บทที่ 464 ขอบคุณค่ะลุงฮั่ว
บทที่ 464 ขอบคุณค่ะลุงฮั่ว
“จะเป็นไปได้ยังไงครับผู้อำนวยการ การจะแปลแต่ละหน้าต้องใช้เวลานานมากเลยนะ” มีใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว
ฉืออวี้เลี่ยงเอ่ยว่า “ใครว่าเป็นไปไม่ได้ล่ะ เธออ่านเอกสารหมดแล้วจริง ๆ แถมยังเข้าใจเนื้อหาอย่างแจ่มแจ้งด้วย”
นี่คือความต่างชั้นกันไงล่ะ!
ทุกคนได้แต่มองหน้ากัน คนเก่งแบบนี้มีอยู่จริงหรือ?
“พวกคุณคงไม่รู้ว่าความสามารถของเธอได้รับการยอมรับจากที่ปรึกษาหรืออาจารย์ฮั่วแล้วนะ พวกคุณทราบหรือยังว่าเขากลับมาจากต่างประเทศแล้วน่ะ” ชายวัยกลางคนเอ่ยถึงฮั่วซือเหนียน
จู่ ๆ เหล่าหัวหน้าฝ่ายการผลิตก็เกิดประกายความคิดขึ้น
“ผู้อำนวยการ เราขอให้อาจารย์ฮั่วมาแปลให้เราไม่ได้หรือ?”
เพราะในความคิดของเขา ต่อให้เป็นภาษาต่างประเทศ มันก็น่าจะเหมือน ๆ กัน แค่เข้าใจก็เท่านั้นเอง!
แล้วคนที่กลับมาจากต่างประเทศก็น่าจะฟังออกใช่ไหมล่ะ?
ถ้าฟังไม่ออกแล้วจะสื่อสารกับคนต่างชาติได้ยังไง?
เหล่าเหลียงคิดว่ามันไม่น่าแปลกอะไรที่คิดเช่นนี้!
ฉืออวี้เลี่ยงได้แต่ส่ายหัว “อาจารย์ฮั่วรู้แค่ภาษาอังกฤษ เขาไม่รู้ภาษาเยอรมัน!”
ถ้าอีกฝ่ายรู้ ทำไมเราต้องมาลำบากขนาดนี้ด้วยล่ะ?
แล้วก็ไม่ต้องเซ็นสัญญาอะไรเยอะแยะด้วย! ถึงจะมั่นใจในความสามารถ แต่ก็รู้สึกเสียเปรียบอยู่ดี
พวกเขาสูญเสียไปตั้งเท่าไหร่ เพียงเพราะไอ้หม่าว่านกั๋วนั่น?
“ภาษาต่างประเทศมันไม่เหมือนกันทุกภาษาหรือ?” เหล่าเหลียงงุนงง
ฉืออวี้เลี่ยงกลับงงยิ่งกว่า เขาควรจะตอบยังไงดีเนี่ย?
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ต่างกันสิ เอาแบบนี้แล้วกัน เดี๋ยวเปรียบเทียบให้ฟัง คุณฟังภาษาจีนออก แล้วฟังภาษามองโกเลียออกไหม ฟังภาษาแมนจูออกไหม?”
เหล่าเหลียงผงะ
อันที่จริงเขาพูดภาษาจีนได้ แต่ไม่เข้าใจภาษามองโกเลียเลยแม้แต่คำเดียว!
แล้วคนในลานบ้านที่เขาอยู่พูดแต่ภาษาแมนจู จิ๊บ ๆ เป็นนกฟังไม่ออกเลยสักคำ!
มันไม่เหมือนกันจริงหรือ?
พอเห็นทุกคนเงียบกริบ ผู้อำนวยการพลันถอนหายใจ
“และถ้าไม่ใช่เพราะอาจารย์ฮั่ว เราก็คงเชิญสาวน้อยคนนี้มาไม่ได้หรอก!”
เด็กมากความสามารถ แถมยังมีคนคอยหนุนหลัง แม้แต่เขายังไม่กล้าสบประมาทเลย
“ผู้อำนวยการ เด็กวัยแค่นี้รู้อะไรบ้างเนี่ย? ถึงเราจะหาใครไม่ได้ แต่จะมาพนันกับเด็กไม่ได้นะ”
เหล่าเหลียงยังไม่เชื่อ
“คุณเหลียงไม่ต้องห่วง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเถอะ งั้นพวกคุณไปเตรียมเรื่องอื่นแล้วกันนะ”
“แต่…”
ฉืออวี้เลี่ยงเอ่ยขึ้นขัดหัวหน้าแผนกหลิวเสียก่อน “เรายังมีเรื่องต้องทำอีกเยอะเลยนะ สรุปแล้วเราต้องทำให้เหล่านักธุรกิจมาและกลับไปอย่างมีความสุข! ในระยะเวลาสามวัน จะต้องให้พวกเขาเซ็นต์สัญญา และเราจะต้องทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี ให้พวกเขาได้กินได้ดื่มของดีด้วย!”
ถึงพวกหัวหน้าระดับกลาง ๆ จะไม่เชื่อ แต่ก็ยอมกลับไปประจำตำแหน่ง
ตอนนั้นเสี่ยวเถียนกำลังเดินชมเทคโนโลยีแปรรูปผ้าไหมพร้อมกับหลี่ว์หรูหยา
ในชีวิตครั้งก่อนรวมถึงตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นการผลิตผ้าไหมด้วยตาของตัวเอง
เด็กสาวเห็นเส้นไหมปั่นในเครื่องจักรทีละเส้น ๆ ก่อตัวอย่างสวยงาม มันสว่างไสวมาก รู้สึกแปลกตาจริง ๆ
ขณะที่กำลังตื่นตาตื่นใจ ทันใดนั้นก็เห็นคนคุ้นตา
ไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากฮั่วซือเหนียน คนที่พบกันเมื่อวานและมากินข้าวที่บ้านเธอ
“ทำไมตาแก่คนนี้ถึงมาอยู่ที่นี่เนี่ย?” เสี่ยวเถียนเกิดความสงสัย
หลี่ว์หรูหยาเห็นฮั่วซือเหนียนแล้ว แต่พอได้ยินเด็กสาวเรียกอีกฝ่ายว่าตาแก่ เขาก็อดสัมผัสใบหน้าเหี่ยวย่นของตัวเองไม่ได้
หนุ่มหล่อคนนี้กลายเป็นตาแก่ไปเสียแล้ว แล้วเขาจะเป็นยังไงล่ะเนี่ย?
หลังจากโดนโจมตีอย่างแรงโดยไม่ได้ตั้งใจ หลี่ว์หรูหยาเหมือนหัวใจโดนฉีกเป็นชิ้น ๆ
ตอนนั้นชายหนุ่มกำลังคุยบางอย่างกับคนอื่น ๆ อยู่ เหมือนกำลังสั่งการสักอย่าง เห็นได้ชัดเลยว่าฝ่ายตรงข้ามน่าจะกำลังสงสัย เพราะพวกเขาเหมือนโต้เถียงกันอยู่
เสี่ยวเถียนเคยเห็นแต่ด้านนักชิม แต่ไม่เคยเห็นด้านที่เขาจดจ่อกับการทำงานเลย
ตอนนั้นเองที่เธอได้รู้จักสถานะของฮั่วซือเหนียน
ตอนแรกก็แค่ว่าจะเป็นตำแหน่งเฉย ๆ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นจริง ๆ
“อาจารย์ฮั่ว!” หลี่ว์หรูหยาเอ่ยเรียกอีกฝ่าย
ฮั่วซือเหนียนหันมามอง ก่อนจะเห็นรองผู้อำนวยการหลี่ว์มาพร้อมกับเสี่ยวเถียน เขาผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็จำได้ว่าเด็กสาวมาเป็นล่ามที่นี่
ตอนเห็นเธอ เขายิ้มทันที
ตลกแล้ว น้องสาวของว่าที่ภรรยาในอนาคตเลยนะ ถ้าไม่ประจบเธอแล้วจะสำเร็จได้ยังไง?
หากเสี่ยวเถียนรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ คงจะถ่มน้ำลายใส่เอาน่ะสิ
อายุตั้งเท่าไร คิดจะกินหญ้าอ่อนอีก มียางอายบ้างไหม?
ฮั่วซือเหนียนวิ่งเข้าไปหาด้วยความกระตือรือร้น ส่วนคนที่คุยกับเขาก็ได้แต่ทำหน้าตกใจ
ใช่อาจารย์ฮั่วที่รู้จักไหมเนี่ย?
ถ้าบอกว่าคนตรงหน้าเป็นหญิงสาวก็เข้าใจได้ แต่นี่เป็นเด็กสาวเนี่ยสิ
อาจารย์ฮั่วคงไม่ได้คิดอะไรกับเธอใช่ไหม?
พวกเขามองด้วยความตกใจ
“สวัสดีเสี่ยวเถียน ตอนนี้เราได้เป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้วนะ!”
ฮั่วซือเหนียนทักทายด้วยรอยยิ้ม ไม่แม้แต่จะมองคนข้าง ๆ เลยสักนิด
เด็กสาวยิ้ม “แค่เพื่อนร่วมงานชั่วคราวค่ะ”
ชายหนุ่มหัวเราะ
สาวน้อยคนนี้น่าสนใจทีเดียว
เป็นเพื่อนร่วมงานชั่วคราวนั้นไม่สำคัญหรอก ประเด็นคือการได้เป็นพี่เขย!
“ก็จริงนะ ฉันเป็นแค่ที่ปรึกษา ส่วนเธอก็เป็นล่ามชั่วคราวเท่านั้น!” ฮั่วซือเหนียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยินยอ
ขณะที่กำลังตกใจกับคำยอ ก็ตระหนักได้ว่าเด็กคนนี้คือล่ามที่เราลือกัน
ล่ามคนนี้อายุน้อยไปหรือเปล่า?
อายุเท่าไหร่? เป็นผู้ใหญ่หรือยัง?
ไม่สิ ๆ ต้องถามว่าเรียนจบชั้นประถมหรือยัง?
“ไปกัน ฉันจะพาเธอเดินชมเอง!” ที่ปรึกษาฮั่วยิ้ม
หายากมากที่จะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับน้องสาวของว่าที่ภรรยาในอนาคต แล้วถ้าอนาคตยังแพ้อีกก็โง่แล้ว
อย่างที่คิด อาจารย์ฮั่วไม่ใช่คนโง่
เสี่ยวเถียนลังเลแล้วมองหลี่ว์หรูหยา
ถึงรองผู้อำนวยการจะไม่เข้าใจว่าทำไมอาจารย์ฮั่วถึงกระตือรือร้นนัก
แต่เพราะเจ้าตัวเป็นผู้มากความสามารถที่ทางโรงงานเราไปเชิญมาเนี่ยสิ เลยต้องทำตามเขา
“ดีเลยครับที่อาจารย์ฮั่วยินดีพาเสี่ยวเถียนไปเดินชม เพราะบางความรู้เฉพาะทางผมก็ไม่แม่น กลัวว่าจะอธิบายได้ไม่ชัดเจน!”
ชายหนุ่มพึงพอใจที่อีกฝ่ายตามเขาได้ทัน
ฮั่วซือเหนียนเริ่มอธิบายตั้งแต่กระบวนการแรก และอธิบายอย่างละเอียดเกี่ยวกับการเจรจาบางอย่างที่เสี่ยวเถียนไม่รู้ให้ด้วย
ถึงเสี่ยวเถียนจะค้านเรื่องที่อีกฝ่ายชอบพี่เสี่ยวเหมยนิดหน่อย แต่ก็รู้สึกขอบคุณจริง ๆ ที่เขาดูแลดีขนาดนี้
ตาแก่นักชิมใจดี แถมยังช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่ลังเลอีก
“ขอบคุณค่ะลุงฮั่ว!” เสี่ยวเถียนยิ้มจริงใจ
อะไรนะ?
รอยยิ้มพลันหายไปจากใบหน้าหล่อเหล่าทันที
เขากลายเป็นลุงฮั่วได้ยังไงเนี่ย?
“สาวน้อยยังสุภาพกับฉันอีกหรือ อย่าเรียกว่าลุงฮั่วเลย เรียกพี่ฮั่วก็พอแล้ว!”