บทที่ 507 ไล่ตามภรรยาไม่ได้
บทที่ 507 ไล่ตามภรรยาไม่ได้
ฮั่วซิวเฉิงมาหาแต่เช้า และเป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับซูเหล่าซาน เขาเป็นพวกสนิทกับคนอื่นไว ไม่ต้องให้คนอื่นแนะนำก็เข้าไปทำความรู้จักกับพี่เหล่าซานอย่างไว
หลังจากพูดคุยกันสักพัก เขาก็พาอีกฝ่ายไปเจอชิวหย่งเหนียนสหายร่วมรบของเขาเอง
เดิมทีเหล่าซานก็เป็นคนขับลากอยู่แล้ว แถมยังเป็นคนมีความสามารถ ชิวหย่งเหนียนได้พบก็คอยต้อนรับ
ทั้งยังพูดครั้งแล้วครั้งเล่าว่าที่นี่ขาดคนเก่ง คงจะดีหากได้เหล่าซานมาช่วย
หลังจากกลับมาจากทหาร แต่เดิมเขาก็มีงานทำอยู่แล้วเพราะเป็นพวกอยู่ไม่สุข พอทำไปได้สักระยะกลับรู้สึกไม่ชอบ จึงหาโอกาสเป็นฝ่ายมาทำเป็นของตัวเอง
หลังจากนั้นก็อาศัยสายสัมพันธ์ที่มีในกองทัพ สร้างทีมรถขนส่งขึ้นมา
ทว่ามันมีระยะห่างของความเป็นจริงและอุดมคติอยู่เสมอ
ในตอนที่เขาสร้างทีมขนส่ง กลับไม่คิดเลยว่าจะเจอปัญหาเรื่องคนขับ! ปีนี้คนขับส่วนใหญ่มีตำแหน่งกันหมดแล้ว
ทีมก่อตั้งขึ้นมาแล้วก็จริง แต่มันเป็นทีมแบบส่วนตัว จึงทำให้คนขับหลายคนไม่ยอมเชื่อ
หายากมากที่จะมีคนเต็มใจมาช่วย แล้วแบบนี้จะไม่ให้ชิวหย่งเหนียนอ้าแขนต้อนรับ!
พอดีกับที่เหล่าซานไม่อยากช่วยงานร้านอาหาร เพราะรู้สึกไม่ใช่งานที่ดีอะไร
ดังนั้นทั้งสองจึงหันมาจับมือกัน
หลังจากพบปะกันช่วงสั้น ๆ เหล่าซานก็ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
และเพื่อแสดงความจริงใจ ชิวหย่งเหนียนยอมเพิ่มเงินเดือนขึ้นให้อีกสิบหยวน
เหล่าซานตื่นเต้นมาก ถึงขนาดเพิ่มเงินเดือนให้เลยหรือ? ทีแรกก็คิดว่าจำนวนก่อนหน้านี้ก็ไม่เลว ไม่รู้ว่าลูกสาวเจอคนมากอำนาจแบบนี้มาจากไหน
เย็นขากลับเหล่าซานโดนชมอีกครั้ง
เสี่ยวเถียนรู้สึกว่าแม้จะเพิ่มเงินมาอีกสิบหยวน อันที่จริงมันก็ไม่ได้เยอะ เธอเคยเป็นพนักงานประจำและมีเงินบำนาญด้วย
แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกัน งานในทีมขนส่งส่วนตัวยังไม่สามารถรับประกันได้ถ้าเราแก่ตัวลง
เดือนละสิบกว่าหยวน ถ้าคำนวณดี ๆ จะรู้ว่ายังขาดทุนอยู่!
แต่ตอนนี้บ้านเราไม่ได้พึ่งพาเงินเดือนพ่อเธอแล้ว
แค่เขามีความสุขก็พอ
เย็นวันนั้นคนบ้านซูเตรียมอาหารรสเลิศ เพื่อแสดงความขอบคุณฮั่วซิวเฉิง
พวกเขายังเชิญสองสามีภรรยาตู้และพ่อฮั่วแม่ฮั่วมาเป็นพิเศษด้วย
ทั้งสองครอบครัวเดินทางมาฉลองพร้อมกัน
สองสามีภรรยาเสิ่นก็มาพร้อมกับลูกทั้งสอง
เถาฮวาพูดถึงจดหมายที่เสี่ยวเหลียงส่งมาให้เมื่อไม่นานมานี้ด้วย เนื้อความว่าลูกชายจะกลับมาเยี่ยมตนเองในไม่ช้า
“พี่เถาฮวามีความสุขจะแย่แล้วสิ?” เหลียงซิ่วหัวเราะ
เสี่ยวเหลียงจากไปนานหลายปี บอกไม่คิดถึงก็คงโกหก ผู้เป็นแม่แทบหลั่งน้ำตาด้วยความตื่นเต้น
ลูกชายไม่กลับมาตั้งแต่ไปรับใช้ชาติ ได้ยินว่าอยู่ในกองทัพก็สบายดี แต่คนเป็นแม่จะวางใจได้ยังไง?
“เธอพูดถูก เขาอยู่ในกองทัพมาตั้งหลายปี ถ้ากลับมาคงต้องถามแล้วแหละว่าจะปลดประจำการเมื่อไร”
เพราะตกลงกันไว้ดีแล้วก่อนไปทหาร และมันเป็นเพราะหลี่ฉางหมิงที่สร้างปัญหาเอาไว้จนงามหน้า จึงเป็นการดีกว่าถ้าจะส่งลูกไปที่อื่น
ตอนนี้ชีวิตมั่นคงบ้างแล้ว จึงเริ่มคิดอยากให้ลูกกลับบ้าน
“ได้ยินว่าเสี่ยวเหลียงเป็นผู้บังคับหมวดด้วย (ตำแหน่งผู้บังคับบัญชาของหมวด) ปล่อยให้ลูกทำงานที่นั่นเถอะค่ะ”
ซูเถาฮวายิ้ม “ฉันก็แค่พูดเฉย ๆ เสี่ยวเหลียงเป็นยึดติดกับความคิดตัวเองมากน่ะ เขาไม่น่าจะฟังฉันหรอก”
หญิงทั้งสองหัวเราะ
จากนั้นเถาฮวาก็ถามว่า ทำไมหลีอวี๋เหนียงถึงมาด้วย
เหลียงซิ่วคิดว่ามันเป็นเรื่องของคนอื่นเลยรู้สึกอธิบายยาก จึงตอบไปสั้น ๆ แล้วบอกว่าน่าจะมาอยู่บ้านเราอีกนาน
เถาฮวาไม่ใช่คนเรื่องเยอะ ถามแค่นั้นแล้วก็ไม่ได้ถามอะไรอีก
ในไม่ช้าทุกครอบครัวก็มารวมตัวกันกินข้าวเย็น
พ่อฮั่วแม่ฮั่วบอกว่าพวกเขาตัดสินใจแล้วว่า ตนควรจะกลับบ้าน แถมยังบอกว่ารอบนี้ฮั่วซิวเฉิงไม่ได้ออกมาแค่ช่วงสั้น ๆ ด้วย ควรจะกลับกองทัพไปได้แล้ว
“ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องให้ทำน่ะ โชคดีที่เรามาส่งของหัวหน้าเขาก็เลยให้หยุดน่ะ”
พวกเขาเป็นคนเรียบง่ายมาก คิดถึงประเทศและส่วนรวมสุดหัวใจ
เพราะรู้ดีกว่าหากปีนั่นไม่ได้ลูกชายตระกูลตู้พลีชีพ พวกเราก็คงมาส่งอิฐให้และไม่ได้มีวันหยุดยาวเช่นนี้หรอก
การมาเมืองหลวงในคราวนี้ถือได้ว่าเป็นการได้เห็นโลกกว้าง
หลังจากได้รับประสบการณ์ ผู้อาวุโสทั้งสองต่างก็พูดกับตัวเองไม่หยุดว่า ‘ชีวิตนี้ไม่เสียเปล่าแล้วละ!’
กลับไปที่กองชุมชนเมื่อไร ความรุ่งโรจน์ของการได้มาเยือนเมืองหลวงมากพอให้พวกเขาอวดไปตลอดชีวิต
ได้คืบจะเอาศอกก็แล้ว จะไม่อยากกลับบ้านได้ยังไง?
พวกเขาเป็นชาวนาที่เกิดมาเพื่อทำงานในไร่นานะ!
สองสามีภรรยาตู้พยายามเกลี้ยกล่อมพ่อฮั่วและแม่ฮั่วให้อยู่ต่อ แต่อีกฝ่ายไม่คิดเปลี่ยนใจ
บรรยากาศแสนอบอุ่นถูกหยุดไว้
ฮัวซิ่วเฉิงยิ้มขณะจัดการสถานการณ์ “พ่อแม่ผมชินกับการใช้ชีวิตที่บ้านเกิดแล้วน่ะครับ หลายวันมานี้ก็พูดบ่อยมากว่าอยากจะกลับแล้ว!”
สุดท้ายคนทั้งสามก็ซื้อตั๋วรถไฟและกลับไปพร้อมกัน
สองสามีภรรยาตู้ซื้อของพิเศษจากเมืองหลวงไปฝากเพียบ ส่วนคุณย่าซูก็เตรียมเนื้อตุ๋นไว้ให้กินระหว่างทาง
พวกเขาซาบซึ้งจนเกือบหลั่งน้ำตา
ขนาดขึ้นรถไฟมาแล้วก็ยังพูดไม่จบว่า มาเมือหลวงครั้งนี้ได้รับอะไรดี ๆ จากคนนี้มามากมายเลย มากกว่าแต้มการทำงานหนึ่งปีที่ชนบทเสียอีก
ฮั่วซิวเฉิงหัวเราะ สิ่งต่าง ๆ บนโลกใบนี้เป็นไปตามโชคชะตาจริง ๆ
ตอนแรกก็เป็นเพียงคนที่บังเอิญได้พบกัน แต่ใครจะรู้เล่าว่าพวกเรากลับสนิทมากขึ้นเรื่อย ๆ?
วันเวลาผ่านไป มีพบก็ต้องมีจาก ชีวิตต้องดำเนินต่อไป
วันคืนอันสงบสุขดูเหมือนจะผ่านไปเร็วขึ้นเล็กน้อย พริบตาเดียวก็ผ่านมาหนึ่งเดือนเสียแล้ว
อากาศเริ่มเย็นตัวลง
ใบเฟิงตามถนนหนทางแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง
ตระกูลซูกำลังไปในทิศทางที่ดีขึ้น ชีวิตของครอบครัวอื่นเฟื่องฟูคล้ายกับใบเฟิง
ยกเว้นฮั่วซือเหนียนชายผู้น่าสงสาร
ชายหนุ่มไม่รู้เลยว่า ทำไมเขาถึงชอบสาวชนบทอย่างซูเสี่ยวเหมย เป็นเรื่องที่ติดอยู่ในใจจริง ๆ
ทว่าชายที่กลับมาจากเมืองนอกไม่มีทักษะความสามารถในการจีบสาว
เขาไล่ตามเสี่ยวเหมยมาจนถึงบ้านซูนับครั้งไม่ถ้วน แต่ผู้หญิงคนนี้ก็มักจะหลบเขาเสมอ ทำให้เขาไม่รู้จะกล่าวยังไงดี
เพื่อที่จะไล่ตามภรรยา ฮั่วซือเหนียนใช้วิธีเข้าหาเสิ่นจื่อเจินด้วยซ้ำ
น่าเสียดายตรงที่แม้เสิ่นจื่อเจินจะไม่ใช่พ่อที่แท้จริง แต่ก็ยังปฏิบัติต่อเสี่ยวเหมยเหมือนลูกสาวแท้ ๆ
พอเห็นชายหนุ่มที่คิดจะแย่งลูกไปก็โกรธจนกัดฟันกรอด จะให้เขาอารมณ์ดีได้ยังไงล่ะ?