บทที่ 622 ปัญหาทางใจเป็นปัญหาใหญ่นะ
บทที่ 622 ปัญหาทางใจเป็นปัญหาใหญ่นะ
เธอตัดสินใจคุยกับครูฮวางด้วยเรื่องนี้ และคิดว่าปัญหาไม่น่าเกิดขึ้นกับแค่พี่ชายคนเดียวเท่านั้น แค่อีกฝ่ายสังเกตเห็นได้ชัดว่าเด็กคนอื่น ๆ ก็เท่านั้น อาจจะหดหู่อยู่ ยังไม่ได้ระเบิดอารมณ์ออกมา
ตอนครูฮวางเห็นเสี่ยวเถียนก็ตกใจมาก ถึงเด็กคนนี้จะเรียนเก่ง แต่เป็นคนไม่สุงสิงกับใคร และแทบไม่เคยมาหาครูที่สำนักงานเลยด้วย
“นักเรียนซูเสี่ยวเถียน มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” ตอนเห็นอีกฝ่าย ฮวางเหวินป่ายเป็นมิตรมาก
การสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีนี้ ฉืออี้หย่วนจากโรงเรียนมัธยมอันดับเจ็ดสอบได้อันดับที่สองของเมืองหลวง
เขาคิดว่าปีหน้าอาจจะพึ่งพาเสี่ยวเถียนเพื่อชิงเกียรติยศนั้นมาและทำลายสถิติของโรงเรียนอีกครา ปกติแล้วเขามักจะมองเสี่ยวเถียนต่างจากคนอื่น
“ครูฮวางคะ เรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ…”
เสี่ยวเถียนอธิบายปัญหาที่เธอเจอในเสี่ยวปาให้ฟังสั้น ๆ ทั้งยังพูดถึงความกังวลของตัวเองออกไปด้วย
ฮวางเหวินป่ายอ้าปากกว้าง ไม่รู้จะพูดอะไรเลย การที่เขาสนับสนุนและให้กำลังใจเด็ก ๆ ให้ตั้งใจเรียนมากขึ้น มันไปสร้างความกดดันได้ยังไง? แถมจากที่เสี่ยวเถียนบอกมานั้น อาจมีคนอื่น ๆ ที่มีอาการแบบนี้ด้วยหรือ?
“นักเรียนซูเสี่ยวเถียน เธอพูดจริงหรือเปล่า?”
เด็กสาวพยักหน้าจริงจัง
“ครูฮวางคะ ครูอาจจะคิดว่าเด็กที่สอบเข้าโรงเรียนเราได้นั้นเก่งมาก แต่ยิ่งพวกเขาเก่งมากเท่าไหร่ แรงกดดันก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้นค่ะ”
นี่เป็นครั้งแรกที่ฮวางเหวินป่ายได้ยินข้อโต้แย้งเช่นนี้ เขาไม่เคยได้ยินใครพูดมาก่อนเลยว่าคนเก่ง ๆ จะมีแรงกดดันสูง ไม่ใช่ว่ายิ่งเก่งยิ่งกดดันน้อยหรอกหรือ?
เพราะยังไงพวกเขาก็ทำผลลัพธ์ได้ดีกว่าคนอื่นอยู่แล้ว เพราะต่างก็มีความคิดเหมือนกันและมีความตั้งใจอย่างหนัก
“มันจะเป็นไปได้หรือ? งั้นเธอเองก็กดดันเหมือนกันน่ะสิ?”
ฮวางเหวินป่ายถามอย่างคลุมเครือ หรือเสี่ยวเถียนเองจะรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน? แต่เสี่ยวเถียนกลับสับสน เราคุยเรื่องพี่แปดอยู่นะ แล้วมันวกมาเรื่องตัวเธอได้ยังไง?
“ครูฮวางคะ หนูมีความสามารถในการอดทนต่อแรงกดดันได้ดีค่ะ!”
หลังจากนั้นเธอก็ตอบอย่างเฉยเมย
ไม่ให้แข็งแกร่งได้ยังไง?
เธอเกิดมาสองชาติแล้วนะ
“แล้วเธอมีคำแนะนำดี ๆ หรือเปล่า?” ครูฮวางไม่เห็นความกดดันในใจเด็กจึงโล่งใจขึ้น
“หนูคิดว่าการเรียนรู้เป็นสิ่งสำคัญก็จริง แต่สภาพจิตใจของนักเรียนที่ต้องสอบก็สำคัญไม่แพ้กันค่ะ! ทางโรงเรียนสามารถให้คำปรึกษาด้านจิตวิทยากับนักเรียน เพื่อให้พวกเขาได้ผ่อนคลายและพร้อมสำหรับการสอบไหมคะ?”
ถ้ามีปัญหาด้านจิตใจ มันอาจส่งผลกระทบต่อการสอบเป็นอย่างมาก
ในชาติที่แล้ว เธอเคยเห็นจากหลาย ๆ กรณีทั้งในหนังสือพิมพ์และทีวีเลย เป็นเรื่องที่เด็กสอบไม่ผ่านเพราะจิตใจรับความกดดันไม่ไหว
แค่ไม่คิดว่ามันจะเกิดกับคนในครอบครัวก็เท่านั้น
เธอไม่เคยเจอเลยจนกระทั่งช่วงปี 90 อาจจะมีมาตั้งนานแล้วแค่ไม่มีใครสังเกตก็เท่านั้น
เช่น ก่อนสอบจะท้องเสีย ปวดหัว เลือดกำเดาไหลโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือแม้แต่เป็นหวัดด้วย เป็นไปได้ว่าเพราะความกดดันของการสอบจึงเป็นบ่อให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ แต่คนอื่น ๆ กลับมองว่าโชคร้ายเฉย ๆ ไม่มีอะไรมากหรอก!
ผลการเรียนของเสี่ยวปาไม่แย่ ถึงฮวางเหวินป่ายจะไม่ได้ตั้งความหวังไว้สูงเหมือนกับเสี่ยวเถียน แต่ก็ยังหวังให้เด็กคนนั้นสอบได้คะแนนดี ๆ
“ซูเสี่ยวเถียน ตอนนี้เธออยู่ในสภาพจิตใจดีใช่ไหม? มีเคล็ดลับอะไรหรือเปล่า?”
เพราะเสี่ยวปาเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของเสี่ยวเถียน ถ้าเด็กคนนี้มีวิธี มันอาจดีกว่าการขอคำแนะนำจากครูจิตวิทยาก็ได้
“หนูสบายดีค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ แต่จะพยายามให้พี่เขาผ่อนคลายมากที่สุด และปรับสภาพจิตใจให้ค่ะ”
ได้ยินเช่นนั้นก็สบายใจ
เขารู้อยู่แล้วว่าเธอเก่ง ขอแค่ลงมือทำก็ไม่มีปัญหาไหนที่แก้ไขไม่ได้ แต่ก็จริงอย่างที่เธอว่า คนอื่น ๆ อาจจะมีปัญหาเหมือนกันก็ได้ เราควรแก้ไขให้เร็วที่สุด
“เสี่ยวเถียน ครูเข้าใจปัญหาที่เธอบอกแล้วล่ะ เดี๋ยวจะรายงานให้ครูใหญ่ทราบทันทีเลยว่าเขาจะมีการจัดการแบบไหนบ้าง” ฮวางเหวินป่ายเอ่ยอย่างจริงใจ
“ขอบคุณค่ะครูฮวาง หนูคิดว่าการมีสภาพจิตใจที่ดีสามารถช่วยให้ผลการเรียนของเราดีขึ้นได้ และหนูยังเชื่ออีกว่าถ้าทุกคนสามารถสอบเข้าวิทยาลัยในสภาพจิตใจที่แข็งแรงได้ ผลคะแนนจะออกมาดีแน่นอนค่ะ” เด็กสาวยิ้ม
ว่าจบก็หมุนตัวเดินจากไป
ฮวางเหวินป่ายตกอยู่ในความคิดลึก ๆ
เด็กคนนี้เก่งกว่าที่คิดไว้มาก
เธอพบปัญหาที่ครูอย่างเขาคาดไม่ถึงด้วยซ้ำ
ต้องรีบไปขอคำแนะนำจากครูใหญ่เสียแล้ว หากเป็นไปได้ก็อยากให้ตรวจสอบสภาพจิตใจนักเรียนสักครั้งเพื่อดูว่ามีปัญหาตามที่ซูเสี่ยวเถียนบอกหรือเปล่า
ส่วนเสี่ยวเถียนไม่สนใจเรื่องนี้ต่อ
ตอนนี้เธอยุ่งหัวหมุนมาก
ตอนที่เธอไปเที่ยวพักผ่อน ทางโรงงานตงเฟิงและฉี่ลี่ส่งเอกสารมาให้แปลหลายฉบับเลย และเธอต้องหาเวลาแปลพวกมันภายในวันนี้
ไม่รู้หรอกว่าโรงเรียนจะหาจิตแพทย์ได้หรือเปล่า เพราะในยุคนี้มีคนทำอาชีพนี้น้อยมาก หรืออาจจะไม่มีในประเทศเลยด้วยซ้ำ
อย่างที่ว่า เสี่ยวเถียนตั้งใจจะศึกษาด้วยตัวเอง
คนในยุคนี้ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับปัญหาทางจิตใจ
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะพวกเขาไม่มีค่อยมีปัญหามากเท่าคนในยุคปัจจุบัน อีกมุมหนึ่งคือพวกเขาคิดว่าแค่ร้องไห้ครวญครางก็หายแล้ว! แต่เสี่ยวเถียนจะเสี่ยงปล่อยพี่ไว้ไม่ได้ ต้องแก้ปัญหาโดยพลัน
แล้วก็มีเรื่องโรงงานด้วย ไว้หาวันคุยแล้วกัน
ส่วนเรื่องสุ่มรางวัลในระบบ เธอขอทิ้งมันไว้ก่อน ไม่มีเวลาให้สนใจเลย
ตอนนี้เธอยุ่งจริง ๆ จนคิดว่าต่อให้แยกร่างออกมาอีกร่างยังไม่พอด้วยซ้ำ ได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำ ถ้าหาเวลาผ่อนคลายได้บ้างก็คงดี ตอนนี้ยังหวังมีชีวิตพลิกผันอยู่นะ ไม่ใช่สภาพอย่างในตอนนี้
ฝั่งเสี่ยวซื่อกลับรู้สึกเวลามันไม่พอเหลือเกิน
ตั้งแต่เปิดร้านสาขาใหม่ เขายุ่งจนแทบจะเหาะแล้ว
ตารางเรียนก็แน่นอยู่แล้ว ผนวกกับงานที่หรงฟาง และร้านที่กำลังจะเปิดอีก ไม่แปลกที่จะยุ่งขนาดนี้
แต่พอเห็นรายได้ที่ได้รับ เขารู้สึกว่าต่อให้ยุ่ง 24 ชั่วโมงก็ยังคุ้ม ขนาดหลับตานอนฝัน ยังฝันว่านั่งนับเงินเลย
ส่วนฉืออี้หย่วนก็ไม่น้อยหนา คณะวิศวกรรมโยธาเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน
ในการเรียนรู้ในสาขาวิชานี้จำเป็นต้องเรียนรู้ความรู้ทางวิชาชีพมากมาย และในขณะเดียวกันก็มีธุรกิจที่ต้องดูแลด้วย