สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด – บทที่ 6 ตอนที่ 67

บทที่ 6 ตอนที่ 67

เธอชื่อว่าเสี่ยวเมิ่ง เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในวง ผู้หญิงที่เรียกตัวเองว่าเป็นผู้หญิงจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

หงก้วนรู้สึกว่าเธอดื้อรั้นมาก แต่ก็เป็นแนวที่เฉิงอี้หรานชอบ…พูดได้ว่านับตั้งแต่เริ่มต้นเขาก็ถูกความป่าเถื่อนบนตัวผู้หญิงคนนี้ดึงดูดเอาไว้แล้ว

แต่ในความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นความดื้อดึงหรือความแตกต่าง แต่การพบเจอกันท่ามกลางผู้คนมากมายได้ ก็สมควรแก่การขอบคุณ

ผู้หญิงคนนี้มาฝ่าฟันชีวิตในเมืองหลวงก่อนหน้าหงก้วนกับเฉิงอี้หรานเสียอีก พวกเขาพบกันบนถนน

หิมะตกในปีนั้น เฉิงอี้หรานและหงก้วนขายศิลปะอยู่ซอยหลังมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ทั้งสองคนร้องเพลง แต่ไม่ค่อยมีเสียงปรบมือหรือเงินรางวัลสักเท่าไร…เพราะคนที่เดินผ่านไปมามีทางเลือกมากมายเกินไป รอบด้านของพวกเขาก็มีแต่คนแบบพวกเขา

เพราะมีคนแบบพวกเขาสองคนในสถานที่แห่งนี้เยอะมาก

เยอะมากจริงๆ

ก่อนหิมะตก ในบ้านเช่าหลังเล็ก หงก้วนกัดขนมปัง เฉิงอี้หรานกินบะหมี่เนื้อวัวตุ๋นรสเผ็ดชา พวกเขาจุดไฟเพื่ออบอุ่นร่างกายด้วย

ทันใดนั้นหงก้วนก็พูดขึ้นว่า ‘พวกเขาไม่มีเงิน บนตัวเหลืออยู่แค่แปดสิบสามหยวนเท่านั้น’

เฉิงอี้หรานพูดว่า ‘พวกเราไปดูบนถนนกัน’

และในวันแบบนั้นเอง ในวันที่หิมะตก พวกเขาได้พบเจอผู้หญิงร่างเล็กคนหนึ่ง

เธอย้อมผมสีม่วง ผมสั้นมากเกือบนิ้วหนึ่ง

เฉิงอี้หรานจำได้ว่าผู้หญิงคนนี้สวมต่างหูขนาดเล็กที่หูข้างซ้าย ส่วนอีกด้านไม่มีอะไรเลย เขาคิดว่าเธอเป็นคนแปลกประหลาดคนหนึ่ง

และข้อเท็จจริงก็พิสูจน์ความคิดนี้

“ฉันชอบเพลงของพวกนาย”

นี่เป็นประโยคแรกที่เสี่ยวเมิ่งพูดกับพวกเขา

“พวกนายอยากมาเข้าวงของฉันไหม กินฟรีอยู่ฟรี ส่วนค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ ก็ของใครของมัน”

และนี่ก็เป็นประโยคที่สองที่เสี่ยวเมิ่งพูดกับพวกเขา

วงดนตรีของเสี่ยวเมิ่งเมื่อนับเธอแล้วก็มีเพียงแค่สามคน เมื่อนับรวมเฉิงอี้หรานกับหงก้วนที่เพิ่มเข้ามาทีหลังแล้วก็เปลี่ยนเป็นห้าคน

เฉิงอี้หรานรู้ในภายหลังว่า อีกสองคนที่อยู่ในวงก่อนหน้าพวกเขาก็ถูกเสี่ยวเมิ่ง ‘เก็บ’ กลับมาเช่นกัน…ผู้หญิงคนนี้มีพลังชีวิตเต็มที่ยิ่งกว่าผู้ชายเสียอีก

ต่อมาเฉิงอี้หรานถึงรู้ว่าเสี่ยวเมิ่งไม่ได้เกิดและโตอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

เธอเกิดอยู่ในเมืองหลวง ส่วนพ่อแม่ของเธอเป็นคนที่มีพื้นเพมาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นเหมือนเฉิงอี้หรานและหงก้วนที่มาฝ่าฟันชีวิตในเมืองหลวงตั้งแต่วัยหนุ่ม

เสี่ยวเมิ่งภูมิอกภูมิใจที่จะพูดถึงพ่อของตัวเองมาก แต่ก็หัวเราะที่เขาจากไปเร็วเกินไป แล้วทิ้งหายนะเอาไว้ให้เธอ

เธอถามทุกคนรวมถึงเฉิงอี้หราน ว่าจะตามเธอมาโดยไม่คิดอะไรแบบนี้จริงหรือ ไม่กลัวเธอจทำร้ายงั้นเหรอ?

หลังจากบรรดาชายฉกรรก์สี่คนในวงครุ่นคิดสักพักแล้ว ก็พากันหัวเราะขบขัน ต่อแถวให้เธอทำร้ายทีละคนดีไหม เพราะถ้าพร้อมกันกลัวเธอรับไม่ไหว

เสี่ยวเมิ่งเหวี่ยงกีตาร์ขึ้นไปเคาะหัวพวกเขาทีละคน ทำให้กีตาร์ขูดจนเกิดรอยเล็กๆ และปวดใจไปครึ่งค่อนวัน

ต่อมาเฉิงอี้หรานมีความคิดขึ้นมา สลักอักษรว่า ‘เทียน’ บนรอยนี้ จากนั้นก็แยกกันสลักคำว่า ‘ไห่’ ‘คั่ว’ ‘คง’ และ ‘เฟย’ ใช่แล้ว เพราะคำว่า ‘เฟย’ นั้นเกินออกมา ดังนั้นเสี่ยวเมิ่งจึงหัวเราะจนแทบร้องไห้*

ทุกๆ วันจะมีการพูดคุยแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับความเป็นไปได้ทั้งหมดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ตั้งแต่กลางวันถึงบ่าย บ่ายจนถึงกลางคืน เมื่อมองย้อนกลับไปเวลามันก็ดึกแล้ว แต่เพียงแค่ทะเลาะกันเรื่องการปรับแต่งเพลงเท่านั้น

วันหนึ่ง หงก้วนล้วงกล่องออกมาใบหนึ่ง

เสี่ยวเมิ่งเอ่ยถามอย่างสงสัย “นี่คืออะไร?”

หงก้วนหัวเราะและเอ่ยว่า “มีลุงคนหนึ่งขายอยู่ข้างทาง มีห้าอันพอดี”

เป็นเหมือนป้ายทองแดงหรือเหล็กสีดำผูกกับเชือกสีดำให้กลายเป็นสร้อยคอแบบง่ายๆ…เฉิงอี้หรานชอบบอกว่ามันเป็นเหมือนกับป้ายห้อยคอสุนัข ส่วนอีกสองคนก็ลังเลว่าจะใส่ไว้บนข้อมือดีไหมเพราะมันเหมือนกับป้ายห้อยคอสุนัขจริงๆ

มีเพียงเสี่ยวเมิ่งเท่านั้นที่เร่งให้ทุกคนออกไปด้านนอก และนั่งเรียงแถวกันในซอยเหมือนกับลูกค้าที่กำลังนั่งรอช่างตัดผมตัดผมให้

เสี่ยวเมิ่งใส่ป้ายที่ต่อมาถูกเรียกว่า ‘ป้ายสุนัข’ ให้แต่ละคน

สุดท้ายเสี่ยวเมิ่งก็ใส่ให้ตัวเอง ก่อนหมุนตัวต่อหน้าพวกเขาเหมือนกับปีศาจในเทพนิยายที่ถนัดทำเรื่องชั่วอย่างไรอย่างนั้น เธอเอามือเท้าเอวและพูดว่า “คิดชื่อวงของพวกเราออกแล้ว ต่อไปก็ชื่อว่า…ป้ายสุนัข!”

“ให้ตายเถอะ!”

“ปู่เธอสิ!”

“ไปไกลๆ เลย!!”

“ฮ่าๆๆๆ!!” เสี่ยวเมิ่งเอามือกุมท้องหัวเราะจนนั่งลงไปกับพื้นอยู่นานมาก เธอเอามือเช็ดน้ำตาที่เล็ดรอดออกมาเพราะหัวเราะอย่างหนัก จากนั้นก็ยืนขึ้นมา

พวกเขาไม่เคยเห็นเสี่ยวเมิ่งเป็นเช่นเวลานั้นมาก่อน…เหมือนเปลี่ยนจากปีศาจที่ทำแต่เรื่องชั่วร้ายกลายเป็นนางฟ้าผู้งดงาม

ช่วงบ่ายเธอพูดเบาๆ อยู่ในสวนว่า “งั้นก็เรียกว่า ‘Again’ แล้วกัน”

Again

และแล้วพวกเขาก็มีชื่อวงอย่างเป็นทางการ

หลังจากการเริ่มต้น ชื่อนี้ก็ถูกเขียนอยู่บนกระดานดำแผ่นเล็กๆ ด้านหน้าบาร์แห่งหนึ่งในเมืองหลวง

‘Again ห้าสิบหยวน!!!!!!!!!!!!!!!’

“ทำไมต้องมีเครื่องหมายอัศเจรีย์เยอะขนาดนี้ด้วย?”

เสี่ยวเมิ่งเพิ่มอีกหลายตัวในภายหลัง จากนั้นก็นับว่ามีกี่ตัวด้วยความพึงพอใจ หัวเราะและพูดว่า “เพื่อหลอกตัวเลข! ยึดพื้นที่!”

สุดท้ายก็ขายได้เพียงห้าใบเท่านั้น แต่ดูเหมือนทุกคนจะตะโกนกันจนคอแห้งไปหมด

เสี่ยวเมิ่งไม่อยู่แล้ว จากไปอย่างกะทันหัน กะทันหันมาก…กะทันหันจนทุกคนคิดว่าเป็นความฝัน

เพราะอุบัติเหตุ ในที่เกิดเหตุไม่พบคนขับ แต่ตัวรถยังอยู่

หลังจากผ่านอุบัติเหตุไปหนึ่งอาทิตย์ อันธพาลคนหนึ่งก็มามอบตัว…ส่วนเจ้าของรถ เจ้าของรถหนุ่มคนนั้นกลับขับรถสปอร์ตคันใหม่

หลังจากนั้นหนึ่งเดือน เฉิงอี้หรานกับหงก้วน รวมทั้งเพื่อร่วมวงอีกสองคนก็โดนจับเพราะเป็นอันตรายต่อชีวิตผู้อื่น

Again ก่อตั้งขึ้นมาเกือบหนึ่งปีแล้ว

เวลาที่แน่ชัดก็คือ สิบเอ็ดเดือนเจ็ดวันก่อนแยกวง

‘Again’

เหมือนเฉิงอี้หรานกำลังเล่านิทานเรื่องหนึ่ง เรื่องที่ชวนให้ทุกคนรู้สึกโศกเศร้า

เนื้อเพลงคืออะไร? ไม่มีใครสนใจ หรืออาจจะพูดได้ว่าเหมือนด่ำดิ่งลงไปในจังหวะจนลืมเรื่องทุกอย่าง

ทำไมเขาทำได้ถึงขนาดนี้?

ทำให้ผู้ชมเกือบทุกคนในที่แห่งนี้เสียน้ำตาได้…ทำให้บรรดานักดนตรีที่นั่งรอขึ้นเวทีต่อในห้องพักผ่อนมองดูหน้าจอแสดงสดอย่างเหม่อลอย?

ไม่มีการใช้เลนส์ใดๆ เพิ่มเติม ดูเหมือนช่างภาพหายสาบสูญไป กล้องหลายตัวจากทุกทิศทางต่างล็อกไว้ที่ผู้ชายเล่นกีตาร์และร้องเพลงอยู่บนเวที ไม่มีการขยับกล้อง ไม่มีภาพของผู้ชมในสตูดิโอปรากฏขึ้นแทรกเลย

“แปลกเกินไปแล้ว…”

หลีจื่อขมวดคิ้วมองไปยังเริ่นจื่อหลิงที่อยู่ข้างกาย และพบว่าเธอกำลังน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว เหมือนกับถูกครอบงำเช่นเดียวกับผู้ชมคนอื่นๆ และเหล่าผู้ที่มาตัดสินด้วย

เธอที่เป็นปีศาจมีสัญชาตญาณว่า…ผู้ชายบนเวทีคนนี้มีบางอย่างแปลกประหลาด

เธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างคอยกวนหัวใจของเธอ…แต่ถึงแม้เธอจะถูกกวนอย่างไรก็จะไม่หลงใหลไปไกลเหมือนคนธรรมดาทั่วไป

หลีจื่อฉีกซองเนื้อแห้งเงียบๆ และมองดูต่อไป…สิ่งนี้ไม่มีผลร้ายต่อมนุษย์ อย่างน้อยตอนนี้เธอก็ไม่รู้สึกว่ามันมีข้อเสียอย่างไร

“เขาทำได้แล้วจริงๆ”

จงลั่วเฉินมองดูปฏิกิริยาของคนทุกคน ดูหน้าจอถ่ายทอดสด ดูเฉิงอวิ๋นและก็ดูจางชิ่งหรุ่ย

เมื่อมองเห็นทุกคนใจลอยก็ให้เขาแน่ใจว่าบนตัวของผู้ชายบนเวทีคนนี้มี ‘เวทมนตร์’ บางอย่าง เป็น ‘เวทมนตร์’ ที่ไม่ได้พบเห็นตามปกติ

แต่เขาก็ไม่ตกใจหรือหวาดกลัว เพราะ ‘เวทมนตร์’ นี้ไม่มีผลต่อเขาซึ่งสูญเสียความรู้สึกทั้งเจ็ดและความปรารถนาทั้งหก

ความคิดใจกล้าอย่างหนึ่งค่อยๆ ปรากฏขึ้นในหัวของจงลั่วเฉิน

คือ…

จะหาพวกคนมีความสามารถประหลาดแบบนี้จำนวนมากได้หรือไม่?

สามารถรวมพวกเขาเข้าไว้ด้วยกันได้ไหม?

สถานที่แห่งนั้นคงอยู่และทำการแลกเปลี่ยนมาโดยตลอด…โลกใบนี้มีด้านมืดที่คนทั่วไปไม่อาจเข้าใจได้

บางทีอาจจะเป็นไปได้…อย่างเช่นที่เขาพบเฉิงอี้หราน คนที่โดดเด่นขึ้นภายในค่ำคืนเดียว

งั้นเหล่าคนโดดเด่นบนโลกมีกี่คนกันที่ในความเป็นจริงแล้ว…ไม่ได้เกิดมาพร้อมกับสิ่งนั้น?

“ฉันอาจจะเปลี่ยนแปลงยุคสมัยได้…”

สายตาของจงลั่วเฉินฉายแวววาววาบ พูดกับตัวเองว่า “จะเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่หรือเปล่านะ?”

เขาพบว่าแม้จะเป็นเพียงความคิด แต่หัวใจของเขากลับเต้นอย่างบ้าคลั่งไปแล้ว ความรู้สึกพึงพอใจจอมปลอมทำให้เขาตื่นเต้นอย่างที่เขาไม่ได้รู้สึกถึงมันมานานแล้วขึ้น!

เหมือนกับ…กระแสน้ำขึ้นสูง

*มาจากเพลง《海阔天空》(hai kuan tian kong) ทะเลฟ้าไร้ขอบเขต ของวง Beyond

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

มีตำนานเล่าขานกันว่า เมื่อคุณมีความปรารถนาอันแรงกล้า สถานที่แห่งหนึ่งจะปรากฏสู่สายตาของคุณ

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่แค่ตำนานเล่าขาน แต่มันมีอยู่จริง…ที่นี่

เมื่อคุณได้ก้าวเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ ไม่ว่าความปรารถนาของคุณจะเป็นอะไร ที่แห่งนี้พร้อมจะบันดาลให้มันเป็นจริง

แต่เราไม่ได้ให้คุณเปล่าๆ ทุกความปรารถนาย่อมมีสิ่งแลกเปลี่ยน ถ้าคุณไม่รู้จะแลกกับสิ่งไหน เราก็มีตัวเลือกให้คุณ…ความสุข อิสรภาพ หรืออายุขัย?

คุณพร้อมจะแลกเปลี่ยนกับเราแล้วหรือยัง?

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ดยินดีต้อนรับ…

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท