ในหลังตรอก พวกแมลงสาบและมดที่เพิ่งออกมาหาอาหารเริ่มกระจายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว…ไม่ต้องพูดถึงหนูและแมลงวันที่ถือเอาที่นี่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์เลย
เพราะมีบางอย่างกำลังเข้าใกล้ที่นี่…ซึ่งก็คือหมอหลงซีรั่วมังกรแท้จริงแห่งแผ่นดินเทพผู้มีความสามารถในการส่งกลิ่นอายปีศาจที่สั่นสะท้านปีศาจได้ แล้วนับประสาอะไรกับแมลงเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้
“ที่นี่งั้นเหรอ…”
หลงซีรั่วเดินมาถึงส่วนลึกของตรอก บนพื้นด้านหน้ามีเส้นสีทองเส้นหนึ่ง…เส้นสีทองค่อยๆ จางลงและเปลี่ยนเป็นเส้นผมสีดำ จากนั้นก็สลายไป
แต่หลงซีรั่วกลับไม่พบจุยเฟิงที่นี่ สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเธอมีเพียงกองเลือดสีดำกองหนึ่งที่ส่งกลิ่นเหม็นคาวออกมาเท่านั้น
หลงซีรั่วขมวดคิ้ว แตะของเหลวเหล่านี้ขึ้นมาลูบๆ ดู “ถูกพิษงั้นเหรอ? แต่ทำไมถึงหายไปได้ มีร่องรอยมาถึงแค่ตรงนี้…”
นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก
หลงซีรั่วจำไม่ได้แล้วว่าครั้งก่อนที่การติดตามของเธอไม่มีผลลัพธ์นั้นเป็นเมื่อไหร่ ดูเหมือนจะเป็นเมื่อพันปีก่อน ตอนเธอติดตามเด็กคนหนึ่ง
เด็กคนนี้ชื่อว่า…อวี๋ไฉ่จี
เด็กที่เดิมทีมีความสามารถกลายเป็นปีศาจจิ้กจอกเก้าหางได้
…
…
ทันใดนั้นจุยเฟิงก็รู้สึกเย็นสดชื่น…ใช่แล้ว เย็นสดชื่น ไม่ใช่หนาวเย็น ไม่ใช่ความรู้สึกหนาวเย็นตอนใกล้ตาย
ความเย็นสดชื่นนี้คล้ายกับความรู้สึกสบายตอนได้กินไอศกรีมในวันที่อากาศร้อน ทำให้เขาส่งเสียงครางด้วยความสบายออกมา
จุยเฟิงลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะเหตุนี้…ตรงหน้าสว่างขึ้นในพริบตาจนเขารู้สึกแสบตา แต่ตอนนี้จุยเฟิงมองเห็นเงาร่างคนคนหนึ่งตรงหน้า
มนุษย์? ผู้หญิง?
จุยเฟิงพยายามลุกขึ้นมา ง่ายดายเป็นพิเศษ ดูเหมือนไหล่ของเขาจะไม่มีความเจ็บปวดอีกแล้ว แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีของบางอย่างตกลงมาจากหน้าผากของเขา
เป็นผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่ง ผ้าเช็ดหน้าชุ่มน้ำ
นอกจากผู้หญิงตรงหน้าแล้ว จุยเฟิงยังพบว่าตนเองอยู่ในป่าแห่งหนึ่ง…และเขาก็ยังมองเห็นถังขยะกับป้ายที่ติดบนต้นไม้เขียนว่า รักษาต้นไม้เป็นหน้าที่ของทุกคน
ที่นี่…น่าจะเป็นสวนสาธารณะ?
“คุณตื่นแล้ว” ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยเบาๆ
ทันใดนั้นจุยเฟิงก็รู้สึกว่าใบหน้าร้อนขึ้นมา…เขาไม่เคยพบเจอผู้หญิงที่งดงามสมบูรณ์แบบเช่นนี้มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือร่างแปลงปีศาจ
นับตั้งแต่ที่เขาเข้ามาในสังคมปีศาจและมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ มุมมองความงามส่วนมากนั้นเขาได้ซึมซับเอามาจากมนุษย์…จุยเฟิงรู้สึกว่าผู้หญิงตรงหน้านั้นน่ามองกว่าหลงซีรั่วเสียอีก
ที่สำคัญคืออ่อนโยนกว่ายายเฒ่าคนนั้นมาก…อย่างน้อยก็ในตอนนี้
“เธอ…เธอเป็นใคร?”
จุยเฟิงรู้สึกสงสัยจึงเอ่ยถามออกมา ในขณะเดียวกันเขาก็สังเกตเห็นว่าไม่ได้มีเพียงแต่ผู้หญิงคนนี้เท่านั้น แต่ข้างกายไม่ไกลออกไปยังมีผู้ชายอยู่อีกหนึ่งคน
ซึ่งตอนนี้กำลังนั่งยองๆ เล่นอะไรอยู่หน้าท่อนไม้ตาย
ตอนนี้ผู้ชายคนนั้นยืนขึ้นและหันหน้ากลับ…ทั้งยังเดินเข้ามาหาเขา
ตอนนี้จุยเฟิงถึงได้มองเห็นชัด ว่าเป็นผู้ชายสวมหน้ากากตัวตลกคนหนึ่ง อีกทั้งยังเลิกแขนเสื้อทั้งสองขึ้น
“อืม ตอนผมยังเด็กก็เคยเก็บของสิ่งนี้ที่บ้านเกิด”
คนสวมหน้ากากมองจุยเฟิงและสาวสวยคนนั้น “คนเฒ่าคนแก่ที่นั่นเล่าว่าแต่ก่อนตอนมีสงครามเข้าไปหลบอยู่ในภูเขาไม่มีอาหาร ก็พึ่งการเก็บของพวกนี้จากนั้นก็หาไข่นก ไม่ต้องใส่อะไรเลย แค่ย่างสักหน่อยก็อร่อยมากแล้ว”
ผู้หญิงคนนั้นยิ้มและเอ่ยว่า “นายท่านก็เคยกินเหรอคะ?”
“เคยกินสิ” ผู้ชายที่สวมหน้ากากตัวตลกเอ่ย “แต่จำไม่ได้แล้วว่ารสชาติเป็นยังไง แต่เหมือนรสชาติจะไม่เลว…เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งที่น่าสนใจดี”
ผู้หญิงคนนั้นยิ้มเล็กน้อย
ทันใดนั้นจุยเฟิงก็รู้สึกเหมือนว่าตนเองเป็นส่วนเกินเมื่ออยู่ตรงหน้าของชายหญิงคู่นี้…ผู้หญิงคนนี้เรียกเขาว่านายท่านงั้นเหรอ?
แต่ไม่ว่าในใจจะสงสัยอย่างไร ตอนนี้จุยเฟิงก็ยังกลืนน้ำลาย เพราะเขาถูกสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นดึงออกมาจากท่อนไม้ตายดึงดูดความสนใจ
เป็นอาหารที่หมาป่าชอบกิน ปลวก!
“อ๋อ ใช่แล้ว ที่จริงแล้วผมเอาสิ่งนี้มาให้คุณ” ผู้ชายที่สวมหน้ากากตัวตลก…เจ้าของสมาคมยื่นจานในมือออกไปตรงหน้าของจุยเฟิง
“ให้ฉัน?” จุยเฟิงชะงักและขมวดคิ้วขึ้น ไม่กล้ารับความหวังดีที่ดูแปลกหน้านี้ “ทำไม?”
“ทำไม?” เจ้าของสมาคมเอ่ยอย่างเรียบเฉยว่า “เมื่อท้องหิวก็กิน ไม่มีคำว่าทำไม” พูดแล้วลั่วชิวก็ชูจานขึ้นและเข้าไปใกล้จุยเฟิงอีก…จนถึงตำแหน่งที่โจมตีเขาได้รุนแรงที่สุด
หัวสีขาวๆ เล็กๆ เหล่านี้ดูเหมือนจะกระตุ้นความอยากของจุยเฟิง
ทันใดนั้นจุยเฟิงก็แย่งจานใบนั้นมาจากมือของเจ้าของสมาคม แล้วหมุนตัวกลับ นั่งลงบนพื้น ยื่นมือออกไปคว้าปลวกใส่เข้าไปในปาก
ไม่รู้ว่ารสชาติของปลวกจะแตกต่างจากปลวกที่ลั่วชิวเคยกินตอนเด็กๆ หรือไม่?
…
จุยเฟิงวางจานลงแล้วถึงเริ่มรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาอีกครั้ง…ใครจะถือจานไว้กับตัวแบบนี้ เพียงเพื่อเก็บปลวก?
แต่ถ้าหากบอกว่าจัดเตรียมไว้เพื่อเขา…แต่จุยเฟิงก็ไม่เคยพบคนแปลกหน้าสองคนนี้มาก่อน
แล้วไหนจะบาดแผลของเขา…
จุยเฟิงกระโดดขึ้นมาอย่างฉับพลัน ท่าทางเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ลืมบุญคุณที่อีกฝ่ายเพิ่งมอบอาหารให้ แยกเขี้ยวเอ่ยว่า “พวกนายเป็นใครกันแน่? ทำไมต้องช่วยฉัน?”
เจ้าของสมาคมลั่วเอ่ยอย่างเรียบเฉยว่า “ชีวิตของคุณยังไม่ถึงเวลาสิ้นสุด อย่างน้อยก็ก่อนอายุหกสิบปีนี้ คุณจะไม่ตาย ตอนนี้เพิ่งจะได้สี่สิบเก้าปี ยังไม่ถึงเวลา”
จุยเฟิงชะงัก น้ำเสียงเช่นนี้ทำให้เขานึกไปถึงนิทานเก่าแก่ที่เขาเคยได้ยินมา “นายเป็นยมบาลจากนรกงั้นเหรอถึงได้รู้อายุขัยของฉัน?”
“ผมไม่ใช่ยมบาล” เจ้าของสมาคมเอ่ย “พวกคุณเหล่าปีศาจรู้มานานแล้วว่าประตูนรกไม่เปิด แม้จะเป็นยมบาลก็เดินออกมาไม่ได้”
จุยเฟิงขมวดคิ้ว “งั้น…นายทำนายดวงชะตาได้งั้นเหรอ? ถึงรู้ว่าฉันมีอายุเท่าไร?”
“ทำนายดวงชะตา?”
เจ้าของสมาคมลั่วคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็เอ่ยขึ้นอย่างสนใจว่า “ผมทำงานค้าขาย…แต่หากต้องการทำนายดวงชะตาก็ได้…คุณอยากให้ผมทำนายไหมล่ะครับ?”
จุยเฟิงกลับส่ายหัวทันที “ฉันไม่เชื่อเรื่องโชคชะตา ฉันเชื่อในตัวฉันเอง”
ลั่วชิวพยักหน้า เอ่ยว่า “อาการบาดเจ็บบนร่างกายของคุณหายดีแล้ว ที่นี่เป็นป่าเล็กๆ ในสวนสาธารณะแห่งความทรงจำจงซาน คุณน่าจะรู้ว่าวิธีออกไป…หากมีวาสนาค่อยพบกันใหม่”
เมื่อจุยเฟิงมองเห็นหญิงชายที่ช่วยตนเองกำลังจะหันหน้ากลับไปเช่นนั้นก็รู้สึกติดค้างบุญคุณ จึงรีบตะโกนออกไปว่า “รอเดี๋ยว!”
“ยังมีเรื่องอะไรอีกงั้นเหรอครับ?” ลั่วชิวหันหน้ากลับ ชี้ไปที่ท่อนไม้ตายและเอ่ยว่า “หากเป็นเรื่องปลวก ในนั้นยังมีอีกรัง หากกินไม่พอก็ดึงเอาอีกได้”
“จริงเหรอ!” ดวงตาของจุยเฟิงเปล่งประกายวาววาบตามธรรมชาตินิสัย อดเผยร่างเดิมออกมาไม่ได้…แต่เขาก็รู้สึกตัวอย่างรวดเร็ว จึงรีบหันกลับมาถามในทันทีว่า “ไม่ใช่!! นายยังไม่บอกฉันเลยว่าทำไมถึงต้องช่วยฉัน?”
“ผมพูดแล้วนิว่าก่อนหกสิบปีนั้น ชีวิตของคุณจะยังไม่สิ้นสุด”
“ฉันไม่เชื่อคำเหลวไหลพวกนี้!” จุยเฟิงสบถ “ฉันไม่เชื่อว่าจะมีใครช่วยคนอื่นเฉยๆ…ถึงจะมีก็ต้องวางแผนอะไรอยู่!”
ลั่วชิวถามกลับอย่างเรียบเฉยว่า “อย่างเช่น?”
“อย่างเช่น…” จุยเฟิงก้มหน้าลงพยายามครุ่นคิด แต่กลับคิดถึงตัวอย่างที่ชัดเจนไม่ออก
แต่เขากลับคิดไปถึงชีสขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าเขาจะทำร้ายชีสแต่ชีสก็ยังคิดช่วยเขา เขาวางแผนอะไร?
“อย่างเช่น…สุภาพบุรุษจอมปลอม!” จุยเฟิงสูดหายใจเข้าลึกๆ เงยหน้าขึ้น “เพื่อให้คนอื่นเชื่อถือจึงแสดงตัวให้คนอื่นเห็นว่าตัวเองใจกว้าง เพื่อ…เพื่อเป็นศูนย์กลางให้ทุกคนชื่นชอบ!”
“ทำไมต้องช่วยคุณ เหตุผลจริงๆ นั้นต้องขออภัยด้วยที่ไม่สามารถบอกคุณได้” ลั่วชิวส่ายหน้าในทันที “แต่…มีของอย่างหนึ่งที่มอบให้คุณได้”
เมื่อเจ้าของสมาคมพูดขึ้น คุณหนูสาวใช้ที่อยู่ข้างกายก็ยื่นมือออกมา ในมือของเธอมีการ์ดสีดำกำลังลอยหมุนตรงมาเบื้องหน้าของจุยเฟิง
โยวเย่เอ่ยเบาๆ ว่า “คุณจุยเฟิง โปรดเก็บการ์ดดำนี้เอาไว้ให้ดี ตอนที่คุณต้องการ มันจะชักนำคุณมาได้…คุณซื้อของทุกอย่างที่คุณต้องการได้จากพวกเรา ส่วนกฎของการแลกเปลี่ยนนั้น มันจะบอกคุณเอง”
จุยเฟิงเผชิญหน้ากับการ์ดดำใบนี้ เห็นเพียงลวดลายสีทองสองสายสลักอยู่ด้านบน เพียงแต่ดูเหมือนมันจะมีลวดลายสีทองถึงสี่สาย
แต่จุยเฟิงเพียงแค่สติหลุดไปนิดเดียว ชายหญิงแปลกประหลาดคู่นี้ก็หายไปแล้ว
ทุกอย่าง…ทุกอย่างงั้นหรือ?