บทที่ 495 ความกังวลของผู้อำนวยการหลี่
บทที่ 495 ความกังวลของผู้อำนวยการหลี่
“ผู้อำนวยการหลี่ ไม่เจอกันนานเลยนะคะ!” เสี่ยวเถียนมีความสุขมากเมื่อเห็นอีกฝ่าย
นาน ๆ ทีพวกเขาจะได้เจอกัน
“ช่วงนี้ต้องออกมาทำงานข้างนอกน่ะ พอกลับมาก็เกิดคิดถึงอาหารหออีหมิงขึ้นมา” ผู้อำนวยการหลี่น้ำตาเกือบไหล
เสี่ยวเถียนตลกมาก อีกฝ่ายเป็นถึงเจ้าคนนายคนแท้ ๆ ถ้าลูกน้องเห็นเข้าจะไม่ขบขันเอาหรือ?
“ผู้อำนวยการหลี่คะ ร้านของเราเพิ่งเพิ่มอาหารรสเลิศใหม่ ๆ เข้าไปเยอะเลยค่ะ คุณสามารถลองชิมได้นะคะ”
เสี่ยวเถียนเอ่ยอย่างสุภาพ ก่อนวางของไว้บนโต๊ะ ทำให้ผู้อำนวยการหลี่เหลือบมองโดยไม่ได้ตั้งใจ ทันใดนั้นแววตาของเขาก็เปล่งประกายทันที
แต่พอเห็นชาวต่างชาติทั้งสองที่อยู่ด้านหลังของสาวน้อย เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
“เสี่ยวเถียนเลือกให้ฉันสักหน่อยสิ เดี๋ยวจะมีครูอวี่ตามมาที่นี่ด้วยนะ!”
เสี่ยวเถียนชะงักงัน ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าครูอวี่คือใคร
เด็กสาวเลือกอาหารจานใหม่ที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาในร้านเมื่อเร็ว ๆ นี้สี่จาน
ตอนนั้นเธอก็ได้แต่คิดว่า ทำไมอีกฝ่ายถึงต้องเชิญครูอวี่มากินข้าวแค่คนเดียวด้วย?
ในฐานะที่เป็นผู้อำนวยการฝ่ายกระทรวงการศึกษา มันเป็นเรื่องแปลกมากที่จะเชิญครูผู้รับผิดชอบด้านการส่งเอกสารของโรงงานเรียนในสังกัดมากินข้าวด้วยกัน!
แต่ด้วยความที่ตนเองไม่ใช่เด็กที่ขี้สงสัย จึงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วก็ปล่อยเรื่องนี้ไป
ทางคริสติน่าไม่อยากโดนเสี่ยวเถียนเมิน ก็ได้แต่ทำหน้าบึ้งตึง “ที่รักทำแบบนี้ได้ยังไง? ทำร้ายจิตใจฉันมากเลยนะ”
คนโดนกล่าวหาหัวเราะ เธอไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะ ทำไมถึงแสดงท่าทางแบบนี้ออกมาเนี่ย
“อาหารเตรียมเรียบร้อยแล้วนะคะ มั่นใจได้เลยว่าคุณจะต้องชอบรสชาติของมันแน่นอน”
จากที่สังเกตมา เสี่ยวเถียนพบว่า พี่สาวคนนี้ดูจะชอบอาหารรสเปรี้ยวหวานเป็นพิเศษ เพราะงั้นวันนี้จึงเตรียมกัวเปาโร่ว*[1] และรากบัวผัดซอส สองเมนูนี้มาเป็นพิเศษ แล้วก็ยังมีเต้าหู้ตุ๋นกับหมูก้อนทอดอีกสองจานด้วย
เพิ่มซุปผักอีกถ้วย เป็นอาหารสี่และซุปหนึ่ง สารอาหารครบถ้วน
สองพี่น้องนั่งลงบริเวณโต๊ะริมหน้าต่าง
ตอนแรกจะให้นั่งในห้องส่วนตัว แต่ทั้งสองกลับบอกว่ากินข้าวในห้องนั้นมันไม่อร่อย เลยขอออกมาข้างนอกแทน
เสี่ยวเถียนจัดที่นั่งริมหน้าต่างให้โดยเฉพาะ
ถึงจะพยายามหามุมดี ๆ แต่รูปลักษณ์ของสองพี่น้องก็ดึงดูดความสนใจของคนอื่น ๆ ได้อยู่ดี
เพราะการได้เจอชาวต่างชาติเป็นเรื่องที่แปลกใหม่มาก แถมพวกเขายังหน้าตาดีอีกมาก และตั้งแต่ที่พวกเขามากินข้าวที่นี่ทุกวัน เหมือนลูกค้าจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เลยด้วย
“ที่รักไม่กินด้วยกันหรือ?” คริสติน่าทรุดตัวลงนั่งและเริ่มทำตัวเป็นเด็ก ๆ อีกครั้ง ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่เวลามีเสี่ยวเถียนอยู่ด้วย อาหารก็จะอร่อยขึ้นทุกที
เด็กสาวยิ้ม “ฉันยังมีงานต้องทำน่ะ เลยอยู่กินด้วยไม่ได้ ยกโทษให้ฉันด้วยนะ!”
สองพี่น้องชินกับเสี่ยวเถียนแล้ว จึงยักไหล่ให้แล้วนั่งรออาหารมาเสิร์ฟ
ผู้อำนวยการหลี่เห็นเธอว่างเสีย จึงรีบเอ่ยเรียกรั้งเธอเอาไว้
“ผู้อำนวยการหลี่มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?” เด็กสาวยิ้ม
“วันนี้ไม่ใช่วันหยุดนะ ทำไมถึงไม่ได้ไปโรงเรียนล่ะ?” เขามองสำรวจเสี่ยวเถียนอยู่หลายครั้ง
เด็กคนนี้เป็นต้นกล้าที่ดี แถมยังเป็นนักเรียนที่เก่งที่สุดในห้องพิเศษของโรงเรียนมัธยมอันดับเจ็ดด้วย ยอมทิ้งการเรียนไปทำอย่างอื่นได้ยังไง?
ถ้าเขาไม่ได้มองพลาดเหมือนว่าเสี่ยวเถียนจะไปที่ถนนโบราณนะ ไปซื้อของกับต่างชาติสองคนนั้นด้วย
ยอมรับไม่ได้
เขาตั้งความหวังไว้กับเธอสูงมาก จะทนเห็นเธอยกย่องพวกต่างชาติได้ยังไง แถมยังออกไปเที่ยวเล่นกับพวกเขาไม่สนใจการเรียนเลย
เสี่ยวเถียนทำตัวน่าขายหน้ามาก
เธอเป็นนักเรียนแล้วก็เป็นล่ามให้เพื่อนต่างชาติด้วย มันก็ดูเหมือนเธอทิ้งการทิ้งงานไปเที่ยวเล่นจริง ๆ นั่นแหละ
แถมยังโดนผู้อำนวยการฝ่ายกระทรวงการศึกษาจับได้อีก จะไม่ให้อายได้ยังไง
“เรื่องมันเป็นแบบนี้ค่ะผู้อำนวยการลี่ แขกสองท่านนั้นเป็นนักธุรกิจจากเยอรมนี หนูได้รับความไว้วางใจจากทางโรงงานผ้าไหมฉี่ลี่ให้มาเป็นล่ามให้พวกเขาค่ะ!” เธอรีบอธิบาย
ใบหน้าผู้อำนวยการหลี่แข็งทื่อ
เธอไม่เคยเห็นอีกฝ่ายอึมครึมแบบนี้มาก่อน
ขณะที่กำลังคิดว่าตนทำอะไรผิดไป ก็ได้ยินเสียงขึ้นมาอีกครั้ง
“เสี่ยวเถียน ฉันรู้ว่าเธอเป็นเด็กที่มากความสามารถ มีอนาคตอันสดใส แต่ฉันก็รู้ว่าสภาพประเทศเราในปัจจุบันค่อนข้างแย่ ไม่ดีเท่าต่างประเทศ แต่ไม่ว่าเมื่อไรขอให้เธอจำไว้ว่าเธอเป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีนนะ!”
“…” เสี่ยวเถียน
เรื่องราวมันมาถึงขั้นนี้ได้ยังไงเนี่ย?
คิดว่าเธอจะประจบพวกนักธุรกิจต่างชาติแล้ววางแผนไปต่างประเทศ?
“ผู้อำนวยการหลี่ หนูเข้าใจที่คุณพูดนะคะ แต่หนูไม่ได้คิดจะไปต่างประเทศ หนูมาช่วยโรงงานผ้าไหมเพราะพวกเขาหาล่ามไม่ได้”
“ล่าม? โรงงานผ้าไหมฉี่ลี่ไม่มีล่ามหรือไง?” เขาสงสัย
“มีค่ะ แค่มันเกิดปัญหานิดหน่อย เขาก็เลยจ้างหนูมาเป็นล่าม”
เธอกังวลว่าหากไม่อธิบายให้ชัดเจน ความจริงมันจะไม่กระจ่างเสียที
สีหน้าของผู้อำนวยการหลี่อ่อนลงเล็กน้อย ท่าทางเหมือนอยากพูดอะไรสักอย่าง
แล้วจู่ ๆ ก็เหมือนคิดอะไรขึ้นได้ “เธอบอกว่าอะไรนะ? เป็นล่าม?”
“ใช่ค่ะ!”
“เธอรู้ภาษาอังกฤษด้วยหรือ?”
ที่พูดไปเมื่อกี้ไม่ได้ฟังหรือ?
“ผู้อำนวยการหลี่ นักธุรกิจเขาเป็นชาวเยอรมันค่ะ!” เธอย้ำ
เธอรู้ภาษาฝรั่งเศสและเยอรมันนะ ส่วนภาษาอังกฤษรู้แค่คำใช้ในชีวิตประจำวัน ง่าย ๆ เท่านั้น
“ล่ามภาษาเยอรมัน?” เขาเหลือเชื่อกว่าเก่าอีก “เธอรู้ภาษาเยอรมันด้วยหรือ?”
จู่ ๆ ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา เพราะอาจารย์ฉือก็เป็นล่ามภาษาเยอรมัน คงจะแปลกหากลูกศิษย์เขาไม่รู้!
“ผู้อำนวยการหลี่ หนูเข้าใจที่คุณพูดนะ แม้ตอนนี้ประเทศของเราจะลำบากไปบ้าง แต่หนูเชื่อว่าอีกสิบหรือยี่สิบปีข้างหน้า ประเทศจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดดแน่นอนค่ะ เมื่อถึงตอนนั้นพวกชาวต่างชาตินำเราไปก้าวนึงแน่นอน เวลาที่คนของเราในต่างประเทศพูดขึ้นก็คงจะไม่คิดว่าดวงจันทร์ที่ว่ากลมแล้ว ยังมีดวงอาทิตย์ที่สว่างยิ่งกว่า!”
อีกฝ่ายไม่คิดว่าเด็กสาวจะพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้
เขาตื่นเต้น “เสี่ยวเถียน เธอคิด คิดแบบนั้นจริง ๆ หรือ?”
น่ายกย่องมาก
เด็กวัยแค่นี้ยังรู้แจ้งเลย แถมยังเชื่ออีกว่าประเทศชาติจะพัฒนาก้าวหน้าอย่างยิ่งในอนาคต
น่าสนใจมากเลยใช่ไหมล่ะ?
ถ้าพวกคนหนุ่มสาวคิดแบบนี้ เราจะยังกลัวอะไรอีกล่ะ?
[1] เนื้อหมูชุบแป้งทอด นำไปผัดกับซอสเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ