บทที่ 499 ลูกค้าที่ไม่เหมาะ
บทที่ 499 ลูกค้าที่ไม่เหมาะ
“ก็ได้ งั้นแกก็จ่ายเงินเองแล้วกัน!” ผู้อำนวยการหลี่หยิบไพ่ไม้ตายของเขาออกมา
ผู้อำนวยการหลี่ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้า แต่ครูอวี่เป็นแค่ครูที่คอยดูแลห้องเอกสาร เงินเดือนทั้งสองจึงต่างราวกับฟ้าเหว แถมครูยังเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องอาหารการกินด้วย ในมือจึงไม่มีเงินเลย
แม้ชายหนุ่มผู้แสนลำบากจะลังเลที่จะต้องแยกจากอาหารไป แต่ก็วางจานในมือลงที่เดิม ถึงจะเห็นแต่ภาพชายแข็งแรงบึกบึนและซุ่มซ่าม แต่ตอนที่ต้องวางจานลงบนโต๊ะกลับระมัดระวังอย่างน่าประหลาด
จากนั้นชายหนุ่มก็ลอบมองพี่ชายฝั่งตรงข้าม แล้วฉกไปอีกชิ้นด้วยความรวดเร็ว
ผู้อำนวยการหลี่มองท่าทางนั้นด้วยความรังเกียจ ทำตัวไร้ค่าเสียจริง ถึงจะอร่อยแต่มันก็คากิไม่ใช่หรือไง อร่อยถึงขนาดที่ยางอายบนหน้าก็ไม่เอาด้วยหรือไง?
และแล้วเรื่องราวก็เป็นเช่นนี้ หลังจากกัดเข้าไปคำแรกผู้อำนวยการหลี่รู้สึกว่าถ้ามันอร่อยขนาดนี้เขาไม่เอายางอายแล้วก็ได้
สองพี่น้องเริ่มสู้กัน เพื่อแย่งชิงคากิที่เหลืออยู่ไม่กี่ชิ้น
เสี่ยวเถียนไม่ปล่อยให้เสียเวลา และเริ่มขายของทันที
“ผู้อำนวยการหลี่ ครูอวี่ คากิตุ๋นก็เหมาะให้ผู้หญิงกินนะคะ หากเราเสริมคอลลาเจนเข้าไปมันจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการชะลอความชรา! ถ้าพวกคุณซื้อกลับไปให้ที่บ้าน มันจะต้องเป็นที่นิยมแน่นอนค่ะ”
ถ้าไม่เคยกินมาก่อนพวกเขาคงจะดูแคลนเอาแน่ ๆ อีกอย่างถ้าเราซื้อกลับบ้านอาจจะโดนพวกผู้หญิงที่บ้านด่าก็ได้
แต่พอได้กินแล้วรับรู้ว่าอร่อยมาก ทั้งสองก็ไม่กังวลอีกต่อไป
“เอามาให้ฉันอีกจานนึงแล้วกัน เอากลับบ้านนะ!” ผู้อำนวยการหลี่เอ่ยทันที
“ฉันด้วยนะนักเรียนซู ที่ร้านเธอยังมีอยู่ไหม?”
เขาช้าไปตั้งก้าวนึง มันอาจจะไม่มีแล้วก็ได้
ทุกวันนี้ปริมาณอุปทานไม่เคยพอเลย ปกติที่โรงคากิพวกคากิจะโดนจองไปหมดเลย พอขายออกตลาดเลยมีไม่เยอะ
ผู้อำนวยการหลี่จ้องญาติผู้น้องเขม็ง เขาคิดจะบอกว่าถ้าอยากกินก็ซื้อเอง แต่มาคิด ๆ ดู วันนี้เขาก็ใช้เงินไปตั้งเยอะ เสียอีกสักหน่อยแล้วกัน
ครูอวี่กินอย่างมีความสุขขณะรออาหารห่อกลับบ้าน ไม่ได้มีความรู้สึกละอายใจใด ๆ เลยทั้งสิ้น
“ไม่มีปัญหาค่ะ พอดีวันนี้หนูทำคากิไว้หม้อนึง มีพอแน่นอนค่ะ” เสี่ยวเถียนยิ้ม
คากิเป็นอาหารใหม่ล่าสุดที่เสี่ยวเถียนให้คุณย่าทำ ปกติเราจะไม่ได้ตุ๋นแค่คากิเท่านั้นนะ พูดอย่างจริงจังคือตุ๋นคากิเพื่อทดลองน้ำเฉย ๆ
เธอวางแผนไว้แล้ว ถ้าผลจากน้ำตุ๋นคากิออกมาดี ขั้นตอนต่อไปที่ต้องทำก็คือตุ๋นเนื้อส่วนอื่น ๆ ลงไปในน้ำด้วย
หัวใจหมู ปอดหมู ไส้ใหญ่หมู แค่ได้ตุ๋นก็อร่อยแล้ว รสชาติเยี่ยม แน่นอนว่าเราอาจจะใส่ผักลงไปด้วย มันน่าจะเป็นที่นิยมนะ
ที่สำคัญคือหลู่เว่ย*[1] ของเราไม่ต้องกินที่ร้าน แต่สามารถเลือกซื้อกลับไปได้เลย
ร้านค้าเดี๋ยวนี้มีแต่ร้านใหญ่ ๆ ถ้าอยากได้เงินไว ๆ ก็ต้องคิดหาวิธีขยายขอบเขตทางธุรกิจ
“แบบนั้นก็ดีเลย เสี่ยวเถียน ฉันนี่โชคดีจริง ๆ ที่เป็นครูเธอ มีของดีแบบนี้ทำไมไม่รู้จักบอกกันบ้างนะ”
ครูอวี่แทะคากิพลางพึมพำ
เด็กคนนี้ไม่รู้จักพูดบ้างเลย มีของดีแบบนี้ก็น่าจะบอกกันสักหน่อย เขาจะได้มากินให้ไวกว่านี้
ครูอวี่เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับอาหารการกินมาก หลังจากที่รู้ว่าอาหารหออีมิงอร่อย เขามักจะมากินทุก ๆ สองสามวันเลย
พูดตรง ๆ คือ เงินเดือนส่วนใหญ่ของเขายกให้หออีหมิงไปเกือบหมดแล้ว
“เพิ่งทำใหม่ ๆ เมื่อสองวันก่อนนี้เองค่ะ อีกอย่างหนูก็ลาเรียนด้วย ก็เลยไม่ได้เอาไปให้ครู” เธอยิ้ม
ครูอวี่ไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวเท่าไร เธอจึงค่อนข้างชอบสนิทกับคนแบบนี้
“แปลกจัง ฉันเพิ่งจะมากินเมื่ออาทิตย์ก่อนนี้เอง เหมือนไม่เคยกินเลยนะ”
ครูอวี่แทะคากิไปด้วยพูดไปด้วยก็จริง แต่ความเร็วไม่ได้ช้ากว่าผู้อำนวยการหลี่ที่แสนอ่อนโยนเลย
คากิจานเดียวผู้อำนวยการกินอยู่สองอันก็หมดแล้ว ยังไม่อิ่มด้วยซ้ำ
แต่ก็ทำได้เพียงมองญาติผู้น้องเทซ้ำในจานใส่ข้าว
พริบตาเดียวเหมือนข้าวสวยจะมีรสชาติเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
แค่คากิก็อิ่มไปแล้ว 60% ครูอวี่มองอาหารอีกสามจานที่เหลือ ก่อนเอ่ยทักพี่ชาย
“พี่ครับ อาหารพวกนี้ก็อร่อยนะ พี่ลองชิมดู!”
ผู้อำนวยการหลี่ดูไม่พอใจ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากแย่งหมูตุ๋นกับถ้วยข้าวมากิน
เขาตัดสินใจแล้วว่าต่อให้ต้องแย่งมากก็ต้องกินให้ไวหน่อย กลัวว่าสุดท้ายอาหารดี ๆ บนโต๊ะจะโดนญาติกินจนเกลี้ยง
คนจ่ายแบบเขาเสียเปรียบมาก!
เขาแอบตัดสินใจเงียบ ๆ จากนี้ไปจะไม่มากินด้วยอีกแล้ว โดยเฉพาะที่จะต้องมากินที่หออีหมิง ยืนยันเลยว่าไม่ต้องการให้อีกฝ่ายมาด้วย
ครูอวี่ไม่รู้ตัวเลยว่าตนถูกขึ้นบัญชีดำเสียแล้ว ทั้งที่กำลังกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย
เสี่ยวเถียนรู้สึกหิวเมื่อเห็นฉากแย่งอาหาร
เธอตัดสินใจหยิบจานคากิมากินบ้าง
เธอตักมาสองสามชิ้น ตักซุปผัก และข้าวอีกถ้วยมานั่งกินที่โต๊ะที่ไว้ใช้งานเองข้างนอก
รสชาติบอกได้เลยว่าสมบูรณ์แบบ!
สองพี่น้องชาวต่างชาติเห็นฉากนี้พอดี
คริสติน่าสนใจคากิสีแดงแวววาวและเนื้อเด้งในมือเสี่ยวเถียนมาก
“ที่รัก กินอะไรอยู่น่ะ? กลิ่นหอมจังเลย!” อีกฝ่ายวิ่งเข้ามาถาม
ออกัสบอกได้เลยว่ามันคือกีบเท้าหมู
เรียวคิ้วขมวดมุ่น
อาหารสัปดนแบบนี้มาโผล่ในร้านอาหารหรู ๆ ได้ยังไง? แม้แต่คนที่ฐานะต่ำกว่านี้ยังไม่คิดจะกินเลย แล้วเสี่ยวเถียนกินได้ยังไง?
ที่สำคัญคริสติน่าก็อยากกินด้วย?
เป็นไปได้ยังไงเนี่ย?
สีหน้าออกัสพลันเปลี่ยนไป
“ติน่า!” เขาตะโกนด้วยใบหน้าเรียบเฉย
หญิงสาวไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ถึงเรียก แต่ตอนหันไปมองก็พบว่าสีหน้าเขาดูแปลก ๆ ไป
ตอนนั้นคริสติน่าไม่รู้ว่าออกัสคิดอะไร
เธอติดกับคากิบนตะเกียบเสี่ยวเถียนเข้าแล้ว แววตาสดใสจับจ้องมันเอาไว้
“พี่คะ ฉันอยากกินอันนี้!” คริสติน่าพูดโดยไม่หันกลับมามอง
สีหน้าเสี่ยวเถียนค่อนข้างอธิบายได้ยาก
ชาวต่างชาติไม่ชอบกินเนื้อที่มีกระดูก พวกเขาไม่คุ้นเคยกับการคายของที่เข้าไปในปากแล้ว แม้กระทั่งก้างปลาก็ไม่ได้
แต่คากิต้องกินทั้งกระดูกถึงจะอร่อย เพราะแบบนั้นเธอจึงไม่สั่งเมนูนี้ให้สองพี่น้องออกัสคริสติน่า
“คุณคริสติน่าคะ มันเรียกว่าคากิค่ะ พวกคุณอาจจะไม่ค่อยชินนะ!”
เห็นท่าทางไม่พออกพอใจของออกัส เสี่ยวเถียนก็รีบตอบ
ถึงแม้จะหวังโปรโมทอาหารใหม่ ๆ แต่ก็ต้องดูด้วยว่ามันเหมาะกับลูกค้าหรือเปล่า
และคากิจานนี้ก็เหมือนจะไม่เหมาะกับแขกผู้มีเกียรติชาวเยอรมันเลยนะ!
*[1] คืออาหารที่เราสามารถเลือกของที่อยากกินใส่ลงไปในหม้อตุ๋น (คล้าย ๆ น้ำพะโล้)