บทที่ 471 อ่อนด้อยเกินไป
บทที่ 471 อ่อนด้อยเกินไป
ผู้อำนวยการฉือคิดถึงเรื่องนี้ แล้วมองเด็กสาวอย่างมีนัย
แต่เสี่ยวเถียนไม่เข้าใจ เลยไม่ได้ใส่ใจเขาเท่าที่ควร เพราะสิ่งที่เธอรู้ตอนนี้คือ การร่วมมือระหว่างชาวต่างชาติจะทำเงินให้อย่างมหาศาลแน่นอน และไม่คิดด้วยว่าราคาที่ขอจะสูงเกินไปด้วย!
เพราะมันคือโปรเจ็กความร่วมมือของสินค้าอย่างผ้าไหม ซึ่งเกือบจะเป็นผลิตภัณฑ์พิเศษ กำไรในการร่วมมือครั้งนี้ไม่น้อยอยู่แล้ว
ตอนนั้นเสี่ยวเถียนคิดอะไรได้อย่างนึง
นี่ไม่ใช่แค่โอกาสในการแสดงศักยภาพของพรสวรรค์และทักษะเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสสำหรับร้านอาหารหออีหมิงของเราด้วย เรื่องเอาชนะชาวต่างชาติด้วยของอร่อยเป็นแผนการที่เธอคิดไว้ตั้งนานแล้ว แถมยังเป็นแผนการที่คุ้นเคยอีกด้วย
ทุกคนมักจะตอบสนองต่อความหิวโหย ต่อให้เป็นชาวต่างชาติก็เลี่ยงไม่ได้หรอก
และตอนนี้โอกาสดีมาถึงแล้ว เสี่ยวเถียนจะใช้มันอย่างเต็มที่ เธอจะไม่หาเงินให้แค่ตัวเอง แต่จะหาให้ครอบครัวด้วย
ตั้งแต่ที่ร้านเปิด เสี่ยวเถียนคิดว่าสักวันหนึ่งชื่อเสียงของหออีหมิงจะดังกระหน่ำไปทั่วน่านน้ำ เพื่อที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของร้านอาหารที่มีชื่อเสียง เสี่ยวเถียนตั้งใจทำงานเพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งนี้และเป้าหมายที่วางเอาไว้มาโดยตลอด
แต่ถึงเราจะเป็นหนึ่งในเครือร้านอาหารที่มีชื่อเสียง ก็ใช่ว่าจะยึดติดกับแต่ร้านหลัก เราต้องขยับขยายเพื่อให้เป็นที่รู้จัก เธออยากเรียกแขกมาเยอะ ๆ ต่อให้ตอนนี้จะมีชาวต่างชาติน้อย แต่อีกสองสามปีข้างหน้า พวกเขาจะหลั่งไหลเข้ามาเป็นสายอย่างแน่นอน
เสี่ยวเถียนจึงไม่คิดละทิ้งแหล่งลูกค้าเหล่านี้ไป
เธอต้องทำส่วนนี้ให้ไวและวางรากฐานตั้งแต่เนิ่น ๆ หลังจากใช้ชีวิตมาสองชั่วอายุคน เธอเชื่อเสมอว่าโอกาสนั้นสงวนไว้สำหรับผู้ที่พร้อมแล้วเท่านั้น ตอนนี้เธอได้รับโอกาสแล้ว เธอคือคนที่พร้อม!
เด็กหญิงมองนาฬิกาแขวนกลางโถงสนามบิน เครื่องบินจะมาถึงในอีกหนึ่งชั่วโมง
เธอไม่อยากเสียเวลา จึงหาที่เงียบ ๆ นั่งอ่านหนังสืออย่างมีความสนุก!
ผู้อำนวยการทั้งสองมองเธอหยิบหนังสือออกมาอ่าน จู่ ๆ ก็รู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมา
หนึ่งชั่วโมงที่เสี่ยวเถียนนั่งอ่านหนังสือ และพวกเราต้องจ่ายให้เธอร้อยหยวน
นี่มันอะไรกัน!
ไม่ว่าจะคิดยังไงก็รู้สึกว่า การจ่ายเงินแบบนี้มันน่ากลัวไปหน่อยนะ!
“รองผู้อำนวยการ เรามาเร็วไปหน่อยไหม?” ฉืออวี้เลี่ยงดูหงุดหงิดมาก และอดไม่ได้ที่จะถามลูกน้อง
หลี่ว์หรูหยาไม่รู้สึกอึดอัดบ้างเลยหรือ?
ถึงตอนนี้เขาจะอึดอัดใจ แต่ก็ยังพอทนได้ เพราะเราจะส่งเสี่ยวเถียนกลับไปไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?
“เด็กคนนี้ใจดำไปหน่อยไหม?” เขากระซิบพูดด้วยเสียงต่ำ
ที่พูดเสียงเบาแบบนี้ ก็เพราะกลัวเสี่ยวเถียนได้ยิน
หลี่ว์หรูหยามองหัวหน้าที่กำลังกระซิบเพราะกลัวเสี่ยวเถียนได้ยิน ตอนนี้เธอนั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงนั้น นั่งนิ่งไม่ไหวติง หัวใจก็พลันเต้นเร็วขึ้นมา
เขาคิดว่าผู้อำนวยการขี้ตระหนกไปหน่อย แถมยังเสียใจว่าทำไมไม่ฟังคำของเสี่ยวเถียนนะ
ถ้าฟังเธอ เราก็คงไม่มาไวขนาดนี้ใช่ไหมล่ะ?
“ผู้อำนวยการครับ เธอเตือนผมแล้วว่ามันยังเช้าไป!” หลี่ว์หรูหยาไม่อยากทำผิดต่อเด็กสาว เพราะเรื่องนี้เราก็โทษเธอไม่ได้
ผู้อำนวยการฉือ “…”
เครื่องบินมาช้านิดหน่อย
นอกจากเสี่ยวเถียนที่อ่านหนังสืออย่างตั้งใจ ฉืออวี้เลี่ยงและหลี่ว์หรูหยาก็รออย่างกังวลอยู่นานนับสองชั่วโมง
หลังจากผ่านไปสามชั่วโมงครึ่ง ทั้งสองที่ทนรอต่อไปไม่ไหวก็ได้ยินเสียงประกาศหมายเลขเที่ยวบินที่กำลังรอคอยทางวิทยุ
พวกเขามองเด็กหญิงด้วยแววตาขุ่นเคือง สามชั่วโมงครึ่งที่ต้องการให้กับการอ่านหนังสือของเธอ ไม่ว่ายังไงก็เหมือนเราเป็นคนโง่เลย
เสี่ยวเถียนเก็บหนังสือใส่กระเป๋าแล้วลุกขึ้นยืน
“ผู้อำนวยการฉือ รองผู้อำนวยการหลี่ว์!”
เทียบกับท่าทางสงบนิ่งของเสี่ยวเถียน สองคนนี้ดูลุกลี้ลุกลนกว่าหน่อย
โดยเฉพาะผมที่ยุ่งเหยิงเพราะความกังวล สภาพทนดูไม่ได้เลย
เสี่ยวเถียนมองสภาพพวกเขาอย่างรังเกียจ สภาพนี้หรือที่จะมาเจรจากับนักธุรกิจต่างชาติ? เหมาะสมหรือไง? แต่ทั้งคู่ไม่รู้ตัวเพราะเอาแต่มองเสี่ยวเถียนด้วยความหงุดหงิด
“เสี่ยวเถียนบอกฉันว่าเธออ่านหนังสือมากกว่าสองชั่วโมงครึ่งน่ะ ทางโรงงานเราต้องให้เงินเธอ…”
เสี่ยวเถียนยิ้มบาง “หนูเตือนแล้วนะว่ามันยังเช้าอยู่เลย มีโอกาสให้ประหยัดเงินด้วยซ้ำ!”
ผู้อำนวยการฉือมองลูกน้องด้วยสายตาตำหนิ!
รองผู้อำนวยการหลี่ว์ผู้บริสุทธิ์ “…”
ไม่ใช่เขาเสียหน่อยที่บอกจะไปแต่เช้าน่ะ ผู้อำนวยการต่างหากที่กลัวว่าจะเกิดความล่าช้า
“พวกคุณไปเข้าห้องน้ำสักหน่อยเถอะค่ะ แล้วค่อยออกมารับแขกนะ!”
พวกเขาสับสนเล็กน้อย แต่ผ่านมาตั้งหลายชั่วโมงแล้ว และพวกเขาเองก็อยากเข้าห้องน้ำจริง ๆ
ตอนกลับมา สภาพของพวกเขาดีขึ้นเยอะ
แถมสายตาที่มองเสี่ยวเถียนยังดีกว่าเก่าด้วย
จากนั้นก็เห็นเธอถือป้ายกระดาษที่เขียนด้วยตัวอักษรเยอรมันเป็นคำว่า ‘บริษัท Fessenger’
มันเขียนเป็นภาษาเยอรมันด้วย ที่รู้เพราะเคยเห็นตัวอักษรพวกนี้บ่อย
สาวน้อยคนนี้ค่อนข้างฉลาด และเราก็หวังว่าหลังจากได้พบกับนักธุรกิจพวกนั้นแล้ว เธอจะฉลาดแบบนี้ด้วย
ทั้งสามยืนอยู่ที่ทางออกโถงกว้าง เสี่ยวเถียนถือป้ายยืนรอลูกค้า
“เสี่ยวเถียนรู้จักวิธีทักทายพวกเขาไหม?”
ตอนนี้ผู้อำนวยการฉือไม่ได้มองด้วยสายตาขุ่นเคืองแล้ว
ความคิดเดียวของเขาในตอนนี้คือ เสี่ยวเถียนมาเพื่อเป็นล่าม และเพื่อให้ทุกอย่างราบรื่น เราจะทำให้เกิดปัญหาระหว่างการแปลไม่ได้ เช่นแปลผิดอะไรแบบนี้
เสี่ยวเถียนหัวเราะ ชายคนนี้กังวลจนพูดจาไม่รู้เรื่องแล้ว
แน่นอนว่าเธอจำวิธีสนทนากับพวกนักธุรกิจชาวต่างชาติได้ดี เมื่อคืนฉือเก๋อบอกกฎและมารยาทให้ฟังแล้ว และเธอก็จำได้ขึ้นใจด้วย
และเรื่องพวกนั้นก็ได้รับการอธิบายให้เธอฟังอย่างชัดเจนมาก
ต้องบอกว่าสูตรโกงของเธอทรงพลังจริง ๆ มีแทบทุกอย่างเลย
แค่ตั้งใจเรียนก็พอแล้ว ไม่ต้องพยายามทำอย่างอื่นก็เอาตัวรอดได้
“แอนนา ฉันต้องยกย่องเธอเลยนะ เธอนี่เยี่ยมจริง ๆ!” เสี่ยวเถียนลอบคุยกับระบบ
และเสียงของมันก็แผ่วเบา
[โฮสต์คะ คุณทำภารกิจส่วนนี้มาห้าปีแล้วนะ แถมยังทำไม่เสร็จสักทีด้วย ถ้าคุณคิดว่าฉันเก่งจริง ๆ ก็ช่วยทำให้มันเร็วกว่านี้ได้ไหม?]
ตัวระบบไม่พอใจกับความเร็วที่เสี่ยวเถียนทำเลย
ห้าปีแล้วที่ภารกิจ ‘มีธัญพืชนานาชนิดในหนังสือ’ ยังไม่เสร็จสักที มีโฮสต์แบบนี้จะไปมีประโยชน์อะไร?
เสี่ยวเถียนไม่คิดเลยว่า ไอ้ความตั้งใจชมจะโดนบ่นกลับมาเช่นนี้
เธออดไม่ได้ที่จะเสียใจ ถ้าเธอรู้เร็วกว่านี้ก็คงไม่ชมหรอก น่าผิดหวังนัก!
โชคดีที่ใช้เวลาไม่นาน แขกที่รอคอยก็มาถึง