บทที่ 587 หลี่หลินหลิน
บทที่ 587 หลี่หลินหลิน
เสี่ยวซื่อมองพี่น้องตัวเองออกเดินทางด้วยความอิจฉา ภารกิจของเขาในวันหยุดนี้คือการเฝ้าห้างร้านหรงฟา ให้คนดูสักสองสามวันคงไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่มีคนดูนาน ๆ จะเกิดปัญหาเอาได้
ในฐานะที่เป็นผู้ประกอบการที่ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน 5% ทำได้แค่เฝ้าร้านอย่างสบายใจเท่านั้น
นอกจากนี้ยังเหลือซานกงและเสี่ยวเหมยที่ไม่มีเวลาไปเช่นกัน
เพราะพวกเขาต้องติดตามเสิ่นจื่อเจินเพื่อทำโครงการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และตอนนี้ก็เป็นช่วงที่คับขันมาก จึงไม่มีเวลาเลยสักนิด
แถมการที่เพื่อนร่วมทีมอีกสองคนออกไป มันทำให้เราสองคนกดดันกว่าเดิมเสียอีก
ถ้าเสี่ยวเหมยไม่ไป คนที่บ้านจะไม่ให้เสี่ยวเถียนไปด้วย แต่ถ้าน้องจะไป มีหรือว่าพวกเขาจะกล่อมได้?
พวกพี่ ๆ น้อง ๆ ไปกันหมดเลย เราเพิ่งจะรู้ว่าบ้านเงียบขนาดนี้ โชคดีที่มียังธุรกิจให้ทำ
ธุรกิจหลู่เว่ยไม่ดีเท่าช่วงหน้าหนาว แต่เพราะเรามีเฉาก๊วยและก๋วยเตี๋ยวเย็น ของที่เอามาตุ๋นจึงเยอะกว่าเดิมนิดหน่อย แถมยังทำธุรกิจได้ดีกว่าด้วย
พอธุรกิจนี้ได้ขายดีมากขึ้นเรื่อย พวกเด็ก ๆ ได้แต่หวังว่าวันนั้นจะไม่มีการบ้านให้ทำ
ส่วนทางกลุ่มบนรถไฟ ตอนนี้กำลังเฮฮาได้ที่
รอบนี้เราไม่มีผู้ใหญ่ตามไปด้วย จึงรู้สึกอิสระกว่าปกติ
เหล่าซานเดินทางไปที่อื่น จึงไม่มีเวลาตามไปดูแล แต่เขาก็ยังกังวลที่เด็ก ๆ ไปกันเองอยู่ดี
ถ้าไม่ใช่เพราะครั้งก่อนเกิดเรื่อง พวกเสี่ยวเถียนคงจะไปกันเองแล้ว เพราะแบบนี้แหละเขาเลยกลัวเรื่องความปลอดภัย
ทางฝั่งต่งหยวนจงทราบข่าว ก็ส่งทหารมาคอยคุ้มกันให้คนหนึ่ง
เขาบอกว่าพวกเด็ก ๆ มีความคิดริเริ่มทำงานด้วยตัวเอง ผู้ใหญ่แบบเขาควรให้การสนับสนุน
เพราะงั้นการเดินทางในครั้งนี้จึงมีคนแปลกหน้าร่วมขบวนไปด้วยอีกหนึ่งท่าน
เขาชื่อหยางซู่หลิน
ตอนได้ยินเสี่ยวเถียนเกือบหัวเราะออกมา ชื่อซู่หลินก็ว่าตลกแล้วนะ ยังมีแซ่ว่าหยางอีก เป็นชื่อที่น่าสนใจจริง ๆ (杨树林 หยางซู่หลิน – 杨 ที่แปลว่าต้นหยางหรือต้นป๊อปล่าร์(poplar), 树林 แปลว่าป่า)
“ลุงหยางพักสักหน่อยดีกว่าค่ะ เราต้องเดินทางอีกนานนะคะ”
รอบนี้เรานั่งตั๋วนอนไปหรงเฉิง
หนึ่งคือรอบนี้ไม่เหมือนช่วงปีใหม่ คนเดินทางน้อย
สองคือต่งหยวนจงสั่งให้คนมาจัดการให้ ถ้าพูดแทนเขาก็คือ เดินทางหลายวันหลายคืนเด็ก ๆ จะลำบากกันมาก!
หยางซู่หลินนั่งตัวตรง “งานของผมคือการปกป้องทุกคน พวกคุณพักผ่อนเถอะครับ!”
เด็ก ๆ มองอีกฝ่ายที่มีสีนหน้าเรียบเฉย ไม่รู้ควรจะพูดอะไรต่อดี
ช่างเถอะ เขาว่าแบบนั้นเราก็คงพูดอะไรมากไม่ได้
เสี่ยวเถียนปีนขึ้นไปนอนชั้นบนอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็หาท่าสบาย ๆ นอนแล้วเริ่มอ่านหนังสือ
ตอนนี้เธออ่านหนังสือทำอาหาร แต่มันไม่ใช่หนังสือตำรา เป็นพวกแนะนำการแปรรูปเนื้อสัตว์ มันไม่ได้มีแค่สูตรและวิธีการแปรรูปหลู่เว่ยเท่านั้น แต่ยังมีสูตรอาหารจำพวกแฮม และอีกหลายอย่างมากมาย
ต่อให้อ่านคร่าว ๆ ก็อ่านจบได้ไว
แต่ถ้าต้องการศึกษาอย่างดี และจดจำสูตรข้างต้นทั้งหมด ไม่ใช่อะไรที่ง่ายเลย
แถมตอนนี้ยังอยู่บนรถไฟอีก จะบันทึกเนื้อหาก็ลำบาก ได้แต่จำทีละนิด แล้วจดไว้ในใจเท่านั้น!
เสี่ยวเถียนเป็นคนจริงจังมาก เพราะหนังสือทุกเล่มที่ระบบให้มีประโยชน์ จึงมักจะ บันทึกเอาไว้
รถไฟเดินทางอย่างโคลงเคลงมาถึงหรงเฉิง ตอนนี้ในหัวเสี่ยวเถียนมีแต่สูตรอาหาร
แต่เธอยังอ่านไม่ถึงครึ่งเล่มเลย
ไม่เคยอ่านช้าขนาดนี้มาก่อน
เด็กสาวยืดแขนขาเพราะรู้สึกว่ามันแข็งไปหมด
“เสี่ยวเถียนเหนื่อยไหม? อีกสักพักเราจะลงรถกันแล้ว พักผ่อนสักหน่อยเถอะ” ฉืออี้หย่วนเอ่ยเสียงอ่อนโยน
แววตาเขาก็เช่นกัน และมันทำให้ซื่อเลี่ยงไม่พอใจมาก แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถเข้าไปคุยกับเด็กหนุ่มได้ตรง ๆ
ตอนนี้เลยได้แต่เสียใจ ไม่น่าปล่อยให้มาด้วยกันเลย หรือถ้าจะพาน้องมาด้วย ก็ไม่ควรพาฉืออี้หย่วนมาด้วยแต่แรก
น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสให้ซื่อเลี่ยงได้โลดแล่นนักเพราะตอนนี้ความเร็วของรถกำลังชะลอลง
พวกเรารีบเก็บสัมภาระและต่อแถวกันเตรียมลง
ฉืออี้หย่วนทำหน้าที่ถือกระเป๋าให้เด็กสาว
“พี่อี้หย่วน เดี๋ยวหนูถือเองค่ะ!” เสี่ยวเถียนรีบบอก
“ให้พี่ทำเถอะ เธอเป็นผู้หญิงนะ ควรได้รับการดูแลจากพวกเราอยู่แล้ว!” เด็กหนุ่มปฏิบัติต่ออีกฝ่ายราวกับแสงแดดอันอบอุ่นในเดือนเมษายน
เด็กสาวยิ้มรับ
ถึงจะรู้ว่าตัวเองสู้คนอื่นได้ แต่ใครบ้างจะไม่ชอบให้ตัวเองเป็นเจ้าหญิงในสายตาคนอื่น?
การดูแลเอาใจใส่เป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว
ซื่อเลี่ยงขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน
โส่วเวินที่เฝ้ามองอย่างสงบดึงน้องชายไว้
“ซื่อเลี่ยง ไม่ต้องยุ่งหรอกน่า!”
ถึงจะไม่อยากให้น้องแต่งงานไว้ แต่ก็ยังดีที่เป็นชายที่มีความสามารถ
ชายหนุ่มไม่มีทางเลือกนอกจากพยักหน้า
บอกตามตรง ฉืออี้หย่วนเป็นคนดีจริง ๆ
เรายอมรับที่จะให้อีกฝ่ายมาเป็นน้องเขยนะ
แต่น้องอายุยังไม่ถึงเกณฑ์เลย ไม่มีทางได้รับอนุญาตให้แต่งงานโดยเด็ดขาด และ ฉืออี้หย่วนก็ยินดีที่จะรอด้วย เพราะงั้นเขารอได้
ในตอนที่ลงเราจากรถก็เห็นมู่มู่รออยู่ที่ชานชาลา อีกฝ่ายเองก็ดีใจมากที่เห็นพวกเรา
“ในที่สุดพวกนายก็มา ตอนได้รับโทรเลขฉันก็รอมาตลอดเลย”
มู่มู่ตื่นเต้นจนแทบจะก้าวเข้าไปกอดอยู่แล้ว
หกเดือนที่ผ่านมา เขาทำเงินได้มากจากธุรกิจของคนบ้านซู ตอนได้พบกันแทบไม่ปิดบังความตื่นเต้นเลย
เย็นวันนั้นเขาเชิญทุกคนมาที่บ้าน
ครอบครัวมู่มู่เคยอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก แต่ช่วงนี้เขาหาเงินได้เยอะมาก นอกจากใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้น้องสาวแล้ว เขาก็เอามาเช่าบ้านที่หลังใหญ่ขึ้นกว่าเดิม
ตอนนี้สองพี่น้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
หลังจากได้รับการรักษา ร่างกายที่อ่อนแอของหลินหลินดีขึ้นมากแล้ว
ตอนนี้เธอกำลังคุยกับพี่ชายเรื่องหางานอยู่ แต่เขาก็ยังกังวลเรื่องสุขภาพและยังไม่อนุญาตให้
หลินหลินเคยได้ยินพี่พุดถึงคนบ้านซูนับครั้งไม่ถ้วน และนี่เป็นครั้งแรกที่เราได้พบกัน
“หลินหลิน คนกลุ่มนี้คือพี่น้องบ้านซูที่พี่พูดถึงบ่อย ๆ น่ะ ทุกคน นี่คือน้องสาวฉันเองชื่อหลี่หลินหลินอพอรู้ว่าพวกคุณจะมา เธอก็เลยทำอาหารไว้เป็นพิเศษเลยนะ” หลี่มู่มู่ภาคภูมิใจมาก
“พี่หลินหลินใช่ไหมคะ? ครั้งก่อนซาลาเปาที่พี่ทำมาให้อร่อยมากเลยค่ะ” ในฐานะที่เป็นเด็กผู้หญิงคนเดียวจึงเข้าไปคุยด้วย
หลี่หลินหลินเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างเก็บตัว พอเห็นความเป็นมิตรจากเสี่ยวเถียน ใบหน้าใสขนาดเท่าฝ่ามือแดงระเรื่อทันที