บทที่ 532 ในกล่องมีสมบัติอยู่จริง ๆ
บทที่ 532 ในกล่องมีสมบัติอยู่จริง ๆ
กล่องใบแรกเปิดออกมาเป็นเครื่องเคลือบดินเผา
นี่ไม่ใช่เครื่องเคลือบธรรมดา แต่เป็นเครื่องเคลือบหรู่เหยา*[1]ทั้งกล่อง
เครื่องเคลือบดินเผาหรู่เหยามีชื่อเสียงมากในสมัยราชวงศ์ซ่ง ถึงขนาดมีคำกล่าวว่า “สุดยอดแห่งศิลาดล ที่หนึ่งต้องยกให้หรู่เหยา”
ราชสำนักแต่ก่อนก็เคยใช้เครื่องเคลือบ รูปร่างของมันไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเรียบง่ายและไม่ซับซ้อน ทั้งยังมีรูปทรงที่งดงามด้วย
แต่สิ่งที่น่าหลงใหลที่สุดคือสีเคลือบของมันที่มีความ “ฟ้าแจ่มใสไร้เมฆหลังฝนพรำ” และ “ครามแลมรกตบนยอดเขานับพัน” พร่างพราวแต่ไม่ฉูดฉาด ผู้คนเรียกกันว่า “เสมือนหยกมิใช่หยก แต่เป็นหยก”
และกล่องเครื่องเคลือบดินเผาหรู่เหยาตรงหน้าก็เป็นของจริง เป็นสมบัติด้วย
เสี่ยวเถียนหยิบออกมาทีละอย่าง ในนั้นมีของหลายประเภทเลย ทั้งปากการูปทานตะวัน ถ้วยดอกบัว อ่างล้างซื่อฟาง เตามีหูรูปปลาและอื่น ๆ รวม ๆ แล้วสิบอย่างได้
พอเห็นของดีละลานตาขนาดนี้ เสี่ยวเถียนจึงเกิดความคิดที่ว่าตัวเองรู้น้อยขึ้นมาโดยปริยาย
ตอนเอาออกมาก็ระมัดระวังมากเพราะกลัวจะแตก อย่าให้ต้องปวดใจตายเลยนะ?
อีกอย่างที่รู้คือมันจะมีคำพูดหนึ่งที่เขาว่ากันว่า “ต่อให้รวยล้นฟ้าก็ไม่มีค่าเท่าหรู่เหยาเพียงชิ้นเดียว” แสดงให้เห็นถึงความล้ำค่าของหรู่เหยาเลย
เสี่ยวเถียนรับประกันได้เลยว่าถ้าเอาของในกล่องนี้ออกมาอีก มันได้แตกขึ้นมาจริง ๆ แน่
จากนั้นก็ปิดกล่องด้วยความระวัง แล้วเปิดกล่องที่สอง
ในนี้เต็มไปด้วยผลงานการประดิษฐ์ตัวอักษรและภาพวาดอันล้ำค่า บางชิ้นว่ากันว่าสูญหายไปนานแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาอยู่ที่นี่
เธอไม่มีเวลาพอให้ดูอย่างรอบคอบเท่าไร แค่สงสัยว่าใครมันเอาสมบัติมาเก็บไว้ที่นี่ตั้งเยอะตั้งแยะ แถมยังไม่เอากลับไปอีก
ดูจากของสองกล่องแรกเป็นหลัก เสี่ยวเถียนไม่แปลกใจถ้าจะเห็นเครื่องประดับโบราณในกล่องที่สาม
ของพวกนี้ทำจากทองคำ หยก และเงิน มีความวิจิตรงดงาม โดยเฉพาะเพชรพลอยที่ฝังอยู่บนเครื่องประดับทองคำ ซึ่งมันเป็นสมบัติที่หายากมาก
มือคว้าปิดลง ไม่คิดวิเคราะห์ความล้ำค่าใด ๆ ในนั้น
ก่อนสูดลมหายใจลึก ๆ คลายความตื่นเต้น แล้วเปิดกล่องสุดท้ายออก
ในนั้นมีมังกรหยกส่องประกายอยู่หนึ่งเส้น
ในจังหวะที่เสี่ยวเถียนเปิดกล่อง แสงเปล่งประกายที่เกิดมาพร้อมกับหยกทำให้รู้สึกตาพร่าขึ้นมา
จากที่ระบบบอก ของชิ้นนี้ไม่ได้มีแค่ความหายากยิ่งเท่านั้น แต่ยังเป็นของดีที่สืบทอดกันมานานนับพันปีอีกด้วย
ของโบราณระดับมหากาพย์
มหาเศรษฐีมีจริง
และของในนั้นก็เป็นสมบัติดีจริง ๆ ถ้าเก็บไว้เสี่ยวเถียนคิดว่า
ชีวิตคนธรรมดาได้ถึงจุดพลิกผันแล้ว!
แต่หลังจากตกตะลึง เสี่ยวเถียนกลับสงสัยว่าจะทำยังไงกับของพวกนี้ดี
ถึงจะบอกว่าม้าไม่มีทางอ้วนหรอกถ้าไม่มีอาหารพิเศษให้ก็ตาม (ไม่คิดขวนขวายเอาแต่พึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์) แต่การได้โชคขนาดนี้มาใช่ว่าจะต้องเป็นเรื่องดีเสมอไป
ยังไงก็ต้องหาวิธีใช้มันให้ได้
“ระบบ เธอว่าของพวกนี้ฉันควรเอากลับไปไหม? แล้วจะเอาไปยังไง?” เสี่ยวเถียนถูมือแล้วตั้งใจคุยกับระบบ
ด้วยนิสัยของมันแล้วไม่มีทางพลาดของดีแบบนี้หรอก จะต้องให้เสี่ยวเถียนเอาไปทั้งหมดแน่
[เมื่อสักครู่เพิ่งขยายช่องเก็บของค่ะ เราไม่มีปัญหาในการใส่ของพวกนี้ลงไปแล้วค่ะ] ระบบออกแรงอีกรอบ
หลังจากคิดใคร่ครวญ เสี่ยวเถียนตัดสินใจเอาของพวกนี้กลับบ้าน
วิธีการง่ายมากคือซ่อนไว้ในช่องเก็บของตามที่ระบบบอก
คลังเก็บของมีขนาดเล็ก ต่อให้ขยายช่องเพิ่มก็ยังไม่สามารถใส่ของเยอะได้
นอกจากของมีค่าแล้ว เสี่ยวเถียนไม่ได้ใส่อย่างอื่นเข้าไปเลย
รอบนี้เสี่ยวเถียนไม่มีทางเอาสมบัติออกไปได้ โดยไม่มีคนเห็นนอกจากเก็บไว้ในนั้น
แน่นอนว่าอีกปัญหาหนึ่งคือ เธอกลัวว่าจะเผลอทำสมบัติแตกโดยไม่ได้ตั้งใจ มันดูไม่มีเหตุผลเลยใช่ไหมล่ะ?
เสี่ยวเถียนได้คุยกับต้นไม้ก่อนออกจากถ้ำ จากนั้นก็พบว่าพวกพี่ ๆ รู้เรื่องที่เธอหายไปแล้วและกำลังตามหาไปทั่ว
ถึงได้รู้ว่าเวลาผ่านไปนานกว่าจะรู้ตัว
ตอนที่เดินออกมาเพียงสองก้าว เธอเห็นพี่ห้าและพี่รองกำลังมองมาด้วยสายตื่นตระหนก
“เสี่ยวเถียน พี่ไม่ได้บอกหรือไงว่าบนเขามันอันตราย ไม่ให้วิ่งไปวิ่งมาน่ะ?” อู่ร่างพูด้วยใบหน้าเรียบเฉย
ซื่อเลี่ยงรีบแทรก “เสี่ยวอู่ ไม่เป็นไรหรอก อย่าโทษน้องเล็กเลยเดี๋ยวเธอตกใจกลัวขึ้นมาจะทำยังไง?”
อู่ร่างพูดไม่ออก เขาทำเพื่อผลประโยชน์ของเสี่ยวเถียนแท้ ๆ ทำไมทำอย่างกับว่าเขาเป็นคนผิดเสียล่ะ?
“เสี่ยวเถียน เธอต้องเชื่อฟังหน่อยนะ พี่ห้าเขาทำเพื่อเธอนะ!” ซื่อเลี่ยงปลอบ แต่ไม่ได้เอาใจมากเกินไป
ตอนนั้นชายหนุ่มคิดว่าตนคิดผิดเสียแล้ว ไม่น่าลงไปเรียนโรงเรียนทหารตามลำพังที่ทางใต้เลย
ทำไมถึงรู้สึกเหมือนโดนแย่งน้องสาวไปเลย?
เสี่ยวเถียนเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของเขานะ!
“จู่ ๆ หนูก็ปวดท้องค่ะ” เด็กสาวพูดเสียงเบา
สองพี่ชายมองหน้ากัน เรื่องแค่นี้เอง
ไม่แปลกใจที่ต้องแอบมา
พวกเขาไม่พูดอะไร ก่อนหันกลับไปดูหมูป่าต่อ
ถ้าจะบอกว่าเสี่ยวเถียนโชคดีขนาดไหนก็ดีถึงขนาดนี้หยุดไว้ไม่ได้ เพราะตอนเธอกับพี่ ๆ เดินกลับไปหาหมูป่าบังเอิญมีกระต่ายป่าผ่านมาพอดี
พวกมันว่องไวมาก แต่สองตัวนั้นกลับจับไว้ได้ง่าย ๆ
“กระต่ายสองตัวนี้อ้วนดีจังเลย” เฉินจื่ออันเอ่ยด้วยรอยยิ้มขณะอุ้มพวกมัน
เสี่ยวเถียนเองก็มีความสุขมาก “ก่อนหน้านี้หนูจับได้สี่ตัวค่ะ กลับไปเรามาทำหัวกระต่ายผัดเผ็ด*[2]ดีกว่าค่ะ”
เฉินจื่ออันตะลึง เขาโลดแล่นอยู่ข้างนอกมาตั้งนาน เพิ่งจะรู้ว่าหัวกระต่ายผัดเผ็ดที่เสฉวนเป็นของพิเศษ แล้วเสี่ยวเถียนรู้ได้ยังไง?
แต่ความคิดดังกล่าวก็หายไปในพริบตา ไม่แปลกใจเพราะเด็กคนนี้อ่านหนังสือมาเยอะ
กลัวก็แต่ถ้าทำไม่ถึงรสชาติมันจะเป็นการเสียของแทน
ขณะที่พวกเรากำลังสนทนา คนจากกองชุมชนขึ้นเขามาแล้ว
เด็ก ๆ บ้านซูเป็นคนนำทางและจำเส้นทางได้จึงพามาถึง
ภายใต้การจัดการที่มีซูฉางจิ่วเป็นคนนำ คนกลุ่มนี้จึงจัดการมัดหมูป่าแล้วขนกลับไปกองชุมชนได้อย่างราบรื่น
เพราะมีหมูป่าอยู่แล้ว เลยไม่มีใครสนใจกระต่ายที่จื่ออันอุ้มเลย
กระต่ายเนื้อแห้งมาก จะไปดีเท่าเนื้อหมูได้ยังไง?
จื่ออันอยากจะช่วยบ้าง เลยส่งกระต่ายให้หลานสาวไป
เสี่ยวเถียนอุ้มมันไว้และเอาแต่มองว่าจะกินมันยังไงดี ทำไมถึงน่ารักและน่ากินขนาดนี้
กว่าจะเดินลงมาถึงตีนเขาฟ้าเปลี่ยนเป็นมืดสนิท
วันนี้เป็นวันที่ 29 ตามปฏิทินจันทรคติ พรุ่งนี้จะเป็นวันส่งท้ายปีเก่า หัวหน้าซูตัดสินใจเชือดหมูในคืนนั้น
ปีนี้เราได้เนื้อหมูมาเพียบ คนหนึ่งได้สักเจ็ดแปดจิน เป็นปีที่อุดมสมบูรณ์มาก
แถมยังมีหมูป่าตัวอ้วนมาแบ่งให้อีก ทุกคนตื่นเต้นกันสุด
มีใครคิดเยอะกับเรื่องพวกนี้ด้วยหรือ?
ต่อให้กินไม่ไหว เราก็ยังหมักไว้ได้ไม่ใช่หรือไง? กินได้ครึ่งปีเลยนะ
*[1] เครื่องเคลือบหรู่เหยา เป็นหนึ่งในเครื่องเคลือบเหยาอันโด่งดังทั้ง 5 ของจีน ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซ่ง ได้แก่ จวินเหยา (钧窑), หรู่เหยา (汝窑), กวานเหยา (官窑), ติ้งเหยา (定窑), เกอเหยา (哥窑) )
*[2] เมนูหัวกระต่ายผัดเผ็ดเป็นเมนูพิเศษของมณฑลเสฉวน โดยกรรมวิธีมีแค่เอาหัวกระต่ายมาปรุงรสกับพวกฮวาเจียวและเครื่องเทศชนิดอื่น ๆ รสชาติจะเผ็ดตามสไตล์ของเสฉวน