เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] – บทที่ 583 เธอเป็นสัตว์ประหลาดหรือ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

บทที่ 583 เธอเป็นสัตว์ประหลาดหรือ?

บทที่ 583 เธอเป็นสัตว์ประหลาดหรือ?

กลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?

ผู้นำยศใหญ่ท่านนี้รู้จักยัยเด็กนี่ด้วย?

แถมเด็กนี่ยังรู้เรื่องผลิตเมล็ดพันธุ์อีก?

ตอนอายุเก้าขวบศึกษาเรื่องนี้กับอาจารย์เสิ่น?

อยู่ที่ชนบทที่เงื่อนไขไม่ได้มีความพร้อมอะไรใด ๆ ด้วยเนี่ยนะ?

เธอเป็นอัจฉริยะหรือ?

เป็นเด็กจากชนบทเหมือนกันแท้ ๆ แต่ไม่เข้าใจว่าสรุปแล้วเสี่ยวเถียนเป็นคนยังไงกันแน่

ถ้าทุกอย่างคือเรื่องจริง เราทำอะไรลงไปน่ะ?

ยามตระหนักได้ว่าอาจก่อปัญหาโดยไม่รู้ตัว ทั้งสองเหงื่อแตกพลั่ก ดูเหมือนนี่จะทำลายอนาคตของตัวเองเพียงเพราะความโกรธแค่ชั่วขณะ!

ตอนนี้จึงได้แต่เสียใจ ทำไมอารมณ์เสียแบบนั้นนะ?

ถ้าเราไม่ทำถึงขนาดนั้น ทุกอย่างคงดีกว่านี้

ในตอนนั้นเองที่จู่ ๆ กลับสัมผัสได้ถึงสายตาแปลก ๆ รอบตัว

มันไม่ใช่แววตาที่ดีเลยสักนิด โดยเฉพาะดวงตาของอธิการบดีที่มองมาเหมือนมีด

เราร้อนใจจนอยากอธิบายให้ฟัง

ทว่าก็ได้แต่อ้าปากพะงาบ ๆ พูดไม่ออกสักคำ

คนเยอะตั้งขนาดนั้น นอกจากท่านรัฐมนตรี ยังมีเหล่าผู้นำอีกหลายท่านอีก และต่อให้เราพูดไปอธิการบดีก็คงไม่ฟัง

หลังจากเหลือบมองนักศึกษาทั้งสอง เขาก็หันกลับมาและมุ่งความสนใจไปที่ความสัมพันธ์ของเสี่ยวเถียนและท่านรัฐมนตรีต่อ

อธิการบดีลอบคิดกับตัวเอง เหมือนว่าเด็กคนนี้จะสนิทกับเสิ่นจื่อเจิน แล้วก็รู้จักกับชายชราด้วย คงจะมีภูมิหลังบางอย่างสินะ

แต่ไม่รู้ว่ามันเป็นยังไงมายังไงกันแน่

เขารู้ว่าเสี่ยวเถียนมาจากชนบท แต่ก็ไม่เคยคิดว่าเด็กจากชนบทจะไม่มีความรู้

เพราะผู้นำหลายท่านเดี๋ยวนี้ก็เป็นคนจากชนบททั้งนั้น เป็นเรื่องปกติหากพวกเขาจะมีญาติ ๆ อยู่ที่นั่น

สิ่งที่เขาสนใจมากกว่าตอนนี้คือลูกจะสนใจเรียนเกษตรในอนาคตหรือไม่

“รัฐมนตรีครับ ได้ยินท่านพูดเช่นนี้ก็แสดงว่าสหายตัวน้อยโดดเด่นมากจริงๆ ครับ!”

“อธิการจู อย่าเห็นว่าเป็นเด็กผู้หญิงและอายุน้อยเชียวล่ะ เธอมีชื่อเสียงในเมืองอยู่บ้างนะ” ชายชราไม่คิดปกปิดน้ำเสียงอันพึงพอใจเลย

อธิการยิ่งประหลาดใจ มีชื่อเสียงอยู่บ้าง?

ชื่อเสียงแบบไหนหรือ? ทำไมเขาถึงไม่ได้ยินข่าวคราวนี้เลย?

บางทีอาจจะเป็นพวกผลิตเมล็ดพันธุ์หรือการเกษตร?

เขารู้สึกได้ทันทีว่าร่างกายสดชื่นขึ้นมาก

“เด็กคนนี้เชี่ยวชาญภาษาต่างประเทศสองภาษาน่ะ เป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของผู้อาวุโสฉือหรือฉือเก๋อ!”

เรื่องการเป็นลูกศิษย์อะไรนั่น ก่อนหน้านี้ไม่เคยกล้าพูดหรอก แต่เมื่อเทียบกับตอนนี้ที่ผ่อนคลายขึ้นแล้ว จะศิษย์จะอะไรก็พูดได้ทั้งนั้น ชายชราจึงแนะนำเช่นนี้ออกมา

“ฉือเก๋อ? ใช่คุณฉือเก๋อที่ผมหรือรู้จักหรือเปล่านะ?” เพราะเป็นคนในแวดวงเหมือนกัน อธิการมั่นใจ

“ใช่แล้ว เข้าใจไม่ผิดหรอก”

ฉือเก๋อเคยเป็นคนสำคัญในแวดวงวัฒนธรรมมาก่อน

และในเมืองหลวงที่รวมแวดวงนี้เข้าไปด้วย ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของฉือเก๋อเลย

น่าเสียดายที่ตอนนั้นเขาทำงานที่ต้องติดต่อกับทางต่างประเทศอยู่หลายครั้ง รวมถึงพวกลูก ๆ ที่อยู่ต่างประเทศด้วย จึงมาลงเอยที่ชนบท

ได้ยินว่าเขากลับมาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ตั้งแต่ที่กลับมาเหมือนจะไม่ปรากฏตัวให้ใครได้เห็นเท่าไร

เคยได้ยินมาครั้งสองครั้งเหมือนเขาจะรับลูกศิษย์เป็นคนสุดท้าย แต่เพราะเราไม่ได้รู้จักมักจี่ จึงไม่รู้ว่าใครคือศิษย์คนนั้น แต่ไม่คิดเลยคน ๆ นั้น คือเด็กสาวที่เจอโดยบังเอิญ

เหมือนว่าผู้อาวุโสเหล่ากับอาจารย์เสิ่นจะอยู่ที่เดียวกันด้วยนะ

งั้นเด็กคนนี้น่าจะเป็นคนในท้องที่ใช่ไหม?

พอนึกแบบนี้ อธิการมองเสิ่นจื่อเจินด้วยสายตาตำหนิ

ต้นกล้าชั้นดีแบบนี้ ทำไมไม่รู้จักแย่งมาล่ะ?

อาจารย์เสิ่นมีความสามารถ ทักษะดี แต่วิสัยทัศน์ในการมองคนไม่ได้เรื่องเท่าไร

ดูอย่างสองคนนี้ที่เลือกมาสิ ตัวอะไรเนี่ย?

กล้าเอาเรื่องอาจารย์ตัวเองมาฟ้องเขาด้วย

นักเรียนแบบนี้ควรถูกส่งกลับนัก!

ถ้าเสิ่นจื่อเจินเลือกเสี่ยวเถียนตั้งแต่แรก ก็คงไม่เกิดปัญหามากมายขึ้นหรอก แถมหัวข้อการวิจัยยังสามารถเติบโตได้อีกด้วย

ส่วนสองคนต้นเรื่องไม่รู้ว่าอธิการไม่มีความคิดจะปล่อยพวกเขาไปอยู่แล้ว แต่หลังจากที่รู้เรื่องของเสี่ยวเถียน จู่ ๆ ก็เกิดอยากจะขับไล่ออกไปจากห้องปฏิบัติการเสียอย่างนั้น

หรือให้พูดอีกอย่างก็คือ สองคนนี้มันคิดว่าตัวเองสูงส่งนั่นแหละ หลังจากนี้ถ้าไม่ เผชิญโชคเป็นพิเศษ เดี๋ยวก็หายไปกับฝูงชนเองนั่นละ

ทางมหาวิทยาลัยรับสมัครนักศึกษามาหลายปีแล้ว และที่ไม่เคยขาดเลยคือเด็กที่ฉลาดและมีพรสวรรค์อันน้อยนิด

ซึ่งเด็กแบบเสี่ยวเถียนหายากมาก กลับกันเด็กแบบเกาจุ้นและหยวนหยางเจอได้เจอดี

“เสี่ยวเถียน มานี่มา บอกคุณปู่อู๋หน่อย ตอนนี้หลานเจอเส้นทางหรือยัง?”

รัฐมนตรีอู๋จูงมือเด็กสาวด้วยความสนิทสนม ก่อนพาไปยังโต๊ะที่เธอนั่งอ่านหนังสืออยู่

ที่ชายชราสามารถดำรงตำแหน่งนี้มาได้หลายปีเพราะรู้เรื่องการเกษตรเป็นอย่างดี

เขาสนทนาอย่างเป็นกันเองกับเสี่ยวเถียน จื่อเจิน รวมถึงคนอื่น ๆ ในหัวข้อที่เกี่ยวข้อง ส่วนเสี่ยวเหมยกับซานกงคุยบางเป็นบางครั้ง และมันทำให้รัฐมนตรีแบบเขามีความสุขมาก

“สหายเสิ่น เด็กสองคนนี้เก่งจังเลยนะ”

ส่วนอีกสองคนก็แย่เหลือเกินนะ

“เธอชื่อเสี่ยวเหมยครับ เป็นลูกสาวของผม ส่วนคนนี้ชื่อซูซานกง เป็นพี่ชายเสี่ยวเถียน!”

หาได้ยากที่ท่านผู้นำจะถามเรื่องเด็ก ๆ ซึ่งเสิ่นจื่อเจินไม่ยอมพลาดโอกาสดีๆ จึงแนะนำให้ทันที

ชายชราดูไม่แปลกใจเท่าไร

“สหายเสิ่นมีผู้สืบทอดแล้วสินะ ฉันคาดหวังมากนะ แล้วหนุ่มคนนี้เป็นพี่ชายเสี่ยวเถียนหรือ? เก่งจริง ๆ ได้ยินว่าที่บ้านพี่ ๆ น้อง ๆ ก็เก่งสินะ ทีแรกยังคิดหาโอกาสเจออยู่เลย ไม่นึกว่าวันนี้จะได้พบกัน”

เสิ่นจื่อเจินตกใจกว่าเดิมเสียอีก ถ้าได้พบกับคนเช่นนี้แล้วก็ อนาคตดีๆ ของเด็กบ้านซูไม่มีขีดจำกัดแน่นอน

“ท่านชมเกินไปแล้วครับ ผมไม่โดดเด่นเท่าพวกเขาสักนิด!”

รัฐมนตรีอู๋ผงะ จากนั้นก็หัวเราะลั่น

“เด็กคนนี้ ถ่อมตนนัก”

“รัฐมนตรีอู๋ครับ ผมไม่ได้ถ่อมตัวนะครับ ที่ประสบความสำเร็จในวันนี้ได้ ก็เพราะการสอนของอาจารย์ และถ้าไม่ใช่อาจารย์เสิ่นที่สอน ผมในตอนนี้คงกำลังคลำหาทางอยู่แน่ ๆ พี่ใหญ่และพี่รองต่างก็ได้ใช้ความสามารถสร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง ส่วนผมยังไม่มีอะไรเลยครับ!”

เป็นเรื่องจริงที่พี่ชายทั้งสองไม่มีครูสอนเท่าไร กลับกันเป็นซานกงเสียเองที่ได้เสิ่นจื่อเจินคอยช่วยไว้เยอะ

“ฉันชักสนใจอยากเจอคนอื่น ๆ แล้วสิ เสี่ยวเถียน พวกเราตกลงกันแล้วใช่ไหมว่าอีกสองเดือนจะไปกินข้าวที่หออีหมิงนะ ถึงตอนนั้นต้องพาพี่ ๆ มาให้รู้จักด้วยนะ” รัฐมนตรีอู๋กำลังนึกรสชาติอาหารที่สหายต่งหยุดคิดถึงไม่ได้

ซานกงตกใจเสียยิ่งกว่าเดิม มีเรื่องหออีหมิงด้วยหรือ?

“ได้เลยค่ะ!” เสี่ยวเถียนตอบตกลง

“โอ๊ะ ใช่แล้ว สาวน้อย มีพี่ชายกี่คนหรือ?” ชายชราถาม

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

Status: Ongoing
ซูเสี่ยวเถียนผู้มีชีวิตล้มลุกคลุกคลานได้ย้อนเวลามายังยุค 70 แล้วเกิดใหม่ในร่างเดิมครั้งเมื่ออายุ 7 ขวบ ผู้ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยพี่ชายสุดคลั่งรักเก้าคน โดยการทะลุมิติในครั้งนี้มีระบบวิเศษติดตัวมาด้วย คือ ‘ระบบอ่านหนังสือ’ ซึ่งมาพร้อมกับห้องสมุดส่วนตัว เธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีปัญหาใดที่หนังสือไม่อาจแก้ไขได้ แต่หากแก้ไขไม่ได้ล่ะ? ก็อ่านหนังสือเพิ่มอีกสักสองเล่มแล้วกัน! หากว่ายังไม่พอก็อ่านเพิ่มอีกสักหลายเล่มหน่อย เธอไม่เพียงแต่อ่านมันคนเดียวเท่านั้น แต่ยังโน้มน้าวพี่ชายสุดแสบทั้งเก้าให้อ่านหนังสือกับเธออีกด้วย ทั้งยังชักชวนให้ผู้เป็นบิดาและมารดาให้มาอ่านหนังสือด้วย แม้แต่คุณปู่และคุณย่าก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้!เมื่อทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับรางวัลเป็นของตอบแทน ยิ่งทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไร ก็จะได้รางวัลมากขึ้นเท่านั้น! ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการอ่านหนังสือจะทำให้เส้นทางชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท