สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด – บทที่ 6 ตอนที่ 83

บทที่ 6 ตอนที่ 83

ในหลังตรอก พวกแมลงสาบและมดที่เพิ่งออกมาหาอาหารเริ่มกระจายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว…ไม่ต้องพูดถึงหนูและแมลงวันที่ถือเอาที่นี่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์เลย

เพราะมีบางอย่างกำลังเข้าใกล้ที่นี่…ซึ่งก็คือหมอหลงซีรั่วมังกรแท้จริงแห่งแผ่นดินเทพผู้มีความสามารถในการส่งกลิ่นอายปีศาจที่สั่นสะท้านปีศาจได้ แล้วนับประสาอะไรกับแมลงเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้

“ที่นี่งั้นเหรอ…”

หลงซีรั่วเดินมาถึงส่วนลึกของตรอก บนพื้นด้านหน้ามีเส้นสีทองเส้นหนึ่ง…เส้นสีทองค่อยๆ จางลงและเปลี่ยนเป็นเส้นผมสีดำ จากนั้นก็สลายไป

แต่หลงซีรั่วกลับไม่พบจุยเฟิงที่นี่ สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเธอมีเพียงกองเลือดสีดำกองหนึ่งที่ส่งกลิ่นเหม็นคาวออกมาเท่านั้น

หลงซีรั่วขมวดคิ้ว แตะของเหลวเหล่านี้ขึ้นมาลูบๆ ดู “ถูกพิษงั้นเหรอ? แต่ทำไมถึงหายไปได้ มีร่องรอยมาถึงแค่ตรงนี้…”

นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก

หลงซีรั่วจำไม่ได้แล้วว่าครั้งก่อนที่การติดตามของเธอไม่มีผลลัพธ์นั้นเป็นเมื่อไหร่ ดูเหมือนจะเป็นเมื่อพันปีก่อน ตอนเธอติดตามเด็กคนหนึ่ง

เด็กคนนี้ชื่อว่า…อวี๋ไฉ่จี

เด็กที่เดิมทีมีความสามารถกลายเป็นปีศาจจิ้กจอกเก้าหางได้

ทันใดนั้นจุยเฟิงก็รู้สึกเย็นสดชื่น…ใช่แล้ว เย็นสดชื่น ไม่ใช่หนาวเย็น ไม่ใช่ความรู้สึกหนาวเย็นตอนใกล้ตาย

ความเย็นสดชื่นนี้คล้ายกับความรู้สึกสบายตอนได้กินไอศกรีมในวันที่อากาศร้อน ทำให้เขาส่งเสียงครางด้วยความสบายออกมา

จุยเฟิงลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะเหตุนี้…ตรงหน้าสว่างขึ้นในพริบตาจนเขารู้สึกแสบตา แต่ตอนนี้จุยเฟิงมองเห็นเงาร่างคนคนหนึ่งตรงหน้า

มนุษย์? ผู้หญิง?

จุยเฟิงพยายามลุกขึ้นมา ง่ายดายเป็นพิเศษ ดูเหมือนไหล่ของเขาจะไม่มีความเจ็บปวดอีกแล้ว แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีของบางอย่างตกลงมาจากหน้าผากของเขา

เป็นผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่ง ผ้าเช็ดหน้าชุ่มน้ำ

นอกจากผู้หญิงตรงหน้าแล้ว จุยเฟิงยังพบว่าตนเองอยู่ในป่าแห่งหนึ่ง…และเขาก็ยังมองเห็นถังขยะกับป้ายที่ติดบนต้นไม้เขียนว่า รักษาต้นไม้เป็นหน้าที่ของทุกคน

ที่นี่…น่าจะเป็นสวนสาธารณะ?

“คุณตื่นแล้ว” ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยเบาๆ

ทันใดนั้นจุยเฟิงก็รู้สึกว่าใบหน้าร้อนขึ้นมา…เขาไม่เคยพบเจอผู้หญิงที่งดงามสมบูรณ์แบบเช่นนี้มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือร่างแปลงปีศาจ

นับตั้งแต่ที่เขาเข้ามาในสังคมปีศาจและมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ มุมมองความงามส่วนมากนั้นเขาได้ซึมซับเอามาจากมนุษย์…จุยเฟิงรู้สึกว่าผู้หญิงตรงหน้านั้นน่ามองกว่าหลงซีรั่วเสียอีก

ที่สำคัญคืออ่อนโยนกว่ายายเฒ่าคนนั้นมาก…อย่างน้อยก็ในตอนนี้

“เธอ…เธอเป็นใคร?”

จุยเฟิงรู้สึกสงสัยจึงเอ่ยถามออกมา ในขณะเดียวกันเขาก็สังเกตเห็นว่าไม่ได้มีเพียงแต่ผู้หญิงคนนี้เท่านั้น แต่ข้างกายไม่ไกลออกไปยังมีผู้ชายอยู่อีกหนึ่งคน

ซึ่งตอนนี้กำลังนั่งยองๆ เล่นอะไรอยู่หน้าท่อนไม้ตาย

ตอนนี้ผู้ชายคนนั้นยืนขึ้นและหันหน้ากลับ…ทั้งยังเดินเข้ามาหาเขา

ตอนนี้จุยเฟิงถึงได้มองเห็นชัด ว่าเป็นผู้ชายสวมหน้ากากตัวตลกคนหนึ่ง อีกทั้งยังเลิกแขนเสื้อทั้งสองขึ้น

“อืม ตอนผมยังเด็กก็เคยเก็บของสิ่งนี้ที่บ้านเกิด”

คนสวมหน้ากากมองจุยเฟิงและสาวสวยคนนั้น “คนเฒ่าคนแก่ที่นั่นเล่าว่าแต่ก่อนตอนมีสงครามเข้าไปหลบอยู่ในภูเขาไม่มีอาหาร ก็พึ่งการเก็บของพวกนี้จากนั้นก็หาไข่นก ไม่ต้องใส่อะไรเลย แค่ย่างสักหน่อยก็อร่อยมากแล้ว”

ผู้หญิงคนนั้นยิ้มและเอ่ยว่า “นายท่านก็เคยกินเหรอคะ?”

“เคยกินสิ” ผู้ชายที่สวมหน้ากากตัวตลกเอ่ย “แต่จำไม่ได้แล้วว่ารสชาติเป็นยังไง แต่เหมือนรสชาติจะไม่เลว…เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งที่น่าสนใจดี”

ผู้หญิงคนนั้นยิ้มเล็กน้อย

ทันใดนั้นจุยเฟิงก็รู้สึกเหมือนว่าตนเองเป็นส่วนเกินเมื่ออยู่ตรงหน้าของชายหญิงคู่นี้…ผู้หญิงคนนี้เรียกเขาว่านายท่านงั้นเหรอ?

แต่ไม่ว่าในใจจะสงสัยอย่างไร ตอนนี้จุยเฟิงก็ยังกลืนน้ำลาย เพราะเขาถูกสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นดึงออกมาจากท่อนไม้ตายดึงดูดความสนใจ

เป็นอาหารที่หมาป่าชอบกิน ปลวก!

“อ๋อ ใช่แล้ว ที่จริงแล้วผมเอาสิ่งนี้มาให้คุณ” ผู้ชายที่สวมหน้ากากตัวตลก…เจ้าของสมาคมยื่นจานในมือออกไปตรงหน้าของจุยเฟิง

“ให้ฉัน?” จุยเฟิงชะงักและขมวดคิ้วขึ้น ไม่กล้ารับความหวังดีที่ดูแปลกหน้านี้ “ทำไม?”

“ทำไม?” เจ้าของสมาคมเอ่ยอย่างเรียบเฉยว่า “เมื่อท้องหิวก็กิน ไม่มีคำว่าทำไม” พูดแล้วลั่วชิวก็ชูจานขึ้นและเข้าไปใกล้จุยเฟิงอีก…จนถึงตำแหน่งที่โจมตีเขาได้รุนแรงที่สุด

หัวสีขาวๆ เล็กๆ เหล่านี้ดูเหมือนจะกระตุ้นความอยากของจุยเฟิง

ทันใดนั้นจุยเฟิงก็แย่งจานใบนั้นมาจากมือของเจ้าของสมาคม แล้วหมุนตัวกลับ นั่งลงบนพื้น ยื่นมือออกไปคว้าปลวกใส่เข้าไปในปาก

ไม่รู้ว่ารสชาติของปลวกจะแตกต่างจากปลวกที่ลั่วชิวเคยกินตอนเด็กๆ หรือไม่?

จุยเฟิงวางจานลงแล้วถึงเริ่มรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาอีกครั้ง…ใครจะถือจานไว้กับตัวแบบนี้ เพียงเพื่อเก็บปลวก?

แต่ถ้าหากบอกว่าจัดเตรียมไว้เพื่อเขา…แต่จุยเฟิงก็ไม่เคยพบคนแปลกหน้าสองคนนี้มาก่อน

แล้วไหนจะบาดแผลของเขา…

จุยเฟิงกระโดดขึ้นมาอย่างฉับพลัน ท่าทางเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ลืมบุญคุณที่อีกฝ่ายเพิ่งมอบอาหารให้ แยกเขี้ยวเอ่ยว่า “พวกนายเป็นใครกันแน่? ทำไมต้องช่วยฉัน?”

เจ้าของสมาคมลั่วเอ่ยอย่างเรียบเฉยว่า “ชีวิตของคุณยังไม่ถึงเวลาสิ้นสุด อย่างน้อยก็ก่อนอายุหกสิบปีนี้ คุณจะไม่ตาย ตอนนี้เพิ่งจะได้สี่สิบเก้าปี ยังไม่ถึงเวลา”

จุยเฟิงชะงัก น้ำเสียงเช่นนี้ทำให้เขานึกไปถึงนิทานเก่าแก่ที่เขาเคยได้ยินมา “นายเป็นยมบาลจากนรกงั้นเหรอถึงได้รู้อายุขัยของฉัน?”

“ผมไม่ใช่ยมบาล” เจ้าของสมาคมเอ่ย “พวกคุณเหล่าปีศาจรู้มานานแล้วว่าประตูนรกไม่เปิด แม้จะเป็นยมบาลก็เดินออกมาไม่ได้”

จุยเฟิงขมวดคิ้ว “งั้น…นายทำนายดวงชะตาได้งั้นเหรอ? ถึงรู้ว่าฉันมีอายุเท่าไร?”

“ทำนายดวงชะตา?”

เจ้าของสมาคมลั่วคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็เอ่ยขึ้นอย่างสนใจว่า “ผมทำงานค้าขาย…แต่หากต้องการทำนายดวงชะตาก็ได้…คุณอยากให้ผมทำนายไหมล่ะครับ?”

จุยเฟิงกลับส่ายหัวทันที “ฉันไม่เชื่อเรื่องโชคชะตา ฉันเชื่อในตัวฉันเอง”

ลั่วชิวพยักหน้า เอ่ยว่า “อาการบาดเจ็บบนร่างกายของคุณหายดีแล้ว ที่นี่เป็นป่าเล็กๆ ในสวนสาธารณะแห่งความทรงจำจงซาน คุณน่าจะรู้ว่าวิธีออกไป…หากมีวาสนาค่อยพบกันใหม่”

เมื่อจุยเฟิงมองเห็นหญิงชายที่ช่วยตนเองกำลังจะหันหน้ากลับไปเช่นนั้นก็รู้สึกติดค้างบุญคุณ จึงรีบตะโกนออกไปว่า “รอเดี๋ยว!”

“ยังมีเรื่องอะไรอีกงั้นเหรอครับ?” ลั่วชิวหันหน้ากลับ ชี้ไปที่ท่อนไม้ตายและเอ่ยว่า “หากเป็นเรื่องปลวก ในนั้นยังมีอีกรัง หากกินไม่พอก็ดึงเอาอีกได้”

“จริงเหรอ!” ดวงตาของจุยเฟิงเปล่งประกายวาววาบตามธรรมชาตินิสัย อดเผยร่างเดิมออกมาไม่ได้…แต่เขาก็รู้สึกตัวอย่างรวดเร็ว จึงรีบหันกลับมาถามในทันทีว่า “ไม่ใช่!! นายยังไม่บอกฉันเลยว่าทำไมถึงต้องช่วยฉัน?”

“ผมพูดแล้วนิว่าก่อนหกสิบปีนั้น ชีวิตของคุณจะยังไม่สิ้นสุด”

“ฉันไม่เชื่อคำเหลวไหลพวกนี้!” จุยเฟิงสบถ “ฉันไม่เชื่อว่าจะมีใครช่วยคนอื่นเฉยๆ…ถึงจะมีก็ต้องวางแผนอะไรอยู่!”

ลั่วชิวถามกลับอย่างเรียบเฉยว่า “อย่างเช่น?”

“อย่างเช่น…” จุยเฟิงก้มหน้าลงพยายามครุ่นคิด แต่กลับคิดถึงตัวอย่างที่ชัดเจนไม่ออก

แต่เขากลับคิดไปถึงชีสขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าเขาจะทำร้ายชีสแต่ชีสก็ยังคิดช่วยเขา เขาวางแผนอะไร?

“อย่างเช่น…สุภาพบุรุษจอมปลอม!” จุยเฟิงสูดหายใจเข้าลึกๆ เงยหน้าขึ้น “เพื่อให้คนอื่นเชื่อถือจึงแสดงตัวให้คนอื่นเห็นว่าตัวเองใจกว้าง เพื่อ…เพื่อเป็นศูนย์กลางให้ทุกคนชื่นชอบ!”

“ทำไมต้องช่วยคุณ เหตุผลจริงๆ นั้นต้องขออภัยด้วยที่ไม่สามารถบอกคุณได้” ลั่วชิวส่ายหน้าในทันที “แต่…มีของอย่างหนึ่งที่มอบให้คุณได้”

เมื่อเจ้าของสมาคมพูดขึ้น คุณหนูสาวใช้ที่อยู่ข้างกายก็ยื่นมือออกมา ในมือของเธอมีการ์ดสีดำกำลังลอยหมุนตรงมาเบื้องหน้าของจุยเฟิง

โยวเย่เอ่ยเบาๆ ว่า “คุณจุยเฟิง โปรดเก็บการ์ดดำนี้เอาไว้ให้ดี ตอนที่คุณต้องการ มันจะชักนำคุณมาได้…คุณซื้อของทุกอย่างที่คุณต้องการได้จากพวกเรา ส่วนกฎของการแลกเปลี่ยนนั้น มันจะบอกคุณเอง”

จุยเฟิงเผชิญหน้ากับการ์ดดำใบนี้ เห็นเพียงลวดลายสีทองสองสายสลักอยู่ด้านบน เพียงแต่ดูเหมือนมันจะมีลวดลายสีทองถึงสี่สาย

แต่จุยเฟิงเพียงแค่สติหลุดไปนิดเดียว ชายหญิงแปลกประหลาดคู่นี้ก็หายไปแล้ว

ทุกอย่าง…ทุกอย่างงั้นหรือ?

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

มีตำนานเล่าขานกันว่า เมื่อคุณมีความปรารถนาอันแรงกล้า สถานที่แห่งหนึ่งจะปรากฏสู่สายตาของคุณ

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่แค่ตำนานเล่าขาน แต่มันมีอยู่จริง…ที่นี่

เมื่อคุณได้ก้าวเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ ไม่ว่าความปรารถนาของคุณจะเป็นอะไร ที่แห่งนี้พร้อมจะบันดาลให้มันเป็นจริง

แต่เราไม่ได้ให้คุณเปล่าๆ ทุกความปรารถนาย่อมมีสิ่งแลกเปลี่ยน ถ้าคุณไม่รู้จะแลกกับสิ่งไหน เราก็มีตัวเลือกให้คุณ…ความสุข อิสรภาพ หรืออายุขัย?

คุณพร้อมจะแลกเปลี่ยนกับเราแล้วหรือยัง?

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ดยินดีต้อนรับ…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท