บทที่ 489 ทายาทเชฟในวังจริงหรือหลอก
บทที่ 489 ทายาทเชฟในวังจริงหรือหลอก
คริสติน่าทนแทบรอไม่ไหว
นัยน์ตาสีฟ้าจ้องมองไปยังแท่นลงนาม
รอกระทั่งคนบนเวทีกล่าวจบงาน ก่อนเห็นเสี่ยวเถียนและคนอื่น ๆ ทยอยกันเดินลงมา หญิงสาวก็รุดหน้าเข้าไปหาโดยพลัน
ตอนนั้นทุกคนคิดว่าคริสติน่าวิ่งไปหาพี่ชาย แต่ฉากตรงหน้าก็ได้สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนแทน
เจ้าตัวไม่ได้ไปหาผู้เป็นพี่ แต่ตรงดิ่งไปหาเสี่ยวเถียนแล้วกอดอีกฝ่ายไว้แน่น
“ที่รัก ฉันรอเธอตั้งนาน!” คริสติน่าอายุมากกว่าเสี่ยวเถียนอย่างเห็นได้ชัด แต่กลับทำตัวเด็กกว่าอีกฝ่ายเสียอีก
รัฐมนตรีเฉียนประหลาดใจที่เห็นสาวต่างชาติสนทนากับเสี่ยวเถียน!
ตั้งแต่ที่มาร่วมพิธีลงนามในวันนี้ เขาก็ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างเกี่ยวกับเด็กตรงหน้า
แล้วก็รู้ด้วยว่าหญิงต่างชาติคนนี้ชื่อคริสติน่า และเป็นน้องสาวของออกัส ว่ากันว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองพี่น้องนั้นดีมากเลย คุณคริสติน่าได้เดินทางไปหลายประเทศพร้อมกับคุณออกัส
เสี่ยวเถียนไม่รู้จักสตรีสูงศักดิ์ผู้มั่งคั่งคนนี้ แล้วทำไมถึงสนิทกันขนาดนี้?
รัฐมนตรีเฉียนขบคิด ก่อนส่งสายตาขอคำปรึกษาไปยังฟ่านชูฟาง แต่หญิงชรากลับกลอกตาใส่
“อย่ามาถามฉัน ฉันรู้ที่ไหนล่ะ”
รัฐมนตรีเฉียน “…”
“ไม่รู้ว่าทำไม แต่เสี่ยวเถียนเป็นที่ชื่นชอบและเป็นที่เชื่อใจของคนอื่นเสมอ! ตอนแรกก็คิดว่ามีแค่พวกผู้ใหญ่แบบเรา ๆ หรือเปล่า แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่เช่นนั้นนะ!”
ไม่รู้ว่าทำไมถึงอธิบายสิ่งเหล่านี้ไม่ได้
คิดดูสิ คุณคริสติน่าเองก็สนิทกับเสี่ยวเถียนกว่าปกติด้วยใช่ไหมล่ะ?
ฟ่านชูฟางมองเด็กสาวที่น่ารักทั้งสองคน และอดไม่ได้ที่นึกถึงความมหัศจรรย์ของเธอ
ตอนนี้เชื่อไปแล้วว่า ไม่มีอะไรที่เธอไม่เก่ง
ช่วงนี้สุขภาพร่างกายของตาเฒ่าเองก็ดีขึ้นเพราะกินยาที่เสี่ยวเถียนจ่ายให้
หมอบอกว่าหลังจากพักฟื้นสักปีครึ่ง อาการปวดของเขาก็หายเป็นปลิดทิ้ง
พอนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก็รู้สึกว่าตนโชคดีที่ฟังคำของเสี่ยวเถียน และขอบคุณคำเตือนของเธอที่ทำให้จับพวกหนอนบ่อนไส้ในบ้านได้
แต่รัฐมนตรีเฉียนไม่รู้เรื่องนี้ และฟ่านชูฟางเองก็ไม่ได้ตั้งใจพูดอะไรด้วย
เพราะมันเป็นความลับ ยิ่งรู้น้อยเท่าไรยิ่งดี
หญิงชรากวักมือเรียกหลานสาว
“เสี่ยวเถียน หลานสนิทกับคุณคริสติน่ามากเลยหรือ?”
ฟ่านชูฟางเป็นห่วง เพราะเสี่ยวเถียนยังเด็ก กลัวจะหน้ามืดตามัวเอา
คนดี ๆ ในประเทศเรายังสร้างเรื่องได้ แล้วกับคนต่างชาติล่ะ ถ้าอีกฝ่ายมีแผนการอะไรขึ้นมา เราจะทำยังไง?
เสี่ยวเถียนส่ายหัวพร้อมแย้มยิ้ม “ไม่ได้สนิทมากหรอกค่ะ เจอกันเมื่อวานครั้งเดียวเอง เธอเป็นผู้หญิงที่เป็นมิตรนะคะ!”
คริสติน่าไม่เข้าใจที่ทั้งสองฝ่ายคุยกัน แต่ก็ยังคลี่ยิ้มอย่างสดใส และเพราะความเป็นมิตรนั่น ทำให้หญิงชราชอบขึ้นมาหลายส่วน
ระดับภาษาเยอรมันของฟ่านชูฟ่านเรียกได้ว่าดีมาก ไม่งั้นคงไม่ได้ทำงานแปลภาษาเยอรมันเป็นหลักหรอก
“คุณคริสติน่า ฉันดีใจที่ได้พบคุณนะ! ฉันเป็นน้องสาวของคุณย่าเสี่ยวเถียนเขาน่ะ!” ฟ่านชูฟางแนะนำตัว
คริสติน่าเข้าใจ และคิดว่าหญิงชราเป็นย่าของเสี่ยวเถียนจริง ๆ
“คุณดูเด็กมากเลยค่ะ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคุณย่าของเสี่ยวเถียน” สีหน้าของเด็กหญิงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ!
ฟ่านชูฟางหัวเราะอย่างเขินอาย เด็กคนนี้ยังไม่ค่อยเข้าใจวัฒนธรรมบ้านเราสินะ!
ช่างเถอะ แค่คำสองคำ พูดยากจะตาย
“ที่รัก วันนี้ตอนเที่ยงฉันจะพาเธอไปกินข้าวที่ร้านเมื่อวันนั้นอีกนะ” จุดประสงค์หลักของคริสติน่าในวันนี้คือการได้กินอาหารอร่อย ๆ
แต่ถนนหนทางที่นี่ดูหายาก และเธอก็ไม่กล้าไปคนเดียว
แต่รสชาติอาหารฝีมือทายาทเชฟในวังอร่อยจริง ๆ นี่นา
จักรพรรดิแห่งประเทศจีนเข้าใจคิดนะ!
เสี่ยวเถียนมองอีกฝ่ายโดยไม่พูดอะไร จากนั้นก็มองความยุ่งเหยิงในพื้นที่
แค่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เพราะเรายังไปตอนนี้ไม่ได้
ตอนนั้นเองที่หลี่ว์หรูหยามาหา ก่อนจะบอกว่าจองร้านอาหารของมื้อเที่ยงไว้แล้ว
ร้านที่จองไว้คือหออีหมิง
เสี่ยวเถียนยิ้ม ก่อนจะแปลให้คริสติน่าฟัง
เมื่อได้ฟังคำตอบ หญิงสาวก็ไม่รีบร้อนอีก!
ถึงแม้ว่าภายในงานจะยังยุ่งกันอยู่ แต่คนอื่น ๆ ในโรงงานก็สามารถจัดการกันได้ ฉืออวี้เลี่ยงและหลี่ว์หรูหยารีบร้อนเชิญรัฐมนตรีเฉียนและคนของเขา รวมถึงกลุ่มของออกัสไปกินข้าวด้วยกัน
กลุ่มของรัฐมนตรีเฉียนมีประมาณเจ็ดถึงแปดคน แต่สุดท้ายทุก ๆ คนยกเว้นตัวเขาและฟ่านชูฟางก็ไม่ได้ตามไปด้วย
ถ้าเราไปด้วยกันหมด เกรงว่าจะนั่งโต๊ะเดียวกันไม่พอ กลับไปกินที่บ้านดีกว่า
รัฐมนตรีเฉียนไม่รู้ว่ามีร้านอาหารแบบนี้อยู่ในเมืองหลวงด้วย กระทั่งเดินไปจนสุดทางก็พบว่าไม่ใช่ร้านอาหารของรัฐอย่างที่คิด
“สหายฉือ ทำไมถึงเลี้ยงแขกต่างชาติที่นี่ล่ะ?”
กลัวว่าข้อกำหนดกฎเกณฑ์จะไม่ค่อยมี แล้วก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะดูแคลนเราไหม
ฉืออวี้เลี่ยงรีบแนะนำเพียงสั้น ๆ แถมยังย้ำอีกว่าคุณคริสติน่าและคุณออกัสต่างก็ชอบอาหารของร้านนี้มาก
รัฐมนตรีเฉียนยังประหลาดใจที่ได้ยินว่าพ่อครัวแม่ครัวที่นี่เป็นทายาทเชฟในวัง
ที่จริงมีร้านอาหารไม่กี่แห่งที่ติดป้ายบอกว่าตนเป็นลูกหลานของเชฟในวัง เขาเองก็ไม่คิดว่าร้านนี้จะเป็นเหมือนกัน
ถ้าให้อีกพูดอย่างก็คือ ไอ้พวกที่บอกว่าเป็นทายาทเชฟในวังอะไรนั่น ต้มตุ๋นทั้งนั้น
บางคนก็เคยอยู่ในครัวของวังจริง ๆ แต่ไม่ใช่พ่อครัวแม่ครัวตัวจริง ๆ เลยเสียหน่อย มากสุดก็ทำงานจิปาถะ เรียนรู้การทำอาหารแค่จานสองจานก็บอกว่าเก่งแล้ว!
ส่วนบางพวกไม่เคยอยู่ในครัวของวังด้วยซ้ำ แต่ก็ยังกล้าที่จะป่าวประกาศ
หออีหมิงก็คงจะเป็นพวกย้อมแมวขายเหมือนกันสินะ?
ฟ่านชูฟางมองสหาย แล้วก็รู้ด้วยว่าอีกฝ่ายไม่เชื่อ
อันที่จริงเธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อ
เราไม่ได้รู้จักบ้านซูแค่วันสองวันเสียหน่อย และไม่เคยได้ยินเลยว่าพวกเขาเป็นลูกหลานของเชฟในวัง
แถมไม่รู้อีกว่าข่าวพวกนี้มาจากไหน
การโกหกมันไม่ดีนะ โดยเฉพาะกับแขกต่างชาติด้วยแล้ว ยิ่งไม่ดีเข้าไปใหญ่
หลังจากนี้ต้องบอกเสี่ยวเถียนเสียแล้ว ถึงเธอจะยังเด็ก แต่ก็เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด!
“สหายฉือ แน่ใจนะว่าพวกเขาเป็นทายาทของเชฟในวังน่ะ?” รัฐมนตรีเฉียนอดถามไม่ได้
“รัฐมนตรีเฉียนครับ พูดกันตรง ๆ นะ ผมเองก็ไม่รู้ครับ!” ฉืออวี้เลี่ยงเอ่ยอย่างเคอะเขิน
ก็ดูท่าทางที่เขาแสดงออกมาสิ
รู้ทั้งรู้ว่าพวกทายาทเชฟไม่ใช่หัวผักกาดเสียหน่อย ที่เดิน ๆ อยู่แล้วจะเด็ดมาได้สักหัวน่ะ?
จากนั้นเขาก็กล่าวต่อ
“รัฐมนตรีเฉียนครับ แม้ผมจะไม่แน่ใจว่าจริงหรือเปล่า แต่อาหารที่นี่อร่อยจริง ๆ นะครับ”
ถ้ามันไม่ดีจริง คุณคริสติน่าและคุณออกัสไม่มีทางชอบหรอก