บทที่ 478 คุณย่าซูไม่ไหวแล้ว
บทที่ 478 คุณย่าซูไม่ไหวแล้ว
จู่ ๆ ก็มีชาวต่างชาติหลายคนเดินเข้ามาในร้าน พวกเขาทำให้เหล่าพนักงานภายในร้านพากันตกใจ แม้จะเจอลูกค้ามาร้อยพ่อพันแม่ แต่ไม่เคยเห็นชาวต่างชาติมาก่อน จะทักทายยังไงดีเนี่ย?
ภาษาอังกฤษหรือ?
พวกเขาพูดไม่ได้หรอกนะ!
เนื่องจากอาการตื่นตระหนกกัน จึงเกือบชนเข้ากับคนกลุ่มนั้นที่เด็กหญิงพาเข้ามา จู่ ๆ ก็เหมือนมีคนให้พึ่งพาแล้ว ก่อนจะรับรู้ได้ว่าคนพวกนี้เสี่ยวเถียนเป็นคนพามาเอง
หลายวันมานี้ก็ได้ยินว่าเสี่ยวเถียนกำลังจะไปทำงานเป็นล่าม ดังนั้นจึงคิดว่าพวกเขาเหล่านี้น่าจะเป็นลูกค้าของเด็กคนนี้
“วันนี้ที่ห้องส่วนตัวมีแขกไหมคะ?” เสี่ยวเถียนเอ่ยถาม
“ไม่มีครับ ๆ!”
พนักงานคนหนึ่งรีบตอบออกมาทันที ห้องนั้นถูกจ้องเอาไว้ในตอนบ่าย และเป็นเหล่าเหลียงที่จัดเตรียมเอาไว้ให้
“เชิญแขกผู้มีเกียรติทุกท่านไปห้องส่วนตัวกันค่ะ! แล้วก็ขอชาให้พวกเขาด้วยนะคะ!”
ช่วงฤดูร้อนเราจะเสิร์ฟน้ำผิวแอปริคอต แต่ตอนนี้อากาศเริ่มเย็นลงแล้ว เราจึงเพิ่มชาเข้ามาด้วย
น้ำผิวแอปริคอตสำหรับคนที่ชอบก็ชอบ แต่ก็มีคนส่วนหนึ่งที่ไม่ชอบเพราะมันมีรสชาติเปรี้ยว!
ดังนั้นเสี่ยวเถียนจึงกลัวว่าพวกเขาจะไม่ชอบ
พอเห็นความสนิทสนมระหว่างเสี่ยวเถียนกับคนที่ร้านแล้ว ออกัสก็เริ่มสงสัย เด็กคนนี้ยังอายุน้อยอยู่เลย แถมไม่เคยอาศัยอยู่ในเยอรมนีอีกด้วย แต่ภาษาของเธอเทียบเท่ากับคนเยอรมันแท้ ๆ เลยนะ
แถมเธอยังดูคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้อีก แถมการเคลื่อนไหวของพนักงานยังดูเข้าใจไปโดยปริยายด้วย
ร้านอาหารที่ชื่อหออีหมิงแห่งนี้ จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอย่างแน่นอน
เสี่ยวเถียนเฝ้ามองออกัสอย่างระมัดระวัง
ผู้ชายคนนี้ทำให้เธอรู้สึกไม่ปลอดภัยมาก ๆ แววตาเฉียบคมของเขามองทะลุได้ทุกอย่างเลย!
เธอเชื่อว่าออกัสคงสงสัยเรื่องของตนเองกับร้านแห่งนี้แน่นอน แต่เพราะเธอตั้งใจจะพาพวกเขามาอยู่แล้ว และไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังเรื่องนี้เลยด้วย
เด็กหญิงคลี่ยิ้มและแนะนำอาหารให้ทุกคนฟังเป็นภาษาเยอรมัน จากนั้นก็สอบถามว่าพวกเขาแพ้อาหารอะไรหรือไม่ กินอะไรไม่ได้หรือเปล่า จากนั้นค่อยสั่งอาหาร
เธอเตรียมพร้อมสำหรับวันนี้เรียบร้อยแล้ว แถมยังเตรียมวัตถุดิบไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วด้วย
แม้กระทั่งอาหารที่ต้องใช้คนช่วยจำนวนมาก ก็ให้คุณย่าซูเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว
หลังจากสั่งอาหารเรียบร้อย เธอก็เอ่ยถามเหล่าชาวเยอรมันว่าเห็นแย้งอะไรไหม เมื่อแน่ใจว่าไม่โต้แย้งอะไรก็ส่งให้ฉืออวี้เลี่ยงต่อ
ฉืออวี้เลี่ยงเป็นคนที่ผ่านโลกมาเยอะ และรู้ด้วยว่าอาหารที่เสี่ยวเถียนสั่งไม่ใช่อาหารธรรมดาแน่ ๆ
เขาอยากจะถามนักว่ามันมีมูลค่าเท่าไร มันจะทำลายโรงงานของพวกเราไหม
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป แล้วปล่อยให้เสี่ยวเถียนจัดการแทน เพราะตัดสินใจแล้วว่าเช็คบิลเมื่อไร ต้องให้เสี่ยวเถียนลดราคาให้กับโรงงานเราเสียแล้ว
ถึงเสี่ยวเถียนจะพาคนมาร้านอาหาร เพราะความเห็นแก่ตัวของตัวเอง แต่มันก็แค่เพื่อส่งเสริมร้านของตัวเองเท่านั้น เธอไม่ได้หลอกลวงอะไรพวกเขา
แถมเธอก็ไม่ได้สั่งอาหารที่มีราคาสูงขนาดนั้น เทียบจากราคาทั่วไปแล้วมากกว่าหน่อยนึง
ออกัสนั่งฟังเสี่ยวเถียนอย่างมีน้ำอดน้ำทน และแน่ใจว่าวัตถุดิบที่เธอบอกไม่ใช่ของธรรมดา และมันทำให้เขาสับสนกว่าเดิมเสียอีก ได้แต่ถามตัวเองว่ารู้อะไรเกี่ยวกับประเทศจีนบ้าง
เพราะในประเทศแห่งนี้ ตั๋วคือสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกอย่าง แถมเสบียงยังหายากด้วย ต่อให้มีเงินก็ใช่ว่าจะซื้อได้
ก็เหมือนกับสำรับอาหารแมนจูกับฮั่นนั่นแหละ ถ้าเป็นประเทศของเรา เขาคงหาวิธีเตรียมให้น้องสาวได้
แต่ที่ประเทศจีนเราทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะในประเทศขาดแคลนวัตถุดิบ
เขามองลึกลงไปยังภูมิหลังของเสี่ยวเถียนอย่างมีนัย สำรับอาหารพวกนี้ต่อให้อยู่ในประเทศเราก็นับว่าเป็นอาหารชั้นยอด ร้านที่ดูธรรมดา ๆ แบบนี้จะทำได้จริง ๆ หรือ?
ตอนที่เสี่ยวเถียนเดินเข้าครัวมา ก็เจอเข้ากับคุณย่าที่กำลังรออย่างร้อนรนเลย
“เสี่ยวเถียน หลานพาแขกชาวต่างชาติมาหรือ? ยัยเด็กคนนี้ ทำตามอำเภอใจแบบนี้ได้ยังไง?”
คุณย่าซูบ่นอุบ เพราะหลานควรจะทำเรื่องของตัวเองสิ ไม่ใช่ทำเรื่องพวกนี้
ทางโรงงานผ้าไหมไม่เตรียมพร้อมเลยหรือไง? นี่แขกของพวกเขานะ
ร้านเราไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับทางโรงงาน เพราะงั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพาแขกมาที่ร้านของเรา
เสี่ยวเถียนคลี่ยิ้มหวาน
“คุณย่าไม่ต้องห่วงนะ หนูแค่พูดเล่น ๆ แล้วคุณคริสติน่า โอ๊ะ สาวงามชาวเยอรมันคนนั้นก็ตอบตกลงน่ะค่ะ”
อันที่จริงหญิงชราไม่รู้หรอกว่าพวกเขาหน้าตาเป็นยังไง ต่อให้เสี่ยวเถียนบอกว่าพวกเขาทำเรื่องผิดกฎหมาย เธอก็ไม่รู้อยู่ดี
“อะไรนะ แขกพวกนั้นเป็นเด็กสาวหรือ? ทำไมเธอถึงมาเจรจาธุรกิจล่ะ?”
“คุณย่าอย่าดูถูกเธอเชียวนะ พี่ชายของเธอเป็นประธานเลยเป็นคนแบบนั้นน่ะ!”
คุณย่าซูร้องโอ้เหมือนจะเข้าใจ แต่ความจริงแล้วไม่เข้าใจสักเท่าไร
ถ้าพวกเขามาร้านเราแล้วก็ไม่มีปัญหาหรอก
“เสี่ยวเถียน บอกย่าที ยายแก่จากบ้านนอกจะทำอาหารที่คนรวยชาวต่างชาติชอบกินได้ด้วยหรือ?”
จู่ ๆ คุณย่าซูก็เกิดไม่มั่นใจขึ้นมา
คุณปู่ซูมองภรรยาที่ตั้งแต่มาเมื่อหลวง เธอก็แทบลอยขึ้นฟ้าไปเสียทุกที แต่ไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่เธอกลัวด้วย
มันเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายสำหรับเสี่ยวเถียนเหมือนกัน ใครจะไปรู้ว่าย่าเองก็กลัวกับเขาด้วย
“คุณย่า ย่าไม่รู้จักฝีมือตัวเองหรือคะ?”
จากนั้นเสี่ยวเถียนก็บอกเรื่องของคริสติน่า แล้วบอกว่าย่าเป็นลูกหลานของพ่อครัวในวังด้วย
หญิงชราแทบทรงตัวไม่ไหว
เด็กคนนี้ กล้าพูดได้ยังไง?
เธอไปเป็นลูกหลานของพวกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่?
นี่มันเรื่องโกหกไม่ใช่หรือ?
“เสี่ยวเถียน เราต้องซื่อสัตย์ในการทำธุรกิจนะ ย่าไม่ใช่ทายาทของพ่อครัวในวัง!”
แววตาของแกแดงก่ำด้วยความกังวลใจ แถมเสียงก็สั่นเครือเหมือนคนจะร้องไห้ออกมา
เสี่ยวเถียนจึงรีบยิ้มปลอบ “ย่า อาหารจากทายาทพ่อครัวย่าไม่เคยกินหรือไง ย่าบอกมาเลยว่าของเขาหรือของย่าอร่อยกว่ากัน?”
เมื่อเธอถาม หญิงชรากลับมามีสปิริตทันที
“แน่นอนว่าต้องเป็นย่าอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นทายาทกันยังไง อาหารที่ทำก็ร้อนไม่พอสักนิด!”
ชายชราเหลือบมองภรรยาของตัวเอง
ยายเฒ่านี่ เพิ่งจะผ่านไปไม่ทันไรเอง? ทำไมตัวลอยขึ้นฟ้าอีกแล้ว!