บทที่ 490 แนะนำแม่ครัว
บทที่ 490 แนะนำแม่ครัว
เพียงนึกถึงอาหารโต๊ะจีนที่กินไปวันนั้น ฉืออวี้เลี่ยงพลันรู้สึกหิวขึ้นมา! อยากเขมือบมันลงท้องให้หมด!
แต่ก็อดกังวลอีกไม่ได้ ไม่รู้ว่าสหายหลี่ว์จองเป็นยังไงบ้าง ควรให้เสี่ยวเถียนทำดีกว่าหรือเปล่า
เขาเสียใจนัก ไม่ควรปล่อยให้สหายหลี่ว์จัดการเลย น่าจะไปขอความช่วยเหลือจากเสี่ยวเถียนมากกว่า
สองวันติดที่เสี่ยวเถียนจัดการเรื่องอาหาร ทั้งยังเป็นที่ชื่นชอบของคุณออกัสและคุณคริสติน่าด้วย
“งั้นหรือ?”
เห็นฉืออวี้เลี่ยงน้ำลายจะไหล รัฐมนตรีเฉียนก็เริ่มสนใจมากขึ้น
เท่าที่รู้มา อีกฝ่ายไม่ใช่พวกชอบกิน
มันแปลกนิดหน่อยที่เห็นภาพเช่นนี้
“รัฐมนตรีเฉียน คุณออกัสกับคุณคริสติน่าต่างก็ชอบร้านนี้มากเลยครับ”
ชอบถึงขนาดกินติดกันสามวัน
แค่ประโยคเดียว รัฐมนตรีเฉียนก็โล่งใจ
ขอแค่เจ้าภาพชอบ ต่อให้คนทำเป็นทายาทหรือเปล่าก็ไม่สำคัญหรอก
เขาไม่ใช่คนยึดติดอะไรอยู่แล้ว
แม้โต๊ะอาหารในวันนี้จะมีหลี่ว์หรูหยาเป็นคนจัดการให้ แต่เสี่ยวเถียนก็ได้เตรียมไว้ก่อนแล้ว หากทางโรงงานอยากจะจัดโต๊ะจีน เราจะเสิร์ฟอาหารอะไรบ้าง
คุณย่าซูจำได้ขึ้นใจ
ตอนนี้อาหารทั้งสิบหกจานถูกยกมาเสิร์ฟทีละจาน แม้จะยังไม่ได้ขยับตะเกียบ แต่กลิ่นก็โชยเตะจมูกแล้ว
แค่นี้คริสติน่ากับออกัสก็ทนกินแทบไม่ไหวแล้ว แม้แต่รัฐมนตรีเฉียนก็อดไม่ได้ที่จะน้ำลายไหลด้วย
“กลิ่นดีทีเดียวเลย งดงามมาก ทั้งกลิ่นทั้งสีสันเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ!” รัฐมนตรีเฉียนกล่าวอย่างร่าเริง
อันที่จริงเขาก็ไม่ใช่พวกให้ความสำคัญกับการกินเท่าไร ขอแค่มีผักดองก็ซัดบะหมี่ได้สามถ้วยแล้ว
เขาไม่จุกจิกกับซาลาเปาเนื้อหยาบด้วย แต่อาหารวันนี้ทำให้เขาหมดความอดทนเป็นครั้งแรก
แล้วร้านแบบนี้มาเปิดในเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อไหร่
ไม่เห็นรู้เลย!
“รัฐมนตรีเฉียน วันนี้คุณได้เรียนรู้อะไรเยอะเลยนะ!”
ฟ่านชูฟางหัวเราะกับท่าทางตะกละของรัฐมนตรีเฉียน
ตอนนั้นเองที่ตัวรัฐมนตรีเฉียนและคนอื่น ๆ เพิ่งตอบสนองได้ แต่มีแค่เขาที่ไม่เคยมาหรือ คนอื่น ๆ มากันหมดแล้ว?
เหล่าชาวต่างชาติที่เคยมากินและดูคุ้นเคยเป็นอย่างดี พวกเขาไม่ได้ขยับตะเกียบเลย แต่ขยับแค่ช้อนส้อม
พวกเขาใช้ตะเกียบก็ไม่เป็น แล้วทำไมต้องทำให้ตัวเองลำบากด้วย?
แถมยังตั้งใจใช้ช้อนส้อมอีก!
ไม่ว่าจะใช้อุปกรณ์แบบไหน ขอแค่ตักเข้าปากได้ก็ถือว่าใช้ได้หมด
รัฐมนตรีเฉียนประหลาดใจที่พวกเขาใช้ช้อนส้อมกินข้าว
“คุณออกัส คุณคริสติน่า ในเมื่อคุณมาเยือนประเทศจีนทั้งที คุณน่าจะลองใช้ตะเกียบกินข้าวสักหน่อยดีไหม เผื่อจะได้ประสบการณ์ใหม่ก็ได้ครับ”
เขาคิดว่ามันไม่ถูกต้องที่จะใช้ช้อนส้อม จึงเกลี้ยกล่อม
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ไม่คาดคิดคือ ทันทีที่ฟ่านชูฟางแปลให้ฟัง ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมาเลย
มีแค่ออกัสที่มองหน้า
ส่วนคริสติน่าฝังเรื่องของอร่อยใส่หัวไว้แล้ว แถมยังคิดอีกว่าตาแก่ชาวจีนนิสัยแย่จริง ๆ ที่คิดจะหลอกเธอ
เห็นเธอเป็นคนใจง่ายหรือ?
แต่รัฐมนตรีเฉียนไม่รู้เลยว่า แค่ประโยคเดียวก็ทำให้เขากลายเป็นคนโกหกในสายตาของคริสติน่า
ใช่ นั่นคือสิ่งที่เธอคิด
เธอคิดว่ารัฐมนตรีเฉียนพยายามหลอกให้เธอใช้ตะเกียบ เพื่อที่เธอจะได้กินน้อยลง แต่เธอไม่เอาด้วยหรอก เธอจะต้องแย่งกินให้ได้เยอะ ๆ
ทางรัฐมนตรีเฉียนเหมือนจะไม่รู้ว่า ฝั่งชาวต่างชาติจะเตรียมลับมีดพร้อมรบตบตีแย่งชิงอาหารกับเขาแล้ว
“คุณเฉียนที่เคารพ พวกเราใช้ตะเกียบไม่เป็นจริง ๆ แต่ช้อนส้อมก็ใช้ดีอยู่นะครับ!”ออกัสพึมพำ ก่อนล่ามจะแปลออกมา
จากนั้นชายหนุ่มก็เอ่ยเชิญรัฐมนตรีให้ลงมือ แล้วตัวเองก็หยิบช้อนโดยไม่เกรงใจ
แขกต่างชาติพวกนี้ไม่เคยกินข้าวหรือไง?
ทำไมทำตัวหยาบคายแบบนี้?
ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะเป็นคนสง่างามที่สุดหรอกหรือ?
โดยเฉพาะตระกูลยักษ์ใหญ่แบบนี้ เราควรจะมีท่าทางสง่างามกว่านี้สิ!
แล้วทำไมถึงมีภาพลักษณ์เช่นนั้น?
มันเป็นเขาที่เข้าใจผิด หรืออีกฝ่ายเป็นพวกหลอกลวงกันนะ?
เดิมทีก็เพราะไม่รู้ แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าสาเหตุที่ทำให้พวกเขาสูญเสียมาดหลังจากคีบอาหารเข้าปากไปคืออะไร
ต้องบอกว่ารสชาติอาหารของหออีหมิงไม่สามารถปฏิเสธได้เลย
หลังจากที่ชิมความอร่อยเข้าไป รัฐมนตรีเฉียนเริ่มชำนาญการขึ้นเรื่อย ๆ แล้วเข้าร่วมกองทัพฉกอาหารบ้าง
ยอมรับเลยว่า เมื่อเทียบอาหารที่เคยกินมากับอาหารของหออีหมิง อาหารที่เคยกินมามันเหมือนอาหารหมูเลย
มันห่วยมากเลยนะนั่น? เขากลืนลงไปได้ยังไง?
รัฐมนตรีเฉียนเกิดในครอบครัวทหาร สมัยยังอยู่ในกองทัพฝีมือการแย่งอาหารเรียกว่าได้ว่าเป็นเลิศ
แม้การต่อสู้ในครั้งนี้จะลงมือช้าไป แต่ก็ไม่ได้เสียเปรียบเลย
คริสติน่าใช้จังหวะนั้นเหลือบมองรัฐมนตรีเฉียน และยิ่งเชื่อมั่นเข้าไปอีกว่าการที่เจ้าตัวพูดเช่นนั้นก็เพื่อให้เธอกินได้น้อย ๆ!
ตาแก่นี่แย่จริง ๆ
น่าเสียดายที่รัฐมนตรีเฉียนไม่รู้ว่าตัวเองกลายเป็นคนแบบไหน ในสายตาผู้หญิงต่างชาติ
ส่วนออกกัสมองชายคนนั้นด้วยสายตาอย่างมีนัยแล้วเร่งมือให้ไวขึ้น คาดว่าถ้าไม่กินให้เร็ว ตาแก่คนนั้นจะเอาไปหมด!
กว่าครึ่งชั่วโมงต่อมา รัฐมนตรีเฉียนลูบท้องแน่น ๆ พร้อมรอยยิ้มเคอะเขินบนใบหน้า
เขาไม่ได้กินเยอะแบบนี้มาหลายปีแล้ว
เป็นครั้งแรกที่รู้สึกถึงความต่างระหว่างอาหารที่เคยกินกับอาหารในตอนนี้เลย
เขาคิดว่าหมูตุ๋นเป็นอาหารที่อร่อยมากที่สุด มันเยิ้ม ๆ เห็นแล้วกระตุ้นน้ำลายเป็นที่สุด แต่วันนี้เขาก็ได้รู้ว่าหมูตุ๋นที่เคยกินมานั้นรสชาติไม่ได้เรื่องเลย ชิ้นเนื้อที่ดูเหมือนไม่มันเยิ้ม รสชาติอร่อยเหลือล้น ยอดเยี่ยมเหลือเกิน
“รัฐมนตรีเฉียน คุณคิดว่าอาหารของที่นี่รสชาติเป็นอย่างไรบ้างครับ?” ฉืออวี้เลี่ยงเอ่ยถามอย่างสุภาพหลังจากกินอิ่มแล้ว
ถึงแขกชาวต่างชาติจะสำคัญ แต่ผู้เป็นเจ้านายโดยตรงกลับสำคัญกว่า เพราะงั้นฉืออวี้เลี่ยงจึงเอ่ยถามท่านก่อน
รัฐมนตรีเฉียนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
มันอร่อยจนหน้าตกใจเลยทีเดียว
เขายังนึกสงสัยอีกว่า จะทนกินอาหารที่บ้านหลังจากนี้ได้อีกหรือเปล่า?
หลังจากที่คนทั้งกลุ่มกินจนอิ่มหมีพีมันไปกับสุราและอาหาร พวกเขาก็คุยกันต่ออีกเล็กน้อย
พอเห็นทุกคนกินกันหมดแล้ว เสี่ยวเถียนก็ยิ้ม
“คุณออกัสและคุณคริสติน่าที่เคารพคะ ให้ฉันได้แนะนำแม่ครัวของที่นี่ให้รู้จักนะคะ!”