บทที่ 548 เจ้าหนุ่มมู่มู่
บทที่ 548 เจ้าหนุ่มมู่มู่
ยามรู้สึกถึงตัวรถไฟที่ชะลอลงช้า ๆ คนมากมายบนขบวนเตรียมพร้อมที่จะลง แม้กระทั่งเฉินจื่ออันก็ยังให้เด็ก ๆ เตรียมกระเป๋าเดินทาง
“อาเขย เราอยู่ลี่เฉิงแล้วหรือคะ?” เสี่ยวเถียนถาม
“ลี่เฉิงยังไม่มีรถไฟแต่พวกเรามาถึงหรงเฉิงแล้ว เวลาเรามีน้อยไปลี่เฉิงต้องใช้เวลามากกว่านี้ อาจจะไม่พาพวกเธอไป”
เสี่ยวเถียนผิดหวัง เพราะเธอยากรู้ว่าที่นั่นมีโอกาสให้ธุรกิจเติบโตบ้างไหม แต่จากที่อาเขยว่าก็ไม่ได้แย่เท่าไร
เวลาเราน้อยเกินกว่าจะปล่อยให้เสียเปล่า
ตอนนั้นโส่วเวินและคนอื่น ๆ เตรียมกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว พวกเขาถือมันไว้เตรียมตัวลงจากรถแต่สาวอยากเข้าไปช่วย แต่พวกพี่ชายกลับห้ามเอาไว้
ไม่ใช่แค่เสี่ยวเถียน แต่ยังมีเสี่ยวเหมยที่ลงมาตัวเปล่าเช่นกัน
“เจ้าเด็กพวกนี้ ใช้ได้ ๆ!” จื่ออันยิ้ม มือข้างหนึ่งอุ้มลูกชาย ส่วนอีกข้างหิ้วกระเป๋าเอาไว้
ท่ามกลางผู้คนเบียดเสียด พวกเขารีบเดินทางออกจากสถานีรถไฟ ต้องบอกเลยว่าความเจริญรุ่งเรืองที่ได้เห็นนั้นทำเอาพวกเขาตื่นตาตื่นใจกันมาก
ตอนแรกก็คิดว่าเมืองหลวงมั่งคั่งแล้วนะ แต่หรงเฉิงกลับมากเสียยิ่งกว่าจนเห็นได้ชัดเลย
เสี่ยวเถียนมองภาพเหล่านั้น อันที่จริงก็ผิดหวังอยู่เพราะเธอไม่เคยเห็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองแบบนี้ในรุ่นหลังเลย แม้หรงเฉินจะพัฒนาตัวไปได้ไวกว่าเมืองอื่น ๆ แต่เมืองเทียบกับในยุคปัจจุบัน เทียบไม่ติดสักนิด
ส่วนคนอื่น ๆ เป็นเรื่องที่น่าตื่นตกใจมาก
“อาเขย มีตั้งแผงขายเยอะขนาดนี้เลยหรือครับ?” เสี่ยวซื่อตื่นเต้นมาก
ขนาดในเมืองหลวงยังต้องทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ เลย แต่ไม่คิดสักนิดว่าฝั่งทางหรงเฉิงจะทำกันอย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้เลย?
“ตอนนี้ยังกลางวันอยู่น่ะ เดี๋ยวตกเย็นตลาดกลางขึ้นจะเปิด คนจะเยอะยิ่งกว่านี้อีก” จื่ออันยิ้ม
เวลามองมาที่หรงเฉิน อันที่จริงก็คิดเหมือนกันว่าลี่เฉิงจะมาถึงจุดนี้ตอนไหนนะ?
ถ้าลี่เฉิงสามารถพัฒนามาเป็นแบบหรงเฉิงได้ ในฐานะที่เป็นนายกเทศมนตรีเขาก็จะเปลี่ยนแปลงมันเอง
อากาศที่หรงเฉิงร้อนกว่าฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือมาก พวกเด็ก ๆ ขึ้นรถไฟได้ก็ถอดเสื้อคลุมผ้าฝ้ายออกแต่ก็ยังรู้สึกร้อนอยู่ดี
เดินไปไม่เท่าไรเหงื่อแตกพลั่กเต็มหลังไปหมด
“เราไปหาที่ตั้งหลักก่อนแล้วกัน พักสักหน่อยแล้วค่อยพาพวกเธอไปเที่ยวเล่น!” อาเขยแนะนำ
พวกเราร้อนแทบไม่ไหว กำลังคิดจะหาที่เปลี่ยนเสื้อผ้า ระหว่างทางเหนื่อยไปกับการชำระล้างร่างกายเนี่ยแหละ เพราะงั้นจึงไม่มีทางไม่เห็นด้วย
หม่านซิ่วกับเฉินจื่ออันอาศัยที่ลี่เฉิง พวกเขาไม่มีที่อยู่ในหรงเฉิง เลยต้องไปพักอยู่โรงแรมกัน
คนจำนวนสิบกว่าคนเดินทางมาถึงอย่างยิ่งใหญ่ วุ่นวายไม่น้อยแต่คนที่นั่นเหมือนจะชินแล้วมากกว่า ไม่แม้แต่จะเหลือบตามามองแค่ยืนยันตัวตน รับเงินและจัดห้องพัก
เราเปิดเป็นห้องละสามคนมีจื่ออัน หม่านซิ่ว และซิ่วหย่วนอยู่ห้องเดียวกัน
ซื่อเลี่ยง โส่วเวิน ซานกงหนึ่งห้อง
เหล่าซาน เสี่ยวกัง เสี่ยวซื่อหนึ่งห้อง
ที่เหลือคือสองเด็กสาวเสี่ยวเหมยเสี่ยวเถียนอยู่คนละห้อง ราคาแต่ละห้องไม่ใช่ถูก ๆ ตกคืนละสามหยวน
ยังโชคดีที่เด็ก ๆ มีเงินติดตัวกันมา เลยไม่รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจ
ก่อนจื่ออันมาไปลี่เฉิง เขาเคยอยู่ที่หรงเฉิงพักหนึ่ง เลยคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ในเมืองดี หลังจากพักผ่อนและทำความสะอาดเนื้อตัวเสร็จ เขาก็พาทุกคนออกมากินข้าว
ผู้คนเยอะแยะเต็มไปหมด จื่ออันพาทุก ๆ คนมากินมื้อนี้ที่ร้านของกินเล่นเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง
บริเวณหน้าร้านไม่ใหญ่นัก ข้างในก็มีลูกค้าไม่เยอะ
จื่ออันและคนอื่น ๆ นั่งสองโต๊ะ ก่อนจะสั่งฉางเฝิ่นและโจ๊กสำปั้น
อันที่จริงชีวิตก่อนเสี่ยวเถียนไม่เคยมาหรงเฉิงมาก่อน แต่เคยกินฉางเฝิ่นเลื่องชื่อของที่นี่นะ แต่มันก็นานมาแล้ว ตอนนี้พอได้กลับมากินอีกครั้ง รสชาติดีกว่าตอนนั้นเยอะเลย
“ร้านนี้ดูไม่เลวเลยนะ” หม่านซิ่วพยักหน้าแล้วยิ้ม
เห็นได้ชัดว่าเธอคุ้นเคยกับของกินเล่นในท้องถิ่นเป็นอย่างดีเล่น อันไหนของท้องถิ่นแท้ ๆ แค่ชิมก็รู้แล้ว
เด็ก ๆ กินข้าวกันอย่างรวดเร็ว
“อีกข้างหน้าไม่ไกล มีเพื่อนของอาอยู่เดี๋ยวจะพาไปหา แล้วให้เขาพาพวกเธอเดินเล่นนะ เขารู้จักหรงเฉิงดีกว่าเยอะ”
หลังจากเช็กบิล เขาก็อุ้มลูกชายและเรียกให้ทุกคนออกเดินทางต่อ
จื่ออันพาทุกคนเดินอย่างไม่ย่อท้อ ก่อนจะมาถึงประตูที่บ้านแห่งหนึ่ง หลังจากที่เคาะประตูก็มีชายหนุ่มวัยยี่สิบกว่าปีออกมา
แววตาของเขามีความเจ้าเล่ห์เล็กน้อย ใช่ว่าจะไร้ประสบการณ์เสียทีเดียว
“นายกเทศมนตรีเฉิน มาได้ยังไงครับ?” แต่พอเห็นว่าใครมาเขาก็ตะโกนขึ้นด้วยความยินดี
ท่านนายกกลับบ้านช่วงปีใหม่ไม่ใช่หรือ ทำไมกลับมาไวจังล่ะ?
“มีธุระต้องจัดการน่ะเลยกลับมา มู่มู่ นี่เป็นของขวัญที่ฉันเอาจากบ้านกลับมาฝากพี่น้องเธอน่ะ!” เขาว่าก่อนยื่นถุงให้อีกฝ่าย
อีกฝ่ายรีบปฏิเสธ “นายกเทศมนตรีเฉิน ทำไมถึงเอาของมาให้พวกเราล่ะครับ มันไกลจากที่นี่มากเลยนะครับ!”
“แค่ของเล็ก ๆ น้อย ๆ เอง อย่ารังเกียจกันเลยนะ พี่สะใภ้รู้ดีว่าสภาพเธอในตอนนี้ไม่ได้ลำบากอะไร แต่คงไม่ถึงกับรังเกียจของ ๆ เราหรอกใช่ไหม?”
เห็นได้ชัดเลยว่าหม่านซิ่วรู้จักกับมู่มู่ แถมยังพูดจาอย่างเป็นกันเองด้วย
ชายหนุ่มนามมู่มู่หน้าแดงแจ๋และรับของไป ก่อนจะเอ่ยขอบคุณจื่อเจินและภรรยาครั้งแล้วครั้งเล่า
“มู่มู่ นี่คือหลานชาย หลานสาว แล้วก็พี่สามของฉันเอง ฉันจะอยู่ที่หรงเฉิงสักสองสามวัน ช่วยพาพวกเขาไปเดินเที่ยวเล่นหน่อยได้ไหม?”
ท่านนายกแนะนำสั้น ๆ แล้วเอ่ยถามมู่มู่
ชายหนุ่มประหลาดใจที่อีกฝ่ายปล่อยให้เขาดูแลญาติตัวเอง
ใช่อย่างที่เขาเข้าใจหรือเปล่า?
แต่เหมือนจะเดาผิดนะ
นายกเทศมนตรีเฉินเป็นข้าราชการ ถ้าคนในครอบครัวอยากทำธุรกิจ เขาเขียนจดหมายแนะนำก็พอแล้วนี่?
ทำไมต้องให้เขามาช่วยด้วยล่ะ?
ถึงจะบอกว่าตลาดในตอนนี้เปิดแล้ว ทั้งยังหาเงินได้ง่ายขึ้น แต่มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดที่เดินลงน้ำควาน ๆ หาก็เจอเงินแล้วนี่
คนที่หาได้เยอะขนาดนั้นคือพวกเบื้องบนที่มีความสามารถ เพราะพวกเขามีของที่ตลาดไม่มีอยู่ในมือ แต่ที่ท่านนายกกำลังหมายถึงคืออยากให้พวกเด็ก ๆ ทำธุรกิจ
จื่ออันพยักหน้า “พวกเด็ก ๆ อยากลองน่ะ แต่ไม่ค่อยวางใจที่จะปล่อยให้อยู่กันเองที่นี่ เลยอยากรบกวนเธอหน่อยน่ะ!”
ก็เหมือนกับคนอื่น ๆ นั่นแหละ เขาเกลียดการหาเงินที่ผิดกฎหมาย ไม่ว่ายังไงก็ยังคิดอยู่ดีว่าการที่เราทำอย่างถูกกฎหมายก็ยังทำเงินได้อยู่ดี
“นายกเทศมนตรีเฉินวางใจได้เลยครับ รับประกันได้เลยว่างานจะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี”
หลังจากเข้าใจความหมายนั้น เขาก็รีบให้คำมั่นสัญญา
มู่มู่ในตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เขาตั้งหลักได้อย่างมั่นคงแล้วและการตั้งที่เขาตั้งหลักได้ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับท่านนายกด้วย คราวนี้ล่ะถึงเวลาที่เขาจะต้องตอบแทนท่านแล้ว
พวกเสี่ยวเถียนไม่คิดว่าอาเขยจะหาเจ้าถิ่นมาช่วยพวกเขา
ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว
พอพวกเรารู้จักกันได้สักพักก็เริ่มไปไหนมาไหนด้วยกันแล้ว
หม่านซิ่วเหนื่อยกับการเดินทางมาหลายวัน เธอจึงกลับไปพักผ่อน
ส่วนจื่ออันติดปัญหาตรงเรื่องตัวตน เลยกลับไปพักที่โรงแรมด้วย
ส่วนกลุ่มคนที่กำลังตื่นเต้นก็ตามมู่มู่ไป