บทที่ 610 นับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีหรือเปล่า?
บทที่ 610 นับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีหรือเปล่า?
“เห็นว่าสองวันมานี้ร้านนั้นกำลังทำความสะอาดหน้าร้านน่ะ ได้ยินว่าทำธุรกิจอาหารปรุงสุกกัน บางทีกลิ่นเนื้อตุ๋นน่าจะมาจากร้านนั้นนะ”
คนอื่น ๆ ที่ได้ยินเริ่มสนใจ กลิ่นเนื้อหอมหวนแบบนี้ไม่ว่ายังไงก็ต้องลองชิมให้ได้ แต่ไม่รู้ว่าจะแพงมากหรือเปล่าน่ะสิ ถ้าแพงจริง ๆ บอกตามตรงว่าลังเล
สองพี่น้องที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ได้ยินบทสนทนาพอดี มุมปากของทั้งคู่มีรอยยิ้มผุดขึ้น
ยังไม่ทันเปิดก็มีคนรอจับจองกันแล้ว
เสี่ยวเถียนวิ่งเข้าไปหาอย่างว่องไว “เพื่อนบ้านทุกท่านคะ พรุ่งนี้ร้านกลิ่นเนื้อตุ๋นหอม ๆ ของบ้านเราจะเปิดแล้วค่ะ ทุกคนอย่าลืมมาอุดหนุนกันนะคะ”
เหล่าคนฟังต่างตกใจ
อย่างที่ว่านี่เป็นโลกแห่งการได้หน้า
เสี่ยวเถียนเป็นเด็กน่ารัก เวลาพูดก็เสียงดังฟังชัด สามารถทำให้คนชื่นชอบได้ง่าย
“สาวน้อย กลิ่นเนื้อตุ๋นลอยมาจากบ้านเธอหรือ?”
หญิงชราอายุอานามราว ๆ 50 ปีกว่าถามด้วยรอยยิ้ม
“ใช่ค่ะ เป็นของบ้านหนูเอง พรุ่งนี้เราจะเปิดร้านแล้ว คุณย่าอย่าลืมมาลองชิมนะคะ รับรองได้เลยว่าคุณต้องอยากกินอีกแน่ ๆ ค่ะ”
ซื่อเลี่ยงไม่คิดเลยว่าน้องสาวตนจะใจกล้าถึงขนาดเอ่ยปากชวนลูกค้าด้วยตัวเองแบบนี้ ทว่าหลังจากขบคิดดู สองวันมานี้ตอนที่น้องตั้งแผงขายตามประตูโรงงานต่าง ๆ น้องพยายามเชิญชวนลูกค้าอย่างเต็มที่ และยังดึงดูดพวกเขาได้สำเร็จทุกครั้งอีกด้วย
“ได้สิจ๊ะ พรุ่งนี้ฉันจะลองซื้อมาชิมสักครึ่งจินนะ!”
ถ้าเกิดมันเปิดตอนนี้เลย หญิงชราจะต้องเข้าไปซื้อทันทีแน่
“คุณปู่ คุณย่า คุณลุง คุณป้าทุกท่านคะ เรามีข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับเปิดร้านสามวันแรกด้วยค่ะ นั่นคืออาหารทุกอย่างลด 10% ถ้าพลาดไปหลังจากนี้จะต้องใช้เงินเยอะขึ้นแล้วน้า”
ที่จริงเรามีข้อเสนอนี้ที่ไหนกันล่ะ เสี่ยวเถียนแค่ทำให้มันมีลูกเล่นเฉย ๆ จะได้มีลูกค้ามาซื้อ
คนส่วนใหญ่เต็มใจฉวยโอกาสแบบนี้ทั้งนั้น ถึงจะรู้ว่าได้ผลประโยชน์เพียงเล็กน้อย แต่ก็ยังยินดีที่จะรับไว้ และการที่เสี่ยวเถียนพูดเช่นนั้น มันสามารถดึงดูดทุกคนได้สำเร็จ
10% ที่ว่าลดจากหยวนมาเหมาได้เลยนะ แม้จะฟังดูแล้วไม่เยอะ แต่ก็ประหยัดเงินได้นะ!
ทีแรกสองพี่น้องคิดจะกลับบ้านทันที แต่ตอนนี้เรามุ่งกลับไปยังร้านค้าแทน
ฉีเหลียงอิงเห็นลูกเดินกลับมาก็ตกใจ ทำไมถึงกลับมาล่ะ?
“กลับมาทำไมกันเนี่ย? มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?” เธอรีบถาม
เพราะยังไม่คุ้นเคยกับชีวิตในตัวเมืองของมณฑล แถมยังห่วงเด็ก ๆ ด้วย น้ำเสียงจึงมีความกังวลเล็กน้อย
“แม่ ผมโตตั้งขนาดนี้แล้วนะ จะไปเจอเรื่องอะไรได้ยังไงล่ะ?” ซื่อเลี่ยงยิ้มหลังจากเห็นว่าแม่เป็นห่วง
“แกจะโตกันสักเท่าไหร่เชียว? คนที่นี่เขาถือว่าถ้ายังไม่แต่งงานก็คือเด็กทั้งนั้นล่ะ!” ชายหนุ่มพูดไม่ออก
แล้วมันกลายเป็นเรื่องแต่งงานของเขาได้ยังไงเนี่ย?
เขายังไม่คิดจะหาคู่ครองสักหน่อย เพิ่งจะเข้าสู่วัยหนุ่มเอง จะรีบแต่งไปไหน?
เขายังคิดอยู่เลยว่าหลังเรียนจบอยากจะท่องเที่ยวไปชื่นชมวิวทิวทัศน์ของประเทศเสียหน่อย ถ้าแต่งงานก็คงไม่ได้ไปแล้วน่ะสิ?
เสี่ยวเถียนมองพี่ชายแล้วปิดปากยิ้ม
พี่ใหญ่อยากแต่งงาน ส่วนพี่รองยังไม่มีความคิดนั้น อย่างน้อยก็ช่วงเร็ว ๆ นี้แหละ
ส่วนแม่รองที่รออุ้มหลาน หนทางยาวไกลหน่อยนะคะ!
“ทำไมแกไม่พูดล่ะ? แกบอกเองนะว่าอายุตั้งขนาดนี้แล้ว งั้นแกดูผู้ชายในหมู่บ้านที่อายุเท่าแกซิ มีกี่คนที่ยังไม่แต่งงาน?” ฉีเหลียงอิงเริ่มฉอดทันที
ซื่อเลี่ยงแทบอยากพุ่งออกไปข้างนอกนัก!
“แม่ เสี่ยวเถียนมีเรื่องมาคุยกับแม่น่ะ!” เขาดันน้องสาวออกมาข้างหน้า
แววตาเชิงตำหนิมมองน้องเล็ก ยัยเด็กคนนี้ รักไปเสียเปล่าจริง ๆ ไม่รู้จักช่วยเขาในตอนคับขันเสียบ้าง ยืนมองแม่รังแกเขาอยู่ได้!
เสี่ยวเถียนรู้ได้ว่าพี่รองคงทนไม่ไหวจึงเล่าเรื่องราวให้ฟัง
“แม่รอง หนูกำลังคิดว่าพรุ่งนี้เรามาทำจุดขายกันสักหน่อยดีกว่าค่ะ เช่นสามวันแรกลดราคา ซื้อครบสิบหยวนลดหนึ่งหยวน อะไรแบบนี้ แม่รองว่าได้หรือเปล่าคะ?”
เสี่ยวเถียนคิดกลเม็ดการขายของยุคหลัง ๆ ไว้เพียบเลย สำหรับยุคนี้เป็นอะไรที่น่าสนใจมากเลยนะ
ที่จริงพวกระบบบัตรสมาชิกก็ไม่ได้แย่อะไร แต่เพราะยุคนี้ไม่ว่าทุกอย่างต้องลงมือทำเองทั้งนั้น ถ้าจะใช้บัตรสมาชิกก็ดูลำบากอีก ไว้กลับไปคิดหาวิธีดี ๆ กว่านี้ดีกว่า
ฉีเหลียงอิงขมวดคิ้ว ไม่ว่าจะเป็นส่วนลดหรือกิจกรรมลดราคาเต็มรูปแบบอะไรใดๆ ก็ตาม มันทำให้เราได้เงินช้าเท่านั้น แทนที่จะมีรายได้ 10 หยวน แต่ก็หายไป 1 หยวน แต่ละวันผ่านไป เงินที่ได้ไม่ยิ่งน้อยลงหรอกหรือ
แต่เสี่ยวเถียนรู้จักแม่รองดี โรคเก่าอย่างการใจแคบมันออกมาอีกแล้ว
“แม่รอง ถ้าแม่ดึงดูดลูกค้าในสามวันแรกได้ มันจะดีต่อการพัฒนาร้านในภายภาคหน้านะคะ!” เสี่ยวเถียนเอ่ยอย่างจริงจัง
ถ้าสามวันแรกคนน้อย มันจะส่งผลต่อธุรกิจในอนาคตแน่นอน เราควรให้ทุกคนได้รองชิมช่วงนี้ก่อน
“ถ้าสามวันแรกได้เงินน้อย งั้นถ้าเราขายเพิ่มอีกสักสิบยี่สิบจิน เราจะไม่ได้เงินคืนมาหรอกหรือ?”
ตอนเปิดร้านในเมืองก็ใช้วีธีคล้าย ๆ กันนี่แหละ ซื่อเลี่ยงเห็นมากับตาแล้วจึงพยักหน้าสนับสนุน
“แม่ครับ ร้านในเมืองหลวงส่วนใหญ่ก็ทำแบบนี้ทั้งนั้นเลย นี่เป็นวิธีดึงดูดลูกค้าด้วยน่ะ”
คนเป็นแม่พยักหน้าเมื่อลูกทั้งสองพูดเหมือนกัน “ก็จริง เราต้องทำธุจกิจอีกยาวนี่เนอะ”
ทว่าเธอก็ไม่ได้ตัดสินใจเพียงลำพัง ยังหันไปถามสามีอีกด้วย “พ่อคุณ คิดว่ายังไงบ้าง?”
เหล่าเอ้อร์เป็นพวกคิดเล็กคิดน้อย ตอนได้ฟังคำของลูกก็รู้สึกว่าเหมาะดี
“ฉันว่าทำได้นะ เด็กสองคนนี้เห็นอะไรในเมืองหลวงมาเยอะ ต้องพูดจามีเหตุผลอยู่แล้ว”
“…” เสี่ยวเถียน
“…” ซื่อเลี่ยง
เหตุผลอะไรล่ะนั่น? เพราะมีประสบการณ์ในเมืองหลวงมาก่อน?
ช่างเถอะ ไม่ต้องห่วงหรอก ขอแค่บรรลุผลของเราก็พอ!
เด็กสาวยิ้ม “แม่รอง พรุ่งนี้หนูกับพี่รองจะออกมาช่วยแต่เช้านะคะ แม่พักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้น่าจะยุ่งมากเลย”
สองพี่น้องบอกลาก่อนเดินกลับบ้าน
คืนนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เช้าวันรุ่งขึ้น ในตอนที่เสี่ยวเถียนเดินมายังประตูร้านขายหมูตุ๋นก็พบว่ามีคนมารออยู่เต็มไปหมด
เธอหัวเราะ
นับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีหรือเปล่า?