บทที่ 519 ท่านเป็นคนที่หนูเคารพ
บทที่ 519 ท่านเป็นคนที่หนูเคารพ
cw // เนื้อมีการบรรยายความรักระหว่างอาจารย์-ศิษย์ ในปัจจุบันถือว่าเป็นความรักที่ผิดศีลธรรม
ผู้อาวุโสอู๋รู้ว่าลูกชายคนเดียวของรุ่นน้องคนนี้เสียชีวิตในสนามรบ ตอนนั้นเขาถอนใจอยู่นาน และคิดว่าน้องเป็นคนที่น่าสงสารมาก
เขาคิดว่าเธออาจรับเด็กสักคนมาเลี้ยงไว้ข้างกาย
กลายเป็นว่าสองสามีภรรยากลับไม่มีเจตนานั้นเลย ไฉนเลยจะรู้ว่าพอแก่ตัวลง จู่ ๆ ก็รับหลานสาวบุญธรรมไว้คนหนึ่ง
ผู้อาวุโสอู๋มองเสี่ยวเถียนอย่างถี่ถ้วน เพราะไม่วางใจหากเด็กคนนี้คิดหาผลประโยชน์
แต่พอเห็นแววตาใสแจ๋วของเด็กสาว ไม่รู้เพราะอะไรกลับเชื่อว่าเธอไม่มีเจตนาแบบนั้น
แล้วดูพี่ชายที่อยู่ข้างหลังสิ อืม ดี ๆ ลูกหลานมากมาย ไม่น่าโดยใครรังแกง่าย ๆ
เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อาวุโสอู๋เข้าใจเด็กพวกนี้ผิดไป ตอนอวี่รุ่ยหยวนแนะนำก็อธิบายเพิ่มไปว่า นอกจากเด็ก ๆ ที่เรียนมหาวิทยาลัยแล้ว คนที่เหลือเรียนที่โรงเรียนมัธยมอันดับ 7 หมดเลย แถมเรียนเก่งด้วย
ผู้อาวุโสอู๋จำความสามารถของพวกเขาได้ จากนั้นก็พยักหน้า เชื่อโดยสัญชาตญาณว่าท่าทางพวกเขาไม่ใช่เด็กมีปัญหาแน่นอน
รุ่นน้องยังให้ความสำคัญกับเสี่ยวเถียนเป็นพิเศษด้วย เห็นได้จากการปฏิบัติต่อเด็กคนนั้นเหมือนกับเป็นลูกของตัวเอง เป็นไปได้ว่าคงถือเป็นลูกตัวเองเลย รัฐมนตรีกู่ได้ยินบทสนทนาชัดเจน
แถมวันนี้ยังมีเสี่ยวเหมยและเสี่ยวกังมาอีกด้วย มีเด็ก ๆ สิบกว่าคน ดูยิ่งใหญ่มาก แค่กลุ่มเดียวก็สะดุดตาคนไม่น้อย
รัฐมนตรีนึกประหลาดใจ
บ้านแบบไหนถึงเลี้ยงลูกให้ได้ศึกษาเล่าเรียนได้ สิบปีมาแล้ว มีเด็กจำนวนไม่น้อยถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลัง ไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเขาจะเลี้ยงเด็ก ๆ ออกมาภายใต้ความกดดันของสังคม! และนั่นก็เป็นผลให้รัฐมนตรีกู่สนใจตระกูลซูกว่าเดิม
ยังนึกสงสัยอยู่เลยว่าควรชมพวกเขาหน่อยหรือเปล่า
ตอนนั้นเองที่ฮั่วซือเหนียนปรากฏตัวในงาน
แวดวงศิลปวัฒนธรรมในเมืองหลวงนั้นใหญ่มาก ฮั่วซือเหนียนเหมือนพระพุทธรูปที่ส่องแสงประกายท่ามกลางหมู่ผู้คน แม้แต่รัฐมนตรีกู่ก็รู้จักเลยทักทายด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์ฮั่วมาได้ยังไงครับ?”
เพราะชายคนนี้ดูไม่เกี่ยวข้องอะไรกับงานเลย
ฮั่วซือเหนียนมองเสี่ยวเหมยด้วยสายตามีนัย
หญิงสาวเขินอายจึงรีบก้มหน้างุด
รัฐมนตรีกู่เคยผ่านวัยหนุ่มสาวมาก่อน มีหรือจะไม่เข้าใจการกระทำพวกนั้น ได้แต่หัวเราะลั่น
ฮั่วซือเหนียนเดินเข้าไปหาเสี่ยวเหมยแล้วยิ้ม “นักเรียนเสี่ยวเหมย มางานพิธีประกาศรางวัลทั้งทีทำไมไม่ชวนสักคำ?”
เสี่ยวเหมยไม่อยากจะพูด แต่ภายใต้การจ้องมองของทุกคนเลยต้องเอ่ยตอบ
“ขอบคุณอาจารย์ฮั่วที่มาร่วมยินดีกับซื่อเลี่ยงค่ะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว เพราะเราสนิทกันขนาดนี้” ชายหนุ่มรีบตอบ
ขณะที่อีกฝ่ายทำท่าเหมือนจะพูดต่อ เสี่ยวเหมยแทรกขึ้นมาทันที “รัฐมนตรีหู่กำลังจะกล่าวแล้วค่ะ พวกเราตั้งใจฟังเถอะ”
ฮั่วซือเหนียนมองรัฐมนตรีด้วยความเคืองจัด ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกว่าตาแก่นี่น่ารำคาญนัก?
แต่พอเห็นสีหน้าจริงจังของคนข้าง ๆ เขาก็ยอมสงบปากสงบคำ
ช่วงสุดท้ายของพิธีมอบรางวัลตามกำหนดเดิมคือการกล่าวสุนทรพจน์ของรัฐมนตรีกู่ แม้ว่าครั้งนี้จะมีปัญหาบ้าง แต่จังหวะของพิธีมอบรางวัลยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ตอนนั้นรัฐมนตรีกู่ขึ้นไปบนเวทีภายใต้คำเชิญอันอบอุ่นของพิธีกร
สีหน้าเขาจริงจังมาก ทุกคนในพื้นที่ได้แต่กดดัน
ใช่ เขาอารมณ์ไม่ดีจริง ๆ
ก่อนหน้านี้เขาไม่คิดสักนิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในงานแข่งขัน
ครั้งหน้าอาจจะต้องเพิ่มกฎให้ผู้เข้าแข่งขันให้แสดงให้ชมแบบสด ๆ แล้วล่ะ
รัฐมนตรีกู่กระแอมไอ ก่อนจะเอ่ย
ตอนแรกเขากล่าวเรื่องที่ว่าจะไม่ยอมให้มีผู้ใดขโมยผลงานและปลอมแปลงมาเป็นของตนเองเด็ดขาด
เรื่องต่อมาคือกล่าวยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ โดยเฉพาะซื่อเลี่ยงที่คว้าไปสามรางวัลรวด
ตบท้ายด้วยถ้อยคำแห่งความหวัง
หลังจบการสุนทรพจน์ พิธีมอบรางวัลในวันนี้เป็นอันจบลง
ถึงช่วงระหว่างงานจะวุ่นวายไปมาก แต่โดยรวมแล้วก็ออกมาดีอยู่
อาจารย์บางส่วนอิจฉาซื่อเลี่ยงมาก อิจฉาที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย และอิจฉาที่ได้ครูดีมาสอน
เหล่าคณะกรรมการร่วมแสดงความยินดีให้ชายหนุ่มอย่างอบอุ่น
เป็นเรื่องยากมากที่คนคนเดียวจะชนะได้สามรางวัลรวดในการแข่งขันครั้งเดียว แต่เพราะมันเป็นการแข่ง เราสามารถให้คนคนหนึ่งส่งผลงานเยอะขนาดนี้ได้
แต่การที่เจ้าตัวได้รางวัลถือว่าเป็นเรื่องไม่คาดคิด
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ซื่อเลี่ยงกลับมาหออีหมิงพร้อมกับใบประกาศ ถ้วยรางวัล และเงินอีกสองร้อยห้าสิบหยวนด้วยความสับสนอลหม่าน
ตอนเดินเข้าไปในร้านก็ยังรู้สึกเหมือนฝันไป จากเดิมที่มีแค่รางวัลที่หนึ่งและสาม กลายเป็นว่าตอนนี้ได้มาทั้งหมดสามรางวัล แถมเงินรางวัลก็เพิ่มขึ้นอีกร้อยหยวน รู้สึกได้เลยว่าตอนนี้เขาเป็นคนรวยแล้ว!
ได้แต่สงสัยว่าฝันไปหรือเปล่า!
ผู้อาวุโสอู๋ อวี่รุ่ยหยวนและคนอื่น ๆ ตามซื่อเลี่ยงกลับมาด้วย
สองลูกศิษย์ที่ไม่ได้เจอกันนาน กำลังสนทนาเล่าประสบการณ์หลายปีที่ผ่านมาให้ฟังกัน
อวี่รุ่นหยวนเน้นย้ำว่าตอนอยู่ชนบทได้คนบ้านซูดูแลเอาไว้เยอะมาก
บางครั้งรัฐมนตรีกู่ยังแทรกถามสถานการณ์ของคนบ้านซูด้วย
ใช่แล้ว รัฐมนตรีกู่ก็มาเหมือนกัน ได้รับเชิญจากผู้อาวุโสอู๋เป็นพิเศษ
นอกจากนี้ยังมีเหออวี้เฉวียนที่ซื่อเลี่ยงเชิญมาเยี่ยมที่บ้านด้วย
เขามีส่วนร่วมในด้านสถาปัตยกรรม ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานวาดภาพและการใช้พู่กันอยู่แล้ว
แต่ศิลปะมันมีการเชื่อมโยงอยู่แล้ว และเหออวี้เฉวียนก็เป็นคนช่างพูด เลยพูดไปหลายอย่างเลย
กระทั่งพวกเขาเดินมาถึง
ไม่คิดเลยว่านอกจากเห็นคำว่าหออีหมิงบนป้ายที่แขวนไว้บนร้าน พวกเขาจะได้เจอกับคุณฉือด้วย
คุณพระคุณเจ้า!
เมื่อไม่นานมานี้ หออีหมิงเป็นสถานที่ที่ทุกคนในเมืองต่างพูดถึง เขาเองก็อยากจะมาแต่หาเวลาไม่ได้เลย
และตอนนี้ก็อยู่ตรงหน้ามันแล้ว จึงมีแต่ความสงสัยใคร่รู้เต็มไปหมด
ร้านอาหารหออีหมิงเป็นสถานที่งดงามไหนกัน?
ผู้มีชื่อเสียงมาที่ร้านแห่งนี้กันเต็มไปหมด แถมยังดูคุ้นเคยอีกด้วย
“อาจารย์กู่ ผมได้ยินคนบอกว่าร้านนี้อร่อยมาก ไม่คิดเลยว่าจะได้มากินข้าวที่นี่กัน”
ผู้อาวุโสอู๋หัวเราะร่า มีความสุขอย่างมากจนเห็นได้ชัด
“วันหลังท่านมาได้บ่อย ๆ เลยนะคะ เดี๋ยวหนูให้ส่วนลดเอง” เสี่ยวเถียนยิ้ม
ผู้อาวุโสอู๋ลูบเครา “ฉันเป็นพี่ชายของครูสอนของเธอนะ ให้แค่ส่วนลดเองหรือ?”
เด็กสาวหัวเราะ “ท่านเป็นผู้เลื่องชื่อของโลกศิลปวัฒนธรรมเลยนะคะ เงินเล็กน้อยไม่น่าขาดหรือเปล่า?”
ตาแก่นี่ขี้เหนียวจริง ๆ!
“ไม่รู้จักเคารพครูบาอาจารย์เลยนะ!” ผู้อาวุโสอู๋พูดด้วยความโกรธ
มีหรือที่เสี่ยวเถียนจะมองไม่ออกว่าเขาไม่ได้โกรธจริง ๆ เลยยิ้มให้ “กล่าวหากันแล้วค่ะ ท่านเป็นพี่ชายของครูหนูเลยนะ หนูจะไม่เคารพได้ยังไง?”