บทที่ 614 เราหาเงินไปเพื่ออะไร
บทที่ 614 เราหาเงินไปเพื่ออะไร
“แม่รอง เราเอากระดูกหมูมาทำอาหารเย็นกันค่ะ ทำเป็นซี่โครงผัดเปรี้ยวหวานกับกระดูกใหญ่ราดซอส”
หลังจากยุ่งมาทั้งวัน เสี่ยวเถียนคิดเมนูอาหารที่อยากกินในวันนี้ ประจวบเหมาะกับที่เรามีซี่โครงกับกระดูกใหญ่พอดีเลย เธออยากกินแบบผัดเปรี้ยวหวานมาก
“ได้จ้ะ ถ้าเสี่ยวเถียนอยากกิน เดี๋ยววันนี้เราทำกินกัน แม่เห็นพ่อรองซื้อผักกลับมาเยอะแยะเลย เดี๋ยวเอามาผัดสักจาน แล้วก็หุ่งข้าวกินกัน”
ข้าวสารในพื้นที่ตะวันตกเฉียงเหนือของจีนเป็นของหายาก เพราะทุกคนคิดแต่ว่ากินบะหมี่แทนข้าวขาวไปเลย
“แต่กระดูกใหญ่กับซี่โครงจะเอาไว้ตุ๋นขายพรุ่งนี้ไม่ใช่หรือ ทำไมทำกินเองเสียล่ะ?” จู้จื่อตกใจ
กระดูกใหญ่กับซี่โครงราคาไม่ใช่ถูก ๆ เลยนะ กินเองแบบนี้เสียดายของแย่!
เสี่ยวเถียนยิ้ม “อาสี่ คนเราหาเงินไปเพื่ออะไรคะ? เพื่อให้มีชีวิตที่ดีขึ้นไม่ใช่หรือ? ต่อให้ขายได้แต่ถ้าไม่เอามาซื้ออะไรกินเลย แล้วเงินพวกนั้นจะไปมีประโยชน์อะไรคะ?”
หลี่จู้จื่อเงียบไป
เราหาเงินเพื่อให้มีชีวิตที่ดีขึ้นไม่ใช่หรือ? หามาเพื่อเก็บเงินให้ลูกทำงานหาเงิน แต่งภรรยาไม่ใช่หรือไง?
แล้วจะหาเงินไปเพื่อตัวเองทำไม?
“จู้จื่อ ไม่ต้องไปฟังเสี่ยวเถียนพูดพล่ามหรอก เขาก็พูดแบบนี้อยู่แล้ว”
ฉีเหลียงอิงหัวเราะ ไม่รอช้าเริ่มแบ่งเนื้อหมู และเลาะกระดูกออกจากเนื้อทันที ลูกสาวอยากกินซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวาน เธอเลยตั้งใจจะแบ่งเอาเนื้อมาเยอะ ๆ หน่อย ไม่ให้มีแต่กระดูก
ส่วนกระดูกใหญ่แค่มีเนื้อติดอยู่เล็กน้อยก็พอแล้ว เสี่ยวเถียนรับหน้าที่เป็นลูกมือ ช่วยชายอีกสามล้างเนื้อ ล้างไข่ไก่อะไรก็ว่าไป ทุกคนช่วยกันทำงานอย่างขยันขันแข็ง
หกโมงตรง อาหารเย็นเป็นอันเสร็จเรียบร้อย
เนื้อและไข่ที่จะนำมาตุ๋นในตอนกลางคืนก็เรียบร้อยแล้วเช่นกัน
จู้จื่อขยับตัวบิดขี้เกียจ “ดูเหมือนง่ายนะ แต่พอทำจริง ๆ ไม่ใช่แบบนั้นเลย อาสะใภ้ทำคนเดียวคงจะเหนื่อยน่าดู!”
เขารักภรรยามาก ขนาดตัวเองเหนื่อยยังอดนึกถึงภรรยาไม่ได้
“อาสี่หาคนที่ไว้ใจได้สักคนมาสิคะ แล้วก็จ้างเดือนละ 30 หยวน หาคนที่ซื่อสัตย์และมั่นคงดีสุดเลยค่ะ”
เราควรจ้างคนอยู่แล้ว ถึงจะดูแลคนเดียวไหว แต่ขั้นตอนการตุ๋นเนี่ยสิที่จะยุ่ง และมันเหนื่อยจริง ๆ นะ
เธอบอกเฉย ๆ แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธตรง ๆ
“ไม่เอาหรอก ๆ ถ้าเกิดใบสั่งยาที่ต้องใช้รั่วไหลขึ้นมาทำยังไงล่ะ?”
เรื่องนี้มันสำคัญมากนะ จะให้เกิดปัญหาไม่ได้ โดยเฉพาะได้เห็นจากความนิยมในวันนี้แล้ว จู้จื่อยิ่งมั่นใจยิ่งกว่าเดิม
ทั้งกำลังคิดอยู่ว่าไม่งั้นเราไปทำอย่างอื่นดีไหม จะได้เป็นการปกป้องร้านด้วย
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มันไม่ได้รั่วไหลกันง่ายขนาดนั้นไว้กลับไปหนูจะกลับไปบดยาให้นะคะ หนึ่งเพื่อกระตุ้นรสชาติง่าย ๆ สองคือเพื่อป้องกันไม่ให้ยาในสูตรนี้รั่วไหลค่ะ”
เธอคิดวิธีแก้ปัญหาในทันที อันที่จริงต่อให้มันรั่วไปก็ไม่เห็นเป็นอะไร เพราะส่วนผสมหลักแลกมาจากระบบร้านค้านี่นา
แต่เธอไม่ได้พูดมันออกไป
“ดีจังเลย ไว้ร้านขายใหญ่ขึ้นค่อยจ้างแล้วกันนะ!” ฉีเหลียงอิงมีความสุขมาก “เคยคิดเหมือนกันว่าถ้ามีคนเห็นห่อเครื่องปรุงของเราแล้วเลียนแบบขึ้นมาจะทำ ยังไง!”
ซื่อเลี่ยงตกใจมากที่แม่คิดแบบนั้น
เพราะรู้มาตลอดว่ามารดาตนไม่ใช่คนระมัดระวังตัว แต่ไม่นึกเลยว่าเพื่อประหยัดกำไร 20% ที่ต้องให้น้องเล็ก สุดท้ายก็เลือกสูตรของตัวเองแทน
แต่ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าแม่จะซื่อตรงขนาดนี้
ซื่อเลี่ยงคิดมาตลอดว่าเสี่ยวเถียนอนาคตไกล ยิ่งถ้าได้อยู่กับน้องด้วย อนาคตจะยิ่งไกลกว่านี้อีก
แต่ก็กลัวอีกเหมือนกันว่าจะเลอะเลือนทำให้น้องเคืองใจเอาได้
ทว่าตอนนี้โล่งใจแล้วล่ะ
“แม่ ไม่เคยคิดบ้างหรอกครับว่าในนั้นมันมีอะไรบ้างน่ะ?” ซื่อเลี่ยงถามเสียงแผ่ว
ฉีเหลียงอิงจ้องลูกชายเขม็ง “ไอ้เด็กเวรนี่ แกเห็นแม่แกเป็นคนแบบนั้นเรอะ?”
ฝ่ายลูกชายรีบหาชีวิตรอดทันที “ไม่อยู่แล้วครับ แม่เป็นคนมีหลักการเสมอ รักการหาเงินในทางที่ถูกต้องด้วย!”
ได้ยินคำเยินยอเช่นนั้น คนเป็นแม่พึงพอใจเป็นอย่างมาก
ดีที่ลูกคิดแบบนี้ ถึงเธอจะใจแคบแต่อะไรที่ไม่ใช่ของตัวเองก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นเสียหน่อย!
ทุกคนนั่งล้อมเคาน์เตอร์เพื่อลงมือกินข้าว มื้ออาหารวันนี้ดียิ่งนัก
“วันนี้วันดีเราได้เปิดร้าน มื้อนี้ถือเป็นการเฉลิมฉลองนะ!” ฉีเหลียงอิงแย้มยิ้มอย่างมีความสุข
พอกินเสร็จ เราก็เอาเนื้อลงไปตุ๋น ส่วนไข่ที่ตุ๋นจนสุกแล้วก็มาแกะเปลือกออก ตอนนั้นเองท้องฟ้าได้แปรเปลี่ยนเป็นดำสนิทแล้ว
ตอนเย็นจะมีสองสามีภรรยาอยู่เฝ้าร้าน ส่วนอีกสามคนกลับไปยังที่พัก
คืนนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ในเช้าวันที่สอง ธุรกิจร้านอาหารตุ๋นดีกว่าวันแรก
เพราะเมื่อวานผู้ใหญ่ทั้งสองเอาเนื้อกลับมาได้กว่าร้อยจิน ถึงจะเลาะเอากระดูกออกแล้ว แต่ก็ยังเกือบร้อยจินอยู่ดี ตกเที่ยงก็ขายหมดแล้ว
แม้แต่ไข่และผักยังขายเร็วขึ้นเลย มีลูกค้าหน้าเดิมกลับมาซื้อด้วย
จากนั้นก็มีอีกหลายคนที่ได้ลองชิมแล้วซื้อกลับไปทันที
ช่วงบ่ายไม่มีคน ฉีเหลียงอิงเริ่มนับเงินในกล่องกระดาษแข็ง
เรายุ่งกันมากจนโยน ๆ เงินไว้ในกล่อง
หลังจากเริ่มนับทีละห้า รอยยิ้มบนใบหน้าเธอสดใสกว่าเดิม
เงินที่ได้มาเมื่อวานก็ไม่ได้น้อยนะ แต่วันนี้กลับได้เยอะกว่าเมื่อวานเสียอีก
“พ่อคุณ ถ้าหลังจากนี้เราหาเงินได้แบบวันนี้บ้างคงจะซื้อบ้านได้เองแล้วเนอะ”
เสี่ยวเถียนกำลังอ่านหนังสืออยู่ข้าง ๆ อดตกใจไม่ได้เมื่อได้ยินเช่นนั้น แม่รองเริ่มมีแผนการเป็นของตัวเองแล้ว ตอนนี้คิดไปถึงซื้อบ้านแล้วด้วย
ต้องรู้ก่อนว่าในยุคนี้ต่อให้มีการซื้อขายบ้าน แต่คนส่วนใหญ่คิดที่จะรอประเทศแจกให้ จึงมีน้อยคนที่คิดจะซื้อบ้านให้ตัวเอง
เสี่ยวเถียนไม่ได้สนใจเรื่องนี้อยู่แล้ว คนมีหน้าที่การงานก็ได้บ้านไป ส่วนคนที่ไม่มี นอกจากซื้อเองก็ไม่มีทางได้บ้านเลย
“แม่รองหมายถึงว่าไว้มีเงินก่อนแล้วจะซื้อบ้านในเมืองเพื่อยืนหยัดน่ะค่ะ”
“ทำไมต้องซื้อบ้านด้วยล่ะ ใช่ว่าเราจะไม่มีที่ให้อยู่เสียหน่อย?” เหล่าเอ้อร์ไม่ได้ใส่ใจ
ที่เราอาศัยอยู่ก็กว้างพอ ๆ กับที่หงซินนะ
แถมในอำเภอก็มีอยู่อีกหลัง แต่แค่ไม่มีคนอยู่เท่านั้นเองแล้วทำไมต้องซื้อในมณฑลอีกล่ะ จะไม่เป็นการเสียเงินเปล่าหรอกหรือ?
ฝ่ายภรรยาได้ยินเช่นนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าพลันจางลง เห็นได้ชัดเลยว่าไม่ค่อยมีความสุขเท่าไร
“พ่อรอง เรื่องนี้ฟังแม่รองเถอะค่ะ พ่อจะให้แม่รองอยู่ร้านไปตลอดไม่ได้ใช่ไหมคะ? อีกอย่างร้านนี้เราเช่าเขามานะ”
เพราะได้เสี่ยวเถียนชี้บอก เหล่าเอ้อร์จึงเข้าใจ
ถ้าเราดำเนินธุรกิจต่อไป คงไม่สามารถกลับไปหงซินได้อีก
ยังไงก็ต้องซื้อบ้านไว้ในมณฑลอยู่ดี