้แต่น้อย

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

Status: Ongoing
ซูเสี่ยวเถียนผู้มีชีวิตล้มลุกคลุกคลานได้ย้อนเวลามายังยุค 70 แล้วเกิดใหม่ในร่างเดิมครั้งเมื่ออายุ 7 ขวบ ผู้ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยพี่ชายสุดคลั่งรักเก้าคน โดยการทะลุมิติในครั้งนี้มีระบบวิเศษติดตัวมาด้วย คือ ‘ระบบอ่านหนังสือ’ ซึ่งมาพร้อมกับห้องสมุดส่วนตัว เธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีปัญหาใดที่หนังสือไม่อาจแก้ไขได้ แต่หากแก้ไขไม่ได้ล่ะ? ก็อ่านหนังสือเพิ่มอีกสักสองเล่มแล้วกัน! หากว่ายังไม่พอก็อ่านเพิ่มอีกสักหลายเล่มหน่อย เธอไม่เพียงแต่อ่านมันคนเดียวเท่านั้น แต่ยังโน้มน้าวพี่ชายสุดแสบทั้งเก้าให้อ่านหนังสือกับเธออีกด้วย ทั้งยังชักชวนให้ผู้เป็นบิดาและมารดาให้มาอ่านหนังสือด้วย แม้แต่คุณปู่และคุณย่าก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้!เมื่อทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับรางวัลเป็นของตอบแทน ยิ่งทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไร ก็จะได้รางวัลมากขึ้นเท่านั้น! ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการอ่านหนังสือจะทำให้เส้นทางชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท