บทที่ 511 ความคิดของเฉาเกาซวน
บทที่ 511 ความคิดของเฉาเกาซวน
สองย่าหลานอยู่ใกล้กันมาก และเป็นช่วงที่พิธีกรกำลังจะประกาศรางวัลรองชนะเลิศ เสียงรอบข้างจึงไม่ดังเท่าไร เลยทำให้เสี่ยวเถียนได้ยินชัดเจน
จึงอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย “มีอะไรหรือคะคุณย่า?”
อวี่รุ่ยหยวนกระซิบ “ที่ปรึกษาของเด็กคนนี้คือ เฉาเกาซวน น่ะ!”
เฉาเกาซวน?
เสี่ยวเถียนค่อนข้างคุ้นชื่ออีกฝ่ายแต่จำไม่ได้ว่าได้ยินมาจากที่ไหน แต่เพราะในหัวเก็บแต่เรื่องที่มีประโยชน์ พวกเรื่องไม่สำคัญจึงถูกตัดทิ้งโดยอัตโนมัติ
เสี่ยวเถียนเป็นคนความจำดี
หลังจากพยายามนึกก็จำได้ว่าใคร
อาจารย์เฉาเกาซวนที่บอกว่าพี่รองไม่มีพรสวรรค์ใช่ไหม แถมยังบอกอีกว่าต้องขยันอีกสักสิบยี่สิบปีถึงจะประสบความสำเร็จได้น่ะ?
แต่ย่าบุญธรรมบอกไว้ไม่ใช่หรือว่านิสัยใจคอเขาไม่ดี แถมก็ไม่ได้เก่งเท่าไรด้วย?
แล้วทำไมตอนเป็นนักเรียนเขาถึงได้อันดับสอง? ทว่าเสี่ยวเถียนไม่ได้คิดมากเรื่องนี้ เพราะยังไงต่อให้ครูผู้สอนไม่ดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านักเรียนของเขาจะไม่ดีเสียหน่อย
หรือคนคนนี้จะมีพรสวรรค์เหมือนพี่รอง?
ชีวิตครั้งก่อนไม่มีประสบการณ์มาก่อน จึงไม่รู้ว่ามีกี่คนที่เก่งกาจอยู่เท่าไร
แต่หลังจากกลับมาเกิดใหม่ เสี่ยวเถียนตระหนักได้ว่ามีกี่คนที่เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ เหนือผู้อื่นเป็นอย่างมาก
“ย่าสนใจ ‘ภาพอาทิตย์อัสดง’ มากเลย ไว้ค่อยไปดูแล้วกัน!”
น้ำเสียงอวี่รุ่ยหยวนฟังดูเย้ยหยัน
อาทิตย์อัสดง?
ฟังดูคุ้น ๆ ชอบกล!
เสี่ยวเถียนนึกจนหัวหมุน
ภาพที่พี่รองวาดให้อาจารย์เฉาเกาซวนชื่อ ‘ดวงอาทิตย์อัสดง’ ไม่ใช่หรือ?
หรือ ‘ภาพอาทิตย์อัสดง’ จะเป็น ‘ดวงอาทิตย์อัสดง’ ของพี่รอง?
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ขึ้นมา เสี่ยวเถียนก็ตกใจ เธอหันไปมองหญิงชราที่กำลังเลิกคิ้ว
“ย่าไม่เคยเห็นคนหน้าด้านแบบนี้มาก่อนเลย แม้แต่ชื่อภาพมันยังไม่คิดจะเปลี่ยนด้วยซ้ำ!”
น้ำเสียงเธอแสดงความดูถูกอย่างปิดไม่มิด เสี่ยวเถียนแอบคิด ต่อให้เปลี่ยนมันก็ไม่สามารถเปลี่ยนฝีมือได้อยู่ดี แล้วการที่อีกฝ่ายกล้าทำแบบนี้ก็เพราะมั่นใจว่าต่อให้เขาได้รางวัล พี่รองก็ไม่มีทางรู้
ตอนนั้นเฉาเกาซวนเองก็อยู่ด้วย สีหน้าของเขาไม่ค่อยสู้ดีนัก หรือต้องบอกว่าพอได้ยินชื่อซูซื่อเลี่ยงผู้ที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 เขาอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาเลย
เพราะพยายามคิดอยู่ว่าอาจจะแค่ซื่อแซ่เหมือนกันก็ได้
กระทั่งซื่อเลี่ยงก้าวขึ้นไปยืนบนเวที สีหน้าเฉาเกาซวนเย็นขึ้นทันใด
การประกาศรางวัลในครั้งนี้ แม้ผู้รับรางวัลจะรู้ผลของตัวเองมาก่อนแต่ก็ไม่ได้รู้ผลของคนอื่น
เพราะงั้นเฉาเกาซวนรู้ผลมาก่อนแล้วด้วยว่า ภาพที่เอาให้เจียงเยว่ซานได้รับรางวัล แต่ไม่รู้ว่าซูซื่อเลี่ยงมาลงแข่งกับเขาด้วย
ในตอนนั้นเลยได้แต่กำหมัด นึกเกลียดชังอยู่ในใจ!
ซูซื่อเลี่ยงชาวไร่ชาวนาจากบ้านนอก อีกทั้งยังเก่งไม่เท่าเขาสักนิด ถ้าเข้าร่วมก็ว่าไปอย่าง เขาจะแสร้งทำเป็นไม่รู้ให้ก็ได้
แต่ไอ้สารเลวนี่กลับได้รับรางวัลที่สามไป มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน?
สองปีที่ผ่านมาเขาจัดการไอ้เด็กคนนั้นไปไม่น้อยเลย แถมมันก็ไม่ได้มีความเข้าใจอะไรในภาพเขาสักนิด
แล้วจู่ ๆ จะมาแข่งได้ยังไง?
เฉาเกาซวนรู้สึกว่าเรื่องนี้มันแปลกไปหมด
หลังจากกวาดตามองไปรอบ ๆ ก็ไม่เห็นเด็กคนนั้นแล้ว
ไม่งั้นเขาคงใช้สายตาฟาดฟันจนอีกฝ่ายกระอักเลือด
ตอนนั้นผู้ชนะรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ถือถ้วยรางวัลเดินลงเวที และต่อไปจะเป็นไฮไลท์ของวันนี้ นั่นคือการมอบรางวัลชนะเลิศ
ในการแข่งขันทั้งหมดสามประเภท จะแบ่งรางวัลอันดับแรกออกเป็นสามคน
หลังจากที่พิธีกรประกาศผล เฉาเกาซวนได้ยินเสียงซูซื่อเลี่ยงทันใด นอกจากรางวัลอันดับสามแล้ว ยังได้รางวัลอันดับหนึ่งอีกหรือ?
วาดภาพแบบประณีตคือ อันดับสาม
ส่วนวาดภาพพู่กันจีนคือ อันดับหนึ่ง
เกิดความคาดหมายมาก
ฝั่งทางด้านของเจียงเยว่ซานที่พึ่งลงจากเวทีแทบจะเซยามได้ยินผล
เธอรู้สึกตื่นตระหนก
ก่อนขึ้นรับก็ได้ยินแล้วทีนึง นี่ได้ยินอีกแล้วหรือ
ทำยังไงดี?
เจียงเยว่ซานรีบไปหาเฉาเกาซวน เราต้องคิดหาวิธีกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ กระทั่งเห็นครูที่ปรึกษา หญิงสาวถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“อาจารย์คะ เราจะทำยังไงกันดี?” เธอรีบเอ่ยอย่างร้อนรน
ผู้เป็นอาจารย์หันไปมองศิษย์ แววตาเต็มไปด้วยความรักใคร่
“ไม่เป็นไรเยว่ซาน ในเมื่อไอ้เด็กคนนั้นมันไม่เชื่อฟัง ก็ทิ้งมันเลยแล้วกัน!” แล้วแววตาก็แปรเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยม
เดิมทีก็คิดว่าไอ้เด็กบ้านนอกจากชักจูงง่าย จึงคิดอยากใช้ประโยชน์จากมัน
แต่ไม่นึกเลยว่ามันจะเป็นคนที่กล้ามาก ถึงหลอกได้แยบยลขนาดนี้!
“อาจารย์ ฉันรู้ว่าอาจารย์เก่งที่สุดค่ะ!”
หลังจากได้รับคำมั่นสัญญา เจียงเยว่ซานก็พูดด้วยเสียงอ่อนเสียงหวานโดยไม่ลืมส่งสายตาย้วนยวนกลับไป
หากตั้งใจฟังจะรับรู้ได้ว่าในน้ำเสียงนั้นมีความออดอ้อนเท่าไร
จู่ ๆ เฉาเกาซวนก็ว้าวุ่นใจและมองหญิงสาวด้วยสายตาที่ผิดแผกไป จากนั้นฉวยโอกาสในตอนที่คนไม่ได้ให้ความสนใจลอบบีบมือเล็กนุ่มของหญิงสาว ก่อนเดินขึ้นไปบนเวที
เพราะบนนั้นยังมีคนน่ารำคาญใจอยู่
ซูซื่อเลี่ยงกำลังรับรางวัลด้วยใบหน้าที่พอใจ ยิ้มโชว์ฟันขาว
เฉาเกาซวนอยู่ในตำแหน่งด้านหน้า เลยมองเห็นได้ชัด
ขากัดฟันกรอดด้วยความจงเกลียดจงชัง อยากจะเตะมันออกไปข้างนอกให้จนได้! แถมไอ้รอยยิ้มนั่นยังทำคนอึดอัดใจจริง ๆ!
ทางพิธีกรไม่รู้ว่ามีการเตรียมไว้ล่วงหน้าดีแล้วหรือแค่ความคิดชั่ววูบ แทนที่จะให้ทางท่านผู้นำได้กล่าวสุนทรพจน์ แต่ขอให้ซื่อเลี่ยงบอกความรู้สึกในชัยชนะครั้งนี้แทน
เหล่านักข่าวก็กำลังถ่ายรูปซื่อเลี่ยงที่ได้รับสองรางวัลติดเอาไว้ด้วย
ก่อนหน้านี้ไม่คิดเลยว่าจะมีเรื่องที่คาดไม่ถึงแบบนี้อยู่ด้วย
ชายหนุ่มคนนี้ต้องใช้ความสามารถมากแค่ไหน ถึงกวาดสองรางวัลในการแข่งระดับประเทศมาได้?
พวกนักข่าวเองก็รู้ว่าการเขียนพู่กันจีนและภาพวาดพวกนี้ ยิ่งคนวาดแก่ประสบการณ์ก็ยิ่งมีราคาสูง อีกทั้งผลงานยังเป็นที่รู้จักมากอีกด้วย
สำหรับซูซื่อเลี่ยง ชายหนุ่มในช่วงวัยรุ่นตอนปลายกำลังยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มชายชราที่มีหนวดเคราสีขาว ไม่ว่าจะมองยังไงก็โดดเด่น!
ส่วนซูซื่อเลี่ยงไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน ไม่รู้เลยว่าตัวเองต้องมีช่วงที่ต้องพูด จึงได้แต่ยืนตะลึงงัน