มาร์คคิดว่าตัวเองน่าจะต้องครุ่นคิดให้ดีเสียหน่อย อย่างเช่นในตอนที่ซานเอ๋อร์พาเขาไปหน้าสถานีตำรวจในหมู่บ้าน เขาก็ไม่เข้าไปเพราะรู้สึกไม่ค่อยดี
เขาบอกตัวเองว่าชื่อมาร์คก็เพราะเขาคลำพบบัตรประจำตัวบนร่างกายของตัวเอง และบนนั้นมีรูปของเขาและเขียนชื่อว่ามาร์ค
แต่ผู้หญิงแปลกประหลาดคนนั้นกลับเรียกเขาว่าคุก…จากสถานการณ์แล้วดูเหมือนจะคุ้นเคยกับเขาเสียด้วยสิ
มาร์คกลับไปยังร้านเต้าหู้ของซานเอ๋อร์พร้อมกับความสงสัย
มาร์คพบว่าแม้ตัวเองสงสัยแค่ไหน แต่เขาก็ไม่รู้สึกร้อนใจ กลับรู้สึกแปลกประหลาดว่าความทรงจำของตัวเองจะต้องกลับมาในสักวันอย่างแน่นอน
ดังนั้นเขาจึงไม่ร้อนใจ…บางทีอาจจะเคยชินกับการรอคอยแล้วก็ได้
แต่ขณะเดียวกันเขาก็รู้ว่าคงจะอยู่ที่นี่ได้อีกไม่นาน เพราะคนที่รู้สถานะของเขาตามหาเขาจนพบแล้ว
ถึงเวลาอาหารเย็น
มาร์คพบว่ามีอาหารชุดหนึ่งวางไว้หน้าห้องของตัวเอง คงจะเป็นซานเอ๋อร์ลุกขึ้นมาทำไว้ให้ มาร์คจึงถือถาดเข้าไปในห้องของตัวเอง
สำหรับเขาแล้วแค่มีที่อยู่และอาหารก็เพียงพอแล้ว
ห้องนี้ไม่มีอุปกรณ์สร้างความบันเทิงใดๆ แต่มาร์คกลับไม่รู้สึกเบื่อ เขาสามารถนั่งนิ่งๆ ได้ทั้งวัน
[ขอบคุณ]
มาร์คพบโน้ตอยู่ด้านล่างปากถ้วย
นี่เป็นคำขอบคุณของซานเอ๋อร์…อาจจะขอบคุณที่ช่วยเธอปกปิดเรื่องน่าอาย หรืออาจจะขอบคุณที่ช่วยดูแลเสี่ยวจือให้
มาร์คมองโน้ตเพียงแวบเดียวก็วางมันไว้อีกข้างและเริ่มกินอาหาร
จากนั้นเขาก็ปิดไฟนั่งเงียบคนเดียวอีกครั้ง…เขารู้สึกว่าเมื่อทำเช่นนี้แล้ว ตัวเองสามารถจดจำเรื่องได้เร็วขึ้นไม่น้อย
หลังจากนั้นมาร์คก็ไม่พบเห็นผู้หญิงผมขาวแปลกประหลาดคนนั้นอีกเลย
แต่เขาก็ยังไม่ร้อนใจ
…
…
นีโรไม่คิดจะไปปรากฏตัวต่อหน้ามาร์คอีกครั้งจริงๆ ดังนั้นจึงเดินทางออกจากหมู่บ้านแห่งนี้เลย แน่นอนว่าการไม่ปรากฏตัวต่อหน้ามาร์คไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าคุกอีก
ผู้หญิงที่ถือครองมีดยามะผู้นี้มีความคิดค่อนข้างประหลาดไร้ขอบเขต และมักจะทำอะไรตามอำเภอใจ
ดังนั้นเธอจึงไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะย้อนกลับมาถึงเมืองแห่งนี้ได้เร็วขนาดนี้ อีกทั้งยังมาถึงหน้าสมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด
ในเวลาเช้าตรู่
นีโรใช้เวลาหลายวันไปยังหมู่บ้านหรูสุ่ย แต่กลับใช้เวลาแค่หนึ่งคืนในการกลับมาถึงจุดเริ่มต้น
ในตอนที่คุณหนูสาวใช้ออกมากวาดหน้าสมาคมและมองเห็นเธอนั้น ผู้หญิงผมขาวคนนี้ก็กำลังกุมท้องพร้อมกับใบหน้าเต็มไปด้วยฝุ่น
“ที่นี่มีอาหารไหม?”
โยวเย่เก็บไม้กวาดในมือ ยิ้มและเอ่ยว่า “ข้าวต้มได้ไหมคะ?”
…
จากทุกมุมมอง คุณหนูนีโรผู้นี้น่าจะเหมาะกับคำเรียกที่ว่า ‘ฉีกทุกกฎเกณฑ์’
แต่ตามที่เจ้าของสมาคมลั่วมอง เธอดูเหมือนชายฉกรรจ์ที่เข้าออกไซต์งานก่อสร้างทั้งวัน ทั้งยังห้าวหาญเหมือนเสือและหมาป่าซึ่งดู…ไม่ค่อยเข้ากันเกินไป?
แน่นอน เจ้าของสมาคมลั่วรู้สึกว่าคุณสมบัติแปลกประหลาดเช่นนี้อยู่รวมกันในตัวคนคนเดียวถือเป็นเรื่องแปลกใหม่และสร้างสรรค์ หลังจากได้ผ่านความไม่คุ้นชินในครั้งแรกแล้ว เขาก็รู้สึกถึงกลิ่นอายป่าเถื่อนที่แผ่ออกมาจากตัวของนีโร
สี่ถ้วยใหญ่
นับตั้งแต่นีโรเข้าประตูมาก็นั่งลงกินข้าวต้มไปสี่ถ้วยใหญ่โดยไม่พูดไม่จา หลังกินเสร็จถึงได้เรอออกมาอย่างพึงพอใจพร้อมลูบท้อง “ถ้าตอนนี้ได้เบียร์สักแก้วคงดี”
ลั่วชิวดีดนิ้ว
แล้วโยวเย่ก็ถือขวดเบียร์ดำขวดหนึ่งเข้ามาตรงหน้าของนีโร
คุณหนูสาวใช้คิดจะเปิดฝาขวดให้ แต่นีโรบอกว่าไม่ต้อง เธอเอาปากขวดเบียร์เข้าไปในปากและใช้ฟันกัดฝาออกมา
จากนั้นก็เทเบียร์ดำลงไปในท้องทันที
สิ่งนี้ทำให้เจ้าของสมาคมลั่วคิดถึงสำนวนน่าสนใจที่ว่า ‘หน้าอกเล็กหิวมากเป็นพิเศษ*’
เจ้าของสมาคมลั่วผู้คิดว่า ถึงคุณนีโรผู้นี้จะแทะนิ้วเท้าของตัวเองตรงหน้าก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เขายิ้มและเอ่ยว่า “คุณหนูนีโรยังต้องการอะไรอีกไหมครับ?”
“ไม่มีแล้ว!” นีโรพนมมือเหมือนไหว้พระไหว้เจ้าของสมาคม “ขอบคุณที่ดูแล”
“ไม่ต้องเกรงใจ” ลั่วชิวโบกมือ ทันใดนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “คุณนีโรหาคนที่ต้องการหาเจอแล้วใช่ไหมครับ”
“หาเจอแล้ว” หลังนีโรเรอแล้วก็พูดอย่างจริงจังว่า “อืม ไม่ได้ยากลำบากอะไรเลย…ที่นี่สะดวกจริงๆ”
ลั่วชิวไม่ได้พูดอะไร…ความสะดวกนี้สร้างขึ้นบนการ ‘เสียสละ’ ของสิ่งอื่น
ตอนนี้นีโรกลับโน้มตัวเข้ามาใกล้เหมือนเจ้าของร้านเหล้าจะเล่าความลับอะไรให้ลูกค้าเร่ร่อนฟัง ส่งสัญญาณให้เจ้าของสมาคมเข้ามาใกล้สักหน่อย
ลั่วชิวรู้สึกว่าการพูดคุยเช่นนี้ดูแปลกใหม่ดี แต่หากจะให้เรียนแบบท่าทางลับๆ ล่อๆ ของนีโร เขาก็ทำไม่ได้ จึงชี้ไปที่หูของตัวเองแสดงให้เห็นว่าเขาได้ยิน
นีโรแสดงท่าทีเบื่อหน่ายออกมา ส่ายหน้าจากนั้นก็เริ่มล้วงซ้ายล้วงขวา ในที่สุดก็ล้วงเอาถุงเล็กถุงหนึ่งออกมา ถุงที่เธอบรรจุ ‘ของ’ สำหรับแลกเปลี่ยน
“คุณลูกค้า ครั้งนี้คุณต้องการซื้ออะไรงั้นเหรอครับ?”
เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของนีโร เจ้าของสมาคมลั่วไม่จำเป็นต้องคาดเดาก็รู้แล้วว่านีโรคิดจะทำอะไร…ดังนั้นจึงเอ่ยปากถามตามมารยาทของร้านค้า
“อืม…สองอาทิตย์? ไม่ๆๆ สามอาทิตย์แล้วกัน!”
หลังจากนีโรครุ่นคิดอย่างละเอียดแล้วครู่หนึ่งถึงได้เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “สามอาทิตย์นี่แหละ! ฉันต้องการคำรับรองว่าภายในสามอาทิตย์นี้ คุกจะไม่สามารถฟื้นฟูความทรงจำได้…แต่หลังจากสามอาทิตย์ผ่านไปก็ให้ฟื้นฟูความทรงจำได้ทันที นายว่าต้องใช้เท่าไร ถ้าไม่พอฉันจะออกไปฆ่าปีศาจข้างนอกมาจนพอ”
ครั้งนี้ลั่วชิวก็ทำเหมือนครั้งก่อน หลังจากเลือกดวงวิญญาณที่เหมาะสมได้แล้วก็ใส่ดวงวิญญาณกลับคืนเข้าไปในถุงอีกครั้ง “เท่านี้ก็พอแล้วครับ”
“เอ๋ ทำไมนายไม่เอาไปเลยล่ะ?”
“เรื่องค่าแลกเปลี่ยน พวกเราจะเก็บหลังจากการแลกเปลี่ยนสำเร็จแล้ว” ลั่วชิวเอ่ย “ในเมื่อคุณนีโรขอเวลาสามอาทิตย์ งั้นก็รอจนกว่าสามอาทิตย์จะสิ้นสุดเถอะครับ”
นีโรมองเจ้าของสมาคมคนนี้อย่างประหลาดใจแวบหนึ่ง ทันใดนั้นเธอก็นั่งลงบนโต๊ะที่ใช้พูดคุยกัน และหมุนตัวขึ้นมาบนโต๊ะ
เรียวขาอันยืดหยุ่นและน่าตื่นตาตื่นใจเปิดออกตรงหน้าของเจ้าของสมาคมลั่วอีกครั้ง
ความใจกล้าของเธอทำให้เธอไม่สนใจว่าตัวเองนั้นสวมกระโปรงสั้น สองขาเปิดออกและเหยียบลงไปบนพนักเก้าอี้ซ้ายขวาของเจ้าของสมาคมลั่ว
เธออยู่สูงกว่าหน่อยจึงก้มลงมาพูดว่า “พวกนายทำการค้ายุติธรรมเกินกว่าที่ฉันคาดไว้จริงๆ? ฉันคิดว่าพวกนายจะบอกให้ฉันออกไปฆ่ามาให้สักชุดเสียอีก”
เธอเริ่มเข้ามาใกล้ขึ้นอีก ยื่นมือตรงมาที่หน้ากากบนใบหน้าของเจ้าของสมาคมลั่ว
ทันใดนั้นเธอก็ยิ้มและพูดว่า “นี่ พวกนายขายทุกอย่างใช่ไหม?”
“ใช่ครับ”
ลั่วชิวนิ่งไม่ขยับเหมือนขุนเขาใหญ่
ทันใดนั้นนีโรก็ละทิ้งความคิดที่จะถอดหน้ากากของเจ้าของสมาคม แต่ใช้นิ้วเชิดคางของเจ้าของสมาคมขึ้นมา ยิ้มและเอ่ยถามว่า “งั้น…ถ้าฉันต้องการซื้อตัวนายล่ะ?”
*ความหมายในสมัยใหม่พูดถึงสาวอกแบนมักจะหิวง่ายเป็นพิเศษ