บทที่ 550 ความเร็วในการทำเงิน
บทที่ 550 ความเร็วในการทำเงิน
มู่มู่มองภาพลูกค้าเดินมาหยิบสินค้าที่ของเด็ก ๆ ทีละชิ้น โดยไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองสักนิด
พวกเขากำลังทำอะไรน่ะ?
เหมือนจะตะโกนขายแค่ไม่กี่ครั้งเอง แล้วก็คอยยิ้มแนะนำให้ลูกค้า ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้นเลย แล้วทำไมขายของได้ไวขนาดนั้น?
มู่มู่ไม่อยากจะเชื่อ
และก็คิดอีกว่าคงไม่มีใครเชื่อถ้าเขาเล่าให้ฟัง
มีกี่คนกันที่ร่วงไปบนถนนสายนี้ ยิ่งช่วงนี้ปีใหม่แล้วด้วย หลาย ๆ คนก็คงซื้อไว้เตรียมก่อนแล้วล่ะ ไม่น่าจะมีอะไรขาดเหลือ
แต่เด็ก ๆ ที่ลงทุนใช้เงินสามพันหยวน กลับขายออกในครึ่งวันเท่านั้น
ต่างจากมู่มู่ เด็กบ้านซูตื่นเต้นกันมากกับผลลัพธ์เช่นนี้ พวกเราสนทนาพาคุยกันอย่างมีชีวิตชีวา และคิดเรื่องที่จะทำเงินในวันถัดไป แต่สิ่งที่ทำให้มู่มู่ประหลาดใจคือ ทุกคนคิดจะเปลี่ยนสถานที่
ตอนแรกก็คิดว่าไหน ๆ มาลองขายตรงนี้แล้ว ก็ควรขายที่เดิมต่อสิ
“ถ้าเราขายที่เดิม แล้วสินค้าซ้ำ ๆ ลูกค้าจะไม่เยอะเท่าไร เพราะงั้นเปลี่ยนที่ขายจะปลอดภัยที่สุด”
เสี่ยวซื่อเสนอความคิดนี้
เสี่ยวเถียนก็เห็นด้วย
“สถานที่ที่เลือกจะขายง่ายแบบนี้ไหม?” มู่มู่อดสงสัยไม่ได้
เด็กสาวส่ายหัว “เราจะรู้ล่วงหน้าได้ยังไงล่ะคะ การทำธุรกิจก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วไม่ใช่หรือ? ถ้าไม่มีแม้แต่จิตวิญญาณของการผจญภัยเลย เราจะประสบความสำเร็จได้ยังไง?”
มู่มู่เริ่มไตร่ตรอง หรือสองปีที่ผ่านมาเขาหัวโบราณเกิน ถ้ามีจิตวิญญาณเหล่านั้นบ้าง ทุกอย่างจะต่างออกไปไหม?
คืนนี้เป็นคืนที่มู่มู่นอนไม่หลับ
เช้าวันต่อมา ตอนที่เด็ก ๆ พากันไปตลาด มู่มู่เสนอตัวว่าอยากจะเข้าร่วมด้วย ตอนเอ่ยก็ยังกังวลว่าพวกเด็ก ๆ จะค้าน เพราะมันหมายความว่ามีคู่แข่งเพิ่มมาอีกคน
“ได้สิมู่มู่ ทีแรกเราคิดว่านายจะไม่ชอบธุรกิจเล็ก ๆ ของเราเสียอีก”
เขาไม่รู้จะตอบอะไรเลยหลังจากได้ยินเช่นนั้น
ธุรกิจเล็ก ๆ?
สินค้าที่เราเอาออกมาขายรวมกันไม่เกินสามร้อยหยวนด้วยซ้ำมั้ง
พวกเขาออกเดินทาง คราวนี้เราตัดสินใจจะอยู่ข้างนอกถึงตอนเย็นเลย สินค้าที่เอามาเลยเยอะกว่าเดิม
ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายแล้ว ทุกคนเดินทางมาถึงจ้านซื่อ
มู่มู่มีความรู้ของเมืองโดยรอบหลายแห่ง
ที่จ้านซื่อจะมีตลาดกลางคืน ถ้าเราขายของกันตอนกลางคืนจะปลอดภัยมาก เพราะไม่มีคนมาตรวจสอบพ่อค้าแม่ขายเท่าไร
เด็ก ๆ ดีใจมากที่ได้ยินเช่นนั้น
กฎหมายและระเบียบการต่างๆ ของตลาดค่อนข้างดี ตราบใดที่จ่ายค่าแผงจะไม่มีคนมารังแกได้แน่นอน
แต่เพราะมีคนมาตั้งแผงเยอะมาก กิจการเราในวันนี้เลยไปไม่ค่อยสวยเท่าไร
เราอยู่มานานกว่าสองชั่วโมงแล้ว แต่สินค้ายังเหลือบานเบอะ
ยามเห็นคนในตลาดเริ่มน้อยลง เสี่ยวเถียนจึงเสนอ “กลับกันก่อนเถอะค่ะ! เหมือนจะไม่มีคนแล้วนะ”
เสี่ยวซื่อง่วงนอนเหมือนกัน จึงตอบตกลงทันที
“พ่อสามครับ เรากลับกันเถอะ เสี่ยวเถียนพูดถูกอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์”
“แต่ของเหลืออีกเยอะเลยนะ จะปล่อยให้เสียของไม่ได้!” เหล่าซานลังเล เพราะเห็นว่ายังเหลือสินค้าอีกมาก
มู่มู่เพิ่งจะตระหนักได้ว่าพวกเด็ก ๆ ก็ไม่มีทางคาดการณ์ได้ว่าจะหาเงินได้
“พรุ่งนี้เราไปลองขายที่โรงงานแต่ละที่ดีกว่าค่ะ” เด็กสาวว่า “พ่อไม่ต้องห่วงนะ ขายออกแน่นอนค่ะ!”
มู่มู่เสียใจมาก เขาเอาเงินทั้งหมดมาซื้อหมดแล้ว ถ้าขายไม่ออกเงินสองปีที่สั่งสมมาจะหายไปในทันใด
เช้าวันรุ่งขึ้น คนกลุ่มนี้เดินทางมาขายของที่ประตูโรงงานอยู่หลายแห่ง
เสี่ยวเถียนจับพ่อใส่สูทและนาฬิกาแวววาว ก่อนจะบอกให้เขายืนเป็นแบบอยู่ข้าง ๆ
พ่อรูปร่างสูงโปร่ง พอใส่สูทแล้วดูดีมาก ๆ
แต่ตัวเขากลับรู้สึกอึดอัดสุด ๆ
“เสี่ยวเถียน ทำไมพ่อใส่แล้วรู้สึกแปลก ๆ แบบนี้ล่ะ? อีกอย่างชุดนี้ราคาแพงมากเลยนะ ถ้าพ่อใส่แล้วขายไม่ออกล่ะ”
ลูกสาวยิ้ม “ถ้ามันราบรื่นจริง ๆ ตัวที่พ่อใส่อาจจะขายออกก็ได้นะ”
ธุรกิจในยุคปัจจุบัน พวกเขาจะใส่เสื้อผ้าให้หุ่นแล้วตั้งขาย
ตอนมาถึงโรงงานเหล็กกล้า มันเป็นช่วงระลอกแรกของการเข้างานพอดี ยิ่งมีเหล่าซานยืนเป็นสัญลักษณ์แห่งชีวิต พวกผู้ชายในโรงงานก็เริ่มให้ความสนใจกับชุดที่เขาใส่
ต้องบอกเสี่ยวเถียนฉลาดจริง ๆ ชุดที่เธอเลือกมาพอดีตัวเป๊ะ ไม่ว่าจะอ้วนหรือผอมก็รู้สึกดีเมื่อได้ใส่
ในไม่ช้าชุดสูทมากกว่า 30 ชุดก็ขายออกจนหมด รวมถึงรองเท้าสิบกว่าคู่และนาฬิกาอีกสิบกว่าเรือนเช่นกัน
แม้แต่เข็มขัดยังไม่เหลือเลย
สูทที่พ่อเธอใส่ก็มีชายที่หุ่นพอ ๆ กันมาขอซื้อด้วย
ตอนเหล่าซานเปลี่ยนกลับเป็นชุดเดิมเขาประหลาดใจมาก
เสี่ยวเถียนบอกว่าเสื้อผ้าที่เราใส่อาจจะขายได้ แล้วมันก็ขายได้จริง ๆ เนี่ยนะ?
หลังจากนั้นพวกเราไปยังสถานที่ต่อไป คราวนี้เป็นโรงงานแปรรูปเนื้อ
ในปัจจุบัน โรงงานแปรรูปเนื้อก็ยังเป็นสถานที่ที่ทำเงินได้ท่วมท้นอยู่ แต่ที่แตกต่างกันคือที่โรงงานเหล็กมีแต่ผู้ชาย แต่ที่นี่กลับสามารถขายของได้ทุกอย่าง เพราะงั้นแล้วทุกอย่างที่เรามีจึงขายได้จนหมดเกลี้ยง
สุดท้ายสิ่งที่เหลืออยู่ก็คือชุดผู้หญิง ถุงน่องและข้าวของอื่น ๆ
เสี่ยวเถียนมองพวกมัน “โรงงานอาหารหรือทอผ้าแถวนี้ไหมคะ? เราไปกันเถอะ เผื่อจะขายได้!”
มู่มู่พยักหน้า
อย่างที่คาดไว้ พอมาขายที่หน้าโรงงานอาหารก็ขายหมดทันที ไม่เหลือแม้แต่ถุงเท้าสักคู่
เมื่อสินค้าทุกอย่างถูกเปลี่ยนเป็นเงิน พวกเราไม่มีแม้แต่เวลากินข้าวด้วยซ้ำ ได้แต่รีบร้อนขึ้นรถเที่ยวสุดท้ายกลับไปหรงเฉิง
จู่ ๆ มู่มู่ก็รู้สึกนี้ไม่ใช่แค่โชคเท่านั้น แต่รวมถึงมีวิสัยทัศน์ด้วย
แล้วของที่พวกเขาเลือกมา หากพิจารณาดูดี ๆ ล้วนแล้วแต่มีเอกลักษณ์ทั้งนั้น
เด็กพวกนี้ทำธุรกิจเป็นจริง ๆ ด้วย
วันต่อมาพวกเขาก็หาเงินกันอย่างมีความสุข
พริบตาเดียวก็เป็นวันที่สิบห้าของเดือน
มู่มู่ประหลาดใจมากที่พบว่าเงินมากกว่าเดิมสองเท่า เป็นเงินที่หาได้ไวมากจริง ๆ!
แต่คนที่ประหลาดใจที่สุดไม่ใช่เขาแต่เป็นเหล่าซาน
เขาไม่คิดเลยว่าวันนึงจะมีชีวิตแบบนี้ได้
แต่ละวันเรายุ่งจนหัวหมุนเพราะลูกค้าเยอะตลอด แน่นอนว่าการทำธุรกิจนั้นทำเราสามารถทำเงินได้มากที่สุด และเร็วกว่าเขาขับรถมาก นับว่าหายากที่เหล่าซานจะรู้สึกว่าตัวเองร่ำรวย และมีอำนาจแบบนี้
เขาคิดว่าถ้าถึงปีใหม่รอบหน้าเมื่อไร คงมั่นใจได้แล้วว่าตัวเองจะต้องรวยแน่นอน!
เหล่าซานที่เงินน้อยที่สุดยังรู้สึกเช่นนั้น แล้วเด็ก ๆ ที่มีเงินมากกว่าเขาล่ะ จะไม่ยิ่งกว่านี้หรอกหรือ